บีบแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยบานปลาย
รมยำ‘พท.-อุ๊งอิ๊ง’
‘เจิมศักดิ์-นิพิฏฐ์’วิจารณ์ไม่ยั้ง
แนะเพื่อไทยเปลี่ยนหัวหน้าพรรค
ห่วงอยู่ไปประเทศชาติจะเสียหาย
‘อนุสรณ์’เชื่อ‘เศรษฐา’นั่งยาว4ปี
โลกโซเชียลแชร์คำพูดผู้ว่าการ ธปท.กระหึ่ม “รัฐบาลมาแล้วก็ไป แต่แบงก์ชาติต้องอยู่”หลังโดนเพื่อไทย-อุ๊งอิ๊ง บีบลดดอกเบี้ย ทั้งยังอัดเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ด้าน “เจิมศักดิ์-นิพิฏฐ์-เชาว์-เทพไท-สุทธิชัย หยุ่น” ให้กำลังใจแบงก์ชาติดูแลผลประโยชน์ของชาติ แนะเพื่อไทยเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคขืนอยู่ไปประเทศชาติ จะเสียหาย “อนุสรณ์” มั่นใจ รบ.เศรษฐา ทำงานครบ 4 ปี คุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้นแน่นอน
จากกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้แสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ“เติมเพื่อไทยให้เต็ม 10 สนับสนุนรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ” เมื่อวันที่ 3พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมาโดยได้วิจารณ์ประเด็นความเป็นอิสระและการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)โดยเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศนั้น
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ปรากฏ บนโลกโซเซียลแวดวงการเมือง ได้มีการแชร์กระหึ่มเนื้อหาคำพูดบางส่วนบางตอนของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้กล่าวถึงความรู้สึกในระหว่างพิธีรับมอบทองคำแท่ง เข้าคลังแผ่นดิน เมื่อวันที่30 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย3กรุงเทพฯผ่านช่องThai PBS
แชร์กระหึ่ม!”รัฐบาลมาแล้วก็ไป”.
โดยนายเศรษฐาพุฒิกล่าวตอนหนึ่งว่าตนมารับตำแหน่งในช่วง 3 ปีครึ่ง ตนและเพื่อนร่วมงานใน ธปท. ทำงานหนักหน่วงมาพอสมควร และสิ่งหนึ่งที่ช่วยเราได้มากที่สุด คือ กำลังใจที่มหาศาล ไม่เคยคิดว่ามีบุญขนาดนี้ที่ได้รับกำลังใจจากทุกคน และจะไม่ลืมมัน ซึ่งตนคิดว่าไม่ได้ช่วยแค่ตนเท่านั้น แต่ยังช่วยไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการเตือนสติเราด้วยในการทำหน้าที่ ว่าหน้าที่ของเรานั้นศักดิ์สิทธิ์และสำคัญ
“จริงๆแล้ว ถ้าว่าไปแล้ว รัฐบาลมาแล้วไป ผู้ว่าฯ ก็มาแล้วก็ไป แต่สถาบัน องค์กรธนาคารแห่งประเทศไทยต้องอยู่ และต้องอยู่อย่างเข้มแข็ง”นายเศรษฐาพุฒิ กล่าว ทั้งนี้ เมื่อนายเศรษฐาพุฒิกล่าวอยู่ได้เรียกเสียงปรบมือให้แก่ผู้ร่วมพิธีอย่างกึกก้อง
การแชร์คำพูดของผู้ว่าฯธปท.ครั้งนี้น่าจะเป็นผลมาจากประเด็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แสดงวิสัยทัศน์และความคืบหน้านโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้(3พ.ค.67)ได้ระบุว่า หลังจากจัดตั้งรัฐบาลเข้าสู่เดือนที่ 9 พร้อมประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคต
วิจารณ์อย่างหนักแทรกแซงธปท.
“เพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมากที่สุด หากไม่เป็นแกนนำรัฐบาลผสม คงยากที่ปัญหาหมักหมม จะแก้ไขได้ กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล เรื่องนี้เป็นปัญหาและอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเพราะนโยบายการคลังถูกใช้งานข้างเดียวอย่างหนัก จนทำให้หนี้สูงขึ้นทุกปี จากการตั้งงบประมาณขาดดุล ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ยอมเข้าใจและร่วมมือ ประเทศจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้เลย 10 เดือนที่ผ่านมา เราใช้ความพยายามในการวิเคราะห์ เข้าใจ เพื่อแก้ปัญหาที่ยากและซับซ้อนและก้าวเดินต่อในทุกมิติ เพราะเราเสียเวลาและโอกาสไปถึงเกือบ 2 ทศวรรษจากการรัฐประหาร เรามั่นใจว่าเราทำได้ และจะทำให้ได้คะแนนเต็ม 10 ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า”น.ส.แพทองธาร กล่าวตอนหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาทันทีหลังจากที่ น.ส.แพทองธารที่ได้กล่าวถึงธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น อาจเป็นการแทรกแซงการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือไม่
‘เจิมศักดิ์’แนะพท.เปลี่ยนหน.
ล่าสุด รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ และอดีตวุฒิสมาชิก (สว.)ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า”ถ้าอยากเห็นพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองที่แท้จริง คนของพรรคเพื่อไทยต้องช่วยกันเปลี่ยนหัวหน้าพรรค หรือไม่ก็ต้องลาออกจากพรรค ขืนอยู่ต่อไปประเทศชาติจะเสียหาย”
นอกจากนี้ ยังได้แชร์ลิงค์ Suthichai Liveของสุทธิชัย หยุ่น ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์น.ส.แพทองธารในประเด็นดังกล่าวอย่างเผ็ดร้อน
‘สุทธิชัย หยุ่น’ออกโรงเตือน
ขณะที่ บนเฟซบุ๊ก Suthichai Live ยังได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นว่า ฟังคำแถลง ‘อุ๊งอิ๊ง’ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยวันนี้ ต้องหาคนเขียนสคริปต์ทันที อย่างนี้หวังดี แต่ประสงค์ร้ายแน่ ๆเพราะคนในตำแหน่งนี้ และเป็นแคนดิเดตนายกฯด้วย จะปล่อยถ้อยคำเหล่านี้ออกมาทำลายตัวเองทำไม?ตีความได้ว่าไม่รู้เรื่องที่พูด หรือพูดไปโดยไม่เข้าใจความหมายที่พูดไม่ว่าเป็นอย่างไหนก็เสียหายสำหรับคนที่เสนอตัวมาเป็นผู้นำประเทศ!
ถ้ารัฐบาลพร้อมจะเล่นการเมืองแบบกุมอำนาจเบ็ดเสร็จก็ต้องกล้าปลด‘เศรษฐพุฒิ’ออกจากแบ็งก์ชาติ…เพราะคำแถลง ‘อุ๊งอิ๊ง’ วันนี้แสดงชัดเจนว่าฝ่ายการเมืองต้องการกดดันให้ผู้ว่าแบ็งก์ชาติตระหนักถึงสงครามที่ฝ่ายรัฐบาลพร้อมกลบเสียงทัดทานจากธนาคารกลาง แต่ ‘เศรษฐพุฒิ’ ยืนปักหลักมั่นเพื่อปกป้องสถาบันธนาคารกลางของชาติ ‘รัฐบาลมาแล้วก็ไป ผู้ว่าแบ็งก์ชาติมาแล้วก็ไป แต่ธนากลางต้องอยู่ และอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและเข้มแข็ง’โดยสุทธิชัย หยุ่น ยังได้ตั้งคำถามด้วยว่า “ถ้าการเมืองสั่งธนาคารกลางได้ บ้านเมืองจะเป็นเช่นไร?”
‘นิพิฎฐ์’ฉะอิ๊งกล่าวหาธปท.รุนแรง
ขณะที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านทางเพซบุ๊กว่า*สายเลือดพ่อ คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร กล่าวว่า“ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ”ถือเป็นคำกล่าวที่รุนแรงต่อสถาบันการเงินหลักของประเทศ ทุกประเทศในโลกเขาให้ธนาคารชาติของเขาเป็นอิสระปลอดจากการแทรกแซงทางการเมืองทั้งสิ้น มีครั้งหนึ่ง หลวงตามหาบัว ได้ตำหนิคุณทักษิณ และหลวงตาได้ระดมทองคำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ธนาคาร ตามโครงการ“ทองคำช่วยชาติ”
“รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ จึงโทษธปท.ถึงกับประกาศว่าธปท.เป็นอุปสรรคของประเทศ
หลายคนโทรมาคุยกับผมในเรื่องนี้ ผมได้แต่ฟังและบอกว่า“เป็นเช่นนี้”เมื่อเราได้รัฐบาลเช่นนี้ ทุกอย่างก็จะ“เป็นเช่นนี้แหละ” อย่าแปลกใจเลย อุ๊งอิ๊งก็มีสายเลือดพ่อเต็มเปี่ยมและกำลังเดินตามรอยเท้าพ่อ จากนี้ประเทศก็จะเป็นดังอดีตที่พ่อเคยทำ เริ่มจากต้องนำ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมาแบบไร้รอยขีดข่วน ใครติดปีกให้คุณทักษิณ หากบ้านเมืองเสียหาย ก็ต้องยอมรับชะตากรรม”
หนุน’ผู้ว่าธปท.’-อย่าถอดใจลาออก
นายนิพิฏฐ์ ย้ำว่า “ผมไม่กลัว และ ไม่แคร์ตระกูลชินวัตร คุณจะมั่งมีศรีสุข มีอำนาจล้นฟ้า ก็มีไป ผมขอเพียงพื้นที่เล็กๆให้ผมได้เหยียบเดินแบบ “เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน”
ขอให้กำลังใจ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ท่านอยู่ต่อไป หากท่านถอดใจลาออก ประชาชนส่วนหนึ่งน่าจะเสียขวัญและกำลังใจ วีรบุรุษ มี 2 ประเภท คือ วีรบุรุษที่ยังมีชีวิตอยู่ กับ วีรบุรุษที่ตายไปแล้ว ประชาชนต้องการให้ท่านผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย เป็น“วีรบุรุษที่ยังมีชีวิต มากกว่าวีรบุรุษที่ตายไปแล้ว”ครับ
ซัด‘อุ๊งอิ๊ง’ดีเอ็นเอ‘ทักษิณ’กำเริบ
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์โพสต์บนเฟซบุ๊กว่าเมื่อดีเอ็นเอทักษิณกำเริบคิดรบกับ “แบงก์ชาติ”เห็นข่าวอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ดีเอ็นเอทักษิณออกมาบริภาษแบงก็ชาติว่าไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการบริหารเศรษฐกิจ พาดพิงไปถึงกฎหมายว่าให้อิสระกับแบงก์ชาติจากรัฐบาลมากเกินไป กลายเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ช่วยใช้นโยบายการเงินมาคู่ขนานกับนโยบายการคลังผลักภาระว่าหนี้ของประเทศที่สูงขึ้นเกิดจากปัจจัยเหล่านี้
สวนจะเป็นผลร้ายสึนามิทางศก.
นายเชาว์ ยังชี้ว่า ทั้งที่ความจริง ไม่ใช่ หนี้สะสมของประเทศ ส่วนใหญ่เกิดจากนโยบายลดแลกแจกแถมที่สร้างหนี้เพิ่มพูนให้กับประเทศเรื่อยๆโดยปราศจากการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง เพราะการเล็งหวังผลของนักการเมืองที่ปราศจากความรับผิดชอบ เข้ามาแล้วก็จากไป แต่แบงก์ชาติเขาเป็นธนาคารกลางที่มีหน้าที่หลักคือ ต้องรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การเงิน เสถียรภาพด้านราคา (เงินเฟ้อ)และ ดูแลไม่ให้เศรษฐกิจผันผวนหรือ ร้อนแรงเกินไป จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเกือบทุกประเทศในโลกนี้ล้วนให้อิสระกับแบงก์ชาติของประเทศตัวเองทั้งสิ้น
“เพราะถ้าปล่อยให้ละเลงกันตามอำเภอใจ กระตุ้นเศรษฐกิจตามใจอยาก แต่ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นพายุหมุนอย่างที่คุย กลับเป็นผลร้ายกลายเป็นสึนามิทางเศรษฐกิจ ก็จะกลายเป็นภาระประชาชนทั้งชาติที่ต้องแบกหนี้กันหลังอาน ส่วนเศรษฐกิจที่คิดว่าจะเดินหน้า อาจถดถอยลงแบบกู่ไม่กลับ”
ไร้น้ำยา ทำตัวเป็นกูรู แค่อ่านสคริป
อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ย้ำว่า ประเทศไทยเคยมีบทเรียนจากการที่ผู้บริหารแบงก์ชาติถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง จนระบบการเงินไทยล่มสลาย แบงก์ชาติกลายเป็นจำเลยของสังคม ในยุควิกฤติต้มยำกุ้ง ที่มีรองนายกฯชื่อทักษิณ ชินวัตร นำประเทศชาติไปเป็นทาสทางเศรษฐกิจของไอเอ็มเอฟ จนรัฐบาล ชวน2ต้องเข้าไปกอบกู้ ทำให้ประเทศไทยยุติการกู้เงินได้ก่อนกำหนด ทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้งกลายเป็นต้นทุนที่ทำให้พรรคเพื่อไทยมาชุบมือเปิบในภายหลัง
“ดีเอ็นเอทักษิณอย่างนางสาวแพทองธารที่เข้ามาทำงานการเมืองด้วยรากฐานของพ่อแต่ยังไม่มีน้ำยาต่อยอดอะไรได้สำเร็จ แถมในทางเศรษฐกิจที่พยายามทำตัวเป็นกูรู จนกลายเป็นการอวดรู้ หรือไม่ก็อาจจะแค่อ่านตามที่มีคนเขียนบทให้”
จี้หยุดอวดฉลาด ยิ่งดูด้อยค่าตัวเอง
นายเชาว์ยังได้แนะนำว่าแทนที่จะอ่านสุนทรพจน์จากพวกเชลียร์ทั้งหลายให้ไปศึกษาหาข้อมูลดูตัวอย่างประเทศตุรกี ที่รัฐบาลแทรกแซงนโยบายการเงินต่อเนื่อง ใช้แบบไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ลดดอกเบี้ยในวันที่เงินเฟ้อพุ่ง สุดท้ายอัตราเงินเฟ้อพุ่งทะยานขึ้นไปกว่า60 % กระทบค่าเงินอ่อนลงต่อเนื่อง จบลงที่การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมากกว่า 40 %
ขณะที่ของไทย มีตัวเลขล่าสุดออกมาว่าอัตราเงินเฟ้อพลิกกลับมาเป็นบวก0.19 % ในรอบ 7 เดือน การจะกำหนดนโยบายทางการเงินใดก็ตาม ไม่เพียงต้องดูปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่ยังต้องดูความเสี่ยงในอนาคตด้วย ไม่เช่นนั้นปัญหาที่จะตามมาหนักหนามากกว่าหนี้สาธารณะ คือจะไม่มีใครกล้ามาลงทุนในประเทศนี้ เลิกดื้อดึงรับฟังความเห็นแบงก์ชาติบ้าง ส่วนเด็กที่กลิ่นน้ำนมยังไม่จาง ก็ควรหยุดแสดงความเห็นที่ทำให้ตัวเองยิ่งดูด้อยค่าได้แล้ว”
“เทพไท”ชี้ต้องรักษาสัจจะ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กพร้อมรูปในหัวข้อ “จงภูมิใจกับการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้วต่อไป” มีเนื้อหาดังนี้ เมื่อน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ‘อุ๊งอิ๊ง’ กล่าวในงานอีเวนต์ “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ว่า พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถูกตั้งรัฐบาลผสม บอกลูกพรรคอย่าสนวาทะกรรมทำให้ เหมือนผิดคำสัญญาประชาชน นั้น ต้องยอมรับความจริงว่าเป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทย ที่จะเข้าสู่อำนาจรัฐให้ได้ โดยมีการดีลลับกัน ระหว่างนายทักษิณ กับฝ่ายอนุรักษ์นิยมจนสมประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายหรือที่เรียกกันว่า ฮั้วอำนาจทางการเมืองกันลงตัว
เมื่อต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ก็เหมือนกับ คุณอุ๊งอิ๊ง บอกว่า ตัดสินใจถูกต้องแล้วและไม่สนคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนว่าจะไม่จับมือร่วมรัฐบาลกับพรรค 2 ลุงซึ่งเป็นการประกาศบนเวทีหาเสียง จากปากคุณอุ๊งอิ๊ง นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเป็นการตระบัดสัตย์และหักหลังประชาชน ถ้ามั่นใจว่า ประชาชนลืมง่าย และสามารถนำผลงานมาเรียกศรัทธาคืนจากประชาชนได้ ก็ขอให้รอดูผลการเลือกตั้งในครั้งต่อไปก็แล้วกัน เพราะคำพูดของนักการเมือง มีความสำคัญเป็นสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับประชาชน เมื่อพูดไปแล้วก็ต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ประชาชน ก็จะเสื่อมศรัทธาและจะลงโทษเอง
ยก’อภิสิทธิ์-ชวน’เป็นแบบอย่าง
นายเทพไทยระบุว่า อยากให้ดูการรักษาสัจจะของนักการเมืองอย่างน้อย 2 คน คือ 1.นายชวน หลีกภัย ซึ่งเคยประกาศเป็นสัญญาประชาคมในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2539 ว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อันดับ1 ก็จะไม่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา พรรคประชาธิปัตย์แพ้พรรคความหวังใหม่ 2 เสียง จากเหตุไฟฟ้าดับตอนนับคะแนนที่จังหวัดปทุมธานี นายชวนก็เปิดโอกาสให้พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่จัดตั้งรัฐบาล และเป็นนายกรัฐมนตรีทันที
2.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งได้ประกาศไว้ในการ หาเสียง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ว่า จะไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ มีมติด้วยเสียงข้างมาก ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล สนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์ก็แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ลาออกจากการเป็นส.ส.ในทันที ทั้งที่สามารถหลีกเลี่ยงการขานชื่อ สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยการรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร
เหน็บรอปชช.ตัดสินเลือกตั้งครั้งหน้า
แต่นายอภิสิทธิ์ ยึดหลักบาป 7 ประการ ของมหาตมะ คานธี คือ 1.เล่นการเมืองโดยไม่มีหลักการ 2.หาความสุขสำราญโดยไม่ยั้งคิด 3.ร่ำรวยเป็นอกนิษฐ์โดยไม่ต้องทำงาน 4.มีความรู้มหาศาลแต่ความประพฤติไม่ดี 5.ค้าขายโดยไม่มีหลักศีลธรรม 6.วิทยาศาสตร์เลิศล้ำแต่ไม่มีธรรมแห่งมนุษย์ 7.บูชาสูงสุดแต่ไม่มีความเสียสละ
ขอให้พรรคเพื่อไทย จงภูมิใจกับการเป็นรัฐบาลต่อไปเถิด ถ้าคิดว่าผลงานช่วงเป็นรัฐบาล 4 ปีนี้สามารถเรียกคะแนนนิยมคืนได้ 10 เต็ม ตามที่ประกาศไว้ ถือเป็นความโชคดีไป ขอให้ยืนยันและภูมิใจในการตัดสินใจหักหลังประชาชน กระโดดข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว จะตัดสินใจถูก หรือผิดในการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้ว อย่าคิดเอง เออเอง รอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ในการเลือกตั้งครั้งหน้าดีกว่า
.ป้อง‘อุ๊งอิ๊ง-รบ.’ปัดกดดันธปท.
ทางด้านพรรคเพื่อไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชระโรจน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวถึงกรณีการวิจารณ์คำแถลง น.ส.แพทองธาร ประเด็นความเป็นอิสระและการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)โดยยืนยันว่า“รัฐบาลไม่ได้แทรกแซงความเป็นอิสระของ ธปท. แต่อย่างใด การที่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร แสดงออกในความคิดคือ ต้องการให้ ธปท. รับฟังเสียงของรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการคลัง และเพื่อให้การดำเนินนโยบายการเงินการคลังสอดคล้องและเป็นไปในทางเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลซึ่งนำโดยนายกฯ เศรษฐา กำหนดเป้าหมายในการฟื้นฟูและผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตไปด้วยกันเพื่อการพัฒนาประเทศ”
มั่นใจรบ.ครบ4ปี-ชีวิตคนไทยดีขึ้น
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีใหม่รวม 12 คนที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ พร้อมประกาศเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย จะทำให้ชีวิตคนไทยมีความเป็นอยู่ดีขึ้นในช่วง 4 ปีของรัฐบาลชุดนี้ รัฐบาลเศรษฐา ทำงานมาแล้วเกือบปี เหลือเวลาอีก 3 ปีนิด ๆ การทำงานก่อนงบประมาณปี 67 ออก ต้องถือว่าท้าทายความสามารถ รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนและผลักดันนโยบายสำคัญเร่งด่วนได้สำเร็จหลายเรื่อง วันนี้งบประมาณปี 67 ผ่านแล้ว งบประมาณปี 68 ก็กำลังเตรียมการจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า ราคาสินค้าการเกษตรหลักขึ้นยกแผง ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ดีขึ้น ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรคสู่ 30 บาทรักษาทุกที่ ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซอฟต์พาวเวอร์ แก้รัฐธรรมนูญ แก้วิกฤติเศรษฐกิจ 4 ธนาคารใหญ่พร้อมใจลดดอกเบี้ยช่วยเหลือประชาชน ส่งผลด้านจิตวิทยาช่วยรายย่อยหายใจคล่องขึ้น
พร้อมไปต่อแก้หนี้ทั้งระบบ พักชำระหนี้เกษตรกร รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนำร่องสายสีแดง สายสีม่วง ลดค่าครองชีพให้ประชาชน ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศเป็น 400 บาท มีผลวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ ระดับปริญญาตรี 18,000 บาทต่อเดือน และเพิ่มเบี้ยหวัดบำนาญ เป็นเดือนละ 11,000 บาท มีผลบังคับใช้วันที่ 1 พฤษภาคม นำประเทศไทยจ่อขึ้นเป็นฮับเศรษฐกิจดิจิทัล ภูมิภาค ยักษ์ใหญ่ไมโครซอฟท์ประกาศเตรียมลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ภูมิภาคแห่งแรก ทำไทยมีศักยภาพเติบโตโดดเด่น
“มั่นใจว่ารัฐบาลเศรษฐาทำงานครบ 4 ปี จะเป็นผู้นำแห่งการสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศ คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน” นายอนุสรณ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี