เดินเที่ยวภูเก็ตภาพบาดตาคนไทย
‘เทพไท’ซัด‘ทักษิณ’
ตอกย้ำปฏิบัติ 2 มาตรฐาน
รมต.ใหม่แห่ตรวจโควิด
ก่อนเข้าถวายสัตย์ฯ 3 พ.ค.
“เทพไท” ซัดแรง “ทักษิณ” ไปเดินเที่ยวภูเก็ต “ภาพบาดตาคนไทย” ตอกย้ำปฏิบัติสองมาตรฐาน เหน็บพึงสำรวมการใช้ชีวิตนักโทษพิเศษก้าวไกลแซะทักษิณโผล่ทัวร์ภูเก็ตทำชาวบ้านสงสัยครม.สัญจรกี่ที่-นายกฯกี่คน เชื่อ “ยิ่งลักษณ์’ กลับไทย เป็นไปได้สูง ลามสงสาร “เศรษฐา” หนักใจแน่ “รัฐมนตรีใหม่” ตบเท้า
เข้าทำเนียบฯตรวจโควิดก่อนเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯศุกร์3 พ.ค.นี้ ‘พิชัย’ขึ้นตึกบัญชาการ ห้องทำงานรองนายกฯ บอกคุ้นเคยกับตึกนี้อยู่แล้ว‘อรรถกร’เผย‘บิ๊กป้อม’ฝากฝัง อย่าให้เสียชื่อ สั่งลุยงาน‘ก.เกษตร’ รับกดดันแต่เตรียมตัวพร้อมแล้ว เผน‘เศรษฐา’เคาะนั่ง รมต.หลังเสนอหลายชื่อ พร้อมขอบคุณคน‘พปชร.’ให้กำลังใจ สยบข่าวแรงกระเพื่อม ลั่นพร้อมขับเคลื่อนนโยบายตามธง‘นายกฯ-ธรรมนัส’
เมื่อวันที่ 2 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก“เทพไท– คุยการเมือง”หัวข้อ“ทักษิณ ไปภูเก็ต ภาพบาดใจคนไทยทั้งประเทศ”
ซัด‘แม้ว’ไปภูเก็ตภาพบาดตาคนไทย
โดยระบุว่าเห็นภาพคุณทักษิณ ชินวัตร นักโทษที่ได้รับการพักโทษ แต่ทำตัวเป็นผู้มีบารมี เดินสายไปทั่วทุกที่ ล่าสุดมีการเดินทางไปจังหวัดภูเก็ต โดยอ้างว่าเดินทางไปเป็นการส่วนตัว แต่ภาพที่เห็นมีข้าราชการระดับสูงมาต้อนรับมากมายหลายคน รวมทั้งผู้นำภาคเอกชน ก็มาร่วมรับด้วย ทำให้เกิดภาพบาดตาบาดใจ และเสียดแทงความรู้สึกของนักโทษทั่วไป รวมถึงญาติของนักโทษ ที่ลูกหลาน ญาติพี่น้อง ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ โดยไม่ได้รับอภิสิทธิ์ใดๆเหมือนกับคุณทักษิณ
มิหนำซ้ำคุณทักษิณยังได้รับการพักโทษ โดยไม่ต้องติดกำไลEM จากกรมคุมประพฤติ สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบการเดินทาง และถิ่นที่อยู่ได้ เพราะการไม่ติดกำไลEM ทำให้กรมคุมประพฤติไม่สามารถจับสัญญาณ ติดตามความเคลื่อนไหวใดๆได้เลย
ตอกย้ำสองมาตรฐาน-ตะลอนทัวร์
เมื่อมาเปรียบเทียบกับตัวผม ซึ่งยังต้องติดกำไลEMอยู่ และได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของกรมคุมประพฤติอย่างเคร่งครัด ไม่เคยเดินทางไปต่างจังหวัดเลย มีแต่ได้ขออนุญาตไปบันทึกเสียงร้องเพลง ที่อำเภอบางบัวทองเท่านั้น เมื่อวานซืน แค่เดินทางไปออกรายการ รู้ทันการเมืองไทย ของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ช่อง13 สยามไทย ที่เมืองทองธานี ยังถูกเจ้าหน้าที่ของกรมคุมประพฤติ โทรตามตัวกันจ้าละหวั่น ทั้งที่ได้แจ้งและขออนุญาตไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ก็ยังมีการตรวจสอบอย่างละเอียดยิบ
ปรากฏการณ์อย่างนี้เมื่อเปรียบกับคุณทักษิณ จะเรียกว่า สองมาตรฐานได้หรือไม่?การเดินทางไปจังหวัดภูเก็ตของคุณทักษิณสามารถทำได้ ถ้าขออนุญาตต่อกรมคุมประพฤติเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องถามว่าเป็นความเหมาะสมหรือไม่ การที่ยังคงสถานะนักโทษอยู่ และยังอยู่ในระหว่างการพักโทษ จะเดินทางไปเที่ยวเหมือนกับคนปกติ การเดินทางไปต่างจังหวัดโดยไม่มีเหตุจำเป็นก็ไม่สมควร ถ้าหากเป็นกิจกรรมที่จำเป็น เช่นงานประเพณีสำคัญของเครือญาติ และวงศ์ตระกูลก็สามารถทำได้
พึงสำรวมการใช้ชีวิตนักโทษพิเศษ
นายเทพไทยังระบุว่า แต่การจะไปเที่ยวทะเลภูเก็ต เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งและการเดินทางอ้างว่าเป็นการส่วนตัวแต่ทำไมมีเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับมาอำนวยความสะดวกนักโทษอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ฯลฯมีความเหมาะสมหรือไม่ หรืออาจจะเป็นเพราะข้าราชการระดับผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นว่า แม้แต่คนระดับนายกรัฐมนตรี ยังไปรดน้ำดำหัวนักโทษถึงบ้านพักได้ แล้วคนเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้อนรับดูแลนักโทษไม่ได้อย่างไร จึงอยากให้คุณทักษิณ ในฐานะที่เป็นนักโทษและได้รับการพักโทษเหมือนกัน พึงระมัดระวังสำรวมในการใช้ชีวิตในฐานะนักโทษพิเศษ อย่าให้เกิดภาพบาดตาบาดใจ หรือเหยียบย่ำหัวใจคนไทย ผู้รักความเป็นธรรมไปมากกว่านี้เลย
‘ก.ก.’ชี้‘แม้ว’ไปภูเก็ตไม่กระทบ
ขณะที่ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล(ก.ก.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วานนี้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จ.ภูเก็ต ว่า เข้าใจว่าเป็นการให้ความสำคัญเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ส่วนจะกระทบกับความนิยมพรรค ก.ก. หรือไม่ เพราะเป็นเขตที่ชนะการเลือกตั้งยกจังหวัดนั้น ขึ้นอยู่กับการทำงานของพรรคและส.ส. ในพื้นที่ ว่าทำงานเป็นไปตามความคาดหวังของประชาชนหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ไหนส.ส.พรรคไหน ก็เป็นพื้นที่ของคนทุกคน ที่ใครจะเดินทางไปก็ได้
เย้ยจะดึงความนิยมได้หรืออยู่ที่ปชช.
เมื่อถามว่านายทักษิณ เตรียมวางโปรแกรมจะเดินทางไปภาคอีสานอย่างจ.นครราชสีมา มองว่าเป็นการเช็ก กระแสความนิยมจากประชาชนหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่าแน่นอน ตนคิดว่าการเดินทางหรือกิจกรรมต่างๆ ของนายทักษิณย่อมมีเป้าหมายหนึ่งที่สำคัญ คือการฟื้นฟูความนิยมและความเชื่อมั่นของพรรคเพื่อไทย (พท.) เพราะพรรค ก.ก. และพรรค พท. ต่างเป็นคู่แข่งที่สำคัญบนเวทีการเมือง ส่วนจะทำสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน
‘รมต.ใหม่’เข้าทำเนียบฯตรวจโควิด
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศทำเนียบรัฐบาลว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าปฎิบัติภารกิจที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
เวลา 09.00น.รัฐมนตรีใหม่ ต่างทยอยเดินทาง เข้ามาตรวจ RT-PCR หาเชื้อโควิด ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฎิบัติหน้าที่ ในวันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคมนี้ประกอบด้วย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายเผ่าภูมิ โรจสกุล รมช.การคลัง และน.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ
‘พิชัย’แวะขึ้นห้องทำงานรองนายกฯ
ภายหลังตรวจ RT-PCRบนตึกไทยคู่ฟ้า นายพิชัย ได้เดินมาที่ตึกบัญชาการ1ซึ่งเป็นห้องทำงานของ รองนายกรัฐมนตรี ประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นได้กลับลงมาโดยผู้สื่อข่าวพยายามที่จะขอสัมภาษณ์ แต่นายพิชัย ปฏิเสธโดยระบุว่า”ตอนนี้ยังไม่สะดวก”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ห้องทำงานเรียบร้อยใช่หรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า คุ้นเคยกับตึกนี้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องดูก็ได้ จากนั้นได้ขึ้นรถ เดินทางออกไปจากทำเนียบรัฐบาล
‘อรรถกร’เผยเบื้องลึกได้นั่งรมช.กษ.
ด้าน นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่เป็นรัฐมนตรีหลังพรรคพลังประชารัฐสนอรายชื่อแคนดิเดตรัฐมนตรีหลายคนเพื่อให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจว่า เท่าที่ทราบตามข่าวพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐส่งรายชื่อไป 3-4 รายชื่อรวมถึงชื่อแคนดิเดตเก่า หลังจากนั้นก็ขึ้นกับนายกรัฐมนตรีที่กรุณาเลือกตนเข้ามาทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีเพื่อมาทำงานร่วมกับร.อ.ธรรมนัส และเชื่อว่าตนและร.อ.ธรรมนัสจะทำงานร่วมกันได้อย่างดี เพื่อประโยชน์ของประชาชนต่อไป
ลั่นขับเคลื่อนนโยบายนายกฯ-ธรรมนัส
“โดยเป้าหมายส่วนตัวจะผลักดันนโยบายต่างๆที่ท่านนายกรัฐมนตรีและร.อ.ธรรมนัสได้มอบไว้ให้และจะทำให้บรรลุในทุกข้อ ขณะนี้ยังไม่ได้รับมอบหมายงาน โดยตนตั้งใจไว้ คือ ต้องการแบ่งเบาภารกิจของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้ได้มากที่สุด”นายอรรถกร ย้ำ
เมื่อถามว่าสาเหตุที่นายกรัฐมนตรีเลือกเข้ามา เพราะมีภาพคนรุ่นใหม่เป็นองค์ประกอบร่วมด้วยใช่หรือไม่ นายอรรถกร ระบุว่าตนตอบแทนนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แต่ในเมื่อตนมีโอกาสมาทำงานตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่มีโอกาสเข้ามาทำงานและทราบมาว่าครม.ชุดนี้มีคนรุ่นใหม่หลายคนเข้ามา ก็เชื่อว่าจะร่วมมือกันทำงานมิติใหม่ๆเพิ่มขึ้น
ขอบคุณพปชร./ไร้แรงกระเพื่อม
เมื่อถามว่ายังมีแรงกระเพื่อมในพรรคพลังประชารัฐอยู่หรือไม่ นายอรรถกรระบุว่า ต้องขอบคุณพี่น้องเพื่อนในพรรคพลังประชารัฐ หลังจากมีข่าวตนได้รับการโปรดเกล้าฯก็มีคนเข้ามาแสดงความยินดีและตนจะตั้งใจทำงานในฐานะที่เป็นตัวแทนของพรรค และคนฉะเชิงเทราที่มีโอกาสเข้ามาทำงานฝ่ายบริหาร และให้สมกับที่นายกรัฐมนตรีให้ความไว้วางใจ
ยอมรับกดดันนั่งรมช.เกษตรฯ
นายอรรถกรให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่าขณะนี้ตนเตรียมตัวทำงานและดีใจที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรและตั้งแต่วันที่ พล.อ.ประวิตรส่งชื่อและตั้งแต่ทราบว่าจะได้เป็นรัฐมนตรี ก็ได้มีการคิดล่วงหน้าและเตรียมความพร้อมว่าเมื่อเรามีโอกาสได้เข้ามาทำงานในฐานะรัฐมนตรีช่วยก็จะทำให้ดีที่สุด เมื่อได้รับผิดชอบ เป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ ถือเป็นกระทรวงใหญ่ ดูแลเกษตรกรที่มีจำนวนมากในประเทศไทย แต่ยอมรับว่าอาจจะรู้สึกกดดันบ้าง อีกทั้งตลอด7เดือนที่ผ่านมาร.อ.ธรรมนัสทำงานไว้ผลงานระดับชิ้นโบว์แดง แม้จะมีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณบ้างแต่ดัชนีชี้วัดต่างๆก็เป็นเชิงบวกอย่างที่ทุกคนเห็นอยู่แล้ว
‘บิ๊กป้อม’สั่งลุยงานฝากอย่าให้เสียชื่อ
เมื่อถามว่าการที่พรรคพลังประชารัฐได้ดูกระทรวงเกษตรทั้งหมดจะส่งผลดีต่อการบริหารงานอย่างไร นายอรรถกร กล่าวว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร ตนไม่ทราบ แต่เบื้องต้นเท่าที่ได้คุยกับร.อ.ธรรมนัสซึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไรกันอยู่แล้ว ตนเองตั้งใจที่จะทำงานเพื่อแบ่งเบาภารกิจของท่านและพร้อมสนับสนุนในทุกๆเรื่องที่จะสามารถแบ่งเบาได้ ในฐานะคนรุ่นใหม่ ก็จะทำตามนโยบาย รมว.เกษตรฯที่ได้วางนโยบายไว้ คือการใช้นวัตกรรมใหม่ๆและใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเข้าไปทำงาน การสื่อสารถือเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะเกษตรกรที่สูงอายุ โดยเฉพาะเมื่อโลกเปลี่ยนไปหากเราใช้รูปแบบเดิมๆผลลัพธ์อาจจะเป็นแบบเดิมหรือน้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำ เนื่องจากทุกอย่างเปลี่ยนไป โดยเฉพาะภูมิอากาศซึ่งส่งกระทบกับผลผลิต จึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ใหม่ ซึ่งกระทรวงเกษตรก็มีหลายหน่วยงาน และนักวิชาการที่มีความรู้ความสามารถจะเข้าไปช่วยตรงนี้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเข้ามาทำงานตรงนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ฝากฝังอะไรหรือไม่ นายอรรถกรกล่าวว่า“ท่านบอกว่าอย่าให้เสียชื่อ ท่านมอบความไว้วางใจแล้ว ท่านให้โอกาสแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ครับ”
โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง’มาริษ’รมว.ตปท.
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พระบรมราชโองการประกาศให้รัฐมนตรีแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่าตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 22 สิงหาคม 2566 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินตามประกาศลงวันที่ 1 กันยายน 2566 นั้น
บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ลาออกจากตำแหน่ง สมควรแต่งตั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแทนตำแหน่งที่ว่าง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 เมษายน 2567 เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องรัฐมนตรีลาออก ด้วยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.การต่างประเทศ ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. ความเป็นรัฐมนตรีของนายปานปรีย์ จึงสิ้นสุดลง ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. ตามความในมาตรา 170(2) ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย ประกาศ ณ วันที่ 29 เม.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
‘มาริษ’ไม่หนักใจนั่งรมว.ต่างประเทศ
ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศคนใหม่ว่าขณะนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯยังไม่ได้มอบหมายงาน เพราะตนยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ เมื่อถามว่านายกฯได้กำชับอะไรหรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า ขอให้ตนได้ถวายสัตย์เสียก่อน แล้วจะมาพูดคุยกับสื่อมวลชน เมื่อถามว่านายกฯทาบทามอย่างไรจึงตัดสินใจมาเป็นรมว.ต่างประเทศ นายมาริษ กล่าวว่านายกฯกับตนเจอกันตลอดเวลา เรารู้จักกันดี และรู้ว่าจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร
เมื่อถามว่าไม่หนักใจใช่หรือไม่ที่ต้องมาสานงานต่อในตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ ในช่วงนี้ นายมาริษกล่าวว่า ไม่หนักใจ เพราะตนก็ทำงานร่วมกับนายปานปรีย์มาโดยตลอด และตนก็เป็นลูกหม้อของกระทรวงการต่างประเทศ ตนจึงไม่หนักใจ เมื่อถามว่าการที่นายปานปรีย์ได้รับคำชื่นชมการทำงานด้านการฑูต จะทำให้รู้สึกหนักใจหรือไม่ นายมาริษ ยืนยัน ว่า”ไม่หนักใจเลย และผมเองก็เคยทำงานรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตมา”พร้อมย้ำว่า “เป็นลูกหม้อของกระทรวงการต่างประเทศ จึงไม่หนักใจ”
ไม่จำเป็นนั่งรองนายกฯก็ทำงานได้
เมื่อถามว่าการทำงานตรงนี้จะมีปัญหาหรือไม่ เพราะไม่ได้ควบตำแหน่งรองนายกฯนายมาริษ กล่าวว่า”ไม่มี ไม่มีเลย สามารถทำได้และไม่มีความจำเป็น อย่างไรตามก็แล้วแต่บุคคล” เมื่อถามว่าแต่เหตุผลดังกล่าวเป็นเหตุผลที่นายปานปรีย์ใช้เพื่อขอลาออกจากตำแหน่งนายมาริษ กล่าวว่า”สำหรับผมไม่จำเป็น เพราะความเป็นรัฐมนตรีสามารถทำงานได้โดยไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”
นายกฯนำรมต.ใหม่ถวายสัตย์3พ.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งให้รัฐมนตรีใหม่ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่ง ในวันที่ 3 พ.ค.เวลา 17.00 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต กรุงเทพฯ โดยได้มีการจัดเตรียมรถตู้สำหรับครม.ชุดใหม่จะออกเดินทางพร้อมกันไปยังพระที่นั่งอัมพร ฯ ในเวลา 15.45 น.
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล จัดเตรียมห้องสีเหลือง ภายในตึกสันติไมตรี หลังนอก เพื่อใช้สำหรับถ่ายภาพ ทำประวัติ และทำบัตรประจำตัวรัฐมนตรีใหม่ ให้กับรัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ในคณะรัฐมนตรี(ครม.) “เศรษฐา 1/1” ด้วยในเวลา 15.00 น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี