“ภูมิธรรม”ดีใจตรวจข้าว 10 ปี ไม่เจอสารตกค้าง แต่ขอให้รอฟังกรมวิทยาศาสตร์ฯแถลงชัดๆ 20 พฤษภาคม เชื่อผลน่าจะออกมาในทางที่ดี ถ้าคอนเฟิร์มทั้งหมดพร้อมประมูลขายเอาเงินกลับมามากขึ้น ดีกว่าขายเป็นข้าวเน่า ด้าน“หมอวรงค์”จี้พาณิชย์แจงให้ชัด4 ข้อสงสัย อาทิ เรื่องสัญญาเก็บข้าว ตั้งคำถามใช่ข้าว 10 ปี จริงๆ หรือไม่
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่สาธารณรัฐฝรั่งเศส นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์หลังสื่อบางสำนักส่งตัวอย่างให้แล็บเอกชนที่ได้มาตรฐานตรวจสอบตัวอย่างข้าว 10 ปีจากโรงสีข้าว จ.สุรินทร์ ไม่พบทั้งสารอะฟลาท็อกซินและสารพิษตกค้างจากการรมควันว่า เมื่อได้รับทราบข่าวก็ดีใจ ที่มีการนำข้าวไปตรวจบริษัทชั้นนำ ที่ทางสื่อได้ดำเนินการเอง ผลออกมาดีมาก ถือเป็นการตรวจของเอกชนเอง ทุกตัวไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง หรือสารตกค้างจากการรมควัน ส่วนของเราที่บอกว่าจะเป็นปัญหา เราก็ส่งให้ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ดำเนินการตรวจสอบ ขั้นต้นทราบว่าน่าจะแถลงวันที่ 20 พฤษภาคม และรับทราบเบื้องต้นว่าน่าจะไปทางที่ดี แต่ยังตรวจไม่เสร็จ ต้องรอตรวจเรื่องคุณภาพข้าว ไขมัน สารต่างๆในข้าว ตนคิดว่ารอให้เขาตรวจให้ชัดเจนก่อน
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ถ้ามีการออกมาแถลงคอนเฟิร์มทั้งหมดแล้วจะดำเนินการจัดประมูล ซึ่งขณะนี้ให้องค์การคลังสินค้าและกรมการค้าภายในเข้าไปดำเนินการแล้ว หลักการคงไม่แตกต่าง แต่สิ่งสำคัญจะดูสัญญาให้รัดกุมขึ้น และจะดูเรื่องการประมูลแล้วทิ้งงานให้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น และไม่ให้เกิดการล่าช้าจะจัดอันดับ โดยอันดับ 1-5 คนไหนที่ทิ้งไป อันดับต่อไปก็ขึ้นมาได้เลย ไม่ต้องเปิดประมูลใหม่ จะดูรายละเอียดอีกที
“ทั้งหมดต้องถือว่าน่าสบายใจ เพราะ 10 ปีจริงๆยังทานได้ ในทางกายภาพยังโอเค ถ้ามีความคลางแคลงใจก็จะทำให้ชัดเจน และจะให้ประมูลทั้งกอง เพราะข้าวไม่ได้มาก 150,000 กระสอบ ให้ไปดูผลตอนประมูล นอกจากผู้ที่ที่มาประมูลจะฟังจากข้อมูลกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว เขาก็ต้องตรวจเหมือนกัน เขาคงไม่เอาเงินและชีวิตของคนในประเทศมาเสี่ยง ให้เขาตรวจก็ดี ทุกคนจะได้สบายใจ เพราะเราไม่ได้คิดว่าชีวิตเราสำคัญกว่า หรือคนแอฟริกาไม่สำคัญ แต่แอฟริกาเป็นตลาดข้าวเก่า อันนี้ก็เป็นข้าวเก่าแต่เป็นข้าวเก่าที่มาจากข้าวหอมมะลิก็น่าจะยิ่งดี ผมกินก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เอาให้ทุกคนสบายใจ ผมคิดว่าอย่าคิดมาก เป็นการเอาเงินที่อยู่ในโกดังซึ่งรัฐบาลควรจะได้มาจัดการ เพื่อให้ได้เงินกลับมาให้มากขึ้น อยากให้การประมูลเกิดขึ้น”นายภูมิธรรมกล่าว
ด้านนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความว่า ถึงวันนี้ยังมีข้อมูลข้าว 10 ปี ที่ต้องการให้กระทรวงพาณิช ชี้แจงข้อสงสัย 1.สัญญาเก็บข้าวในโครงการ รับจำนำข้าวปี2556/2557 เป็นสัญญาฝากเก็บรักษาข้าว เท่ากับว่า เจ้าของโกดังต้องรับผิดชอบดูแล ต่างจากโครงการรับจำนำ25554/2555 และ2555/2556 ซึ่งเป็นสัญญาเช่าเก็บรักษาข้าว เจ้าของแค่ให้เช่า ในเมื่อเป็นสัญญาฝากเก็บ ทำไม อคส.ต้องเสียงบประมาณไปจัดเรียงกองข้าวขึ้นใหม่ ปัญหาคือ จึงเกิดข้าวกระสอบใหม่ขึ้นมา ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเป็นข้าว 10 ปีจริงหรือไม่ ทำไมไม่ปล่อยให้เป็นตามสภาพ เพราะเจ้าของคลังให้สัมภาษณ์ว่า ได้เปิดนับจำนวนร่วมกับอคส.เป็นระยะอยู่แล้ว 2.การที่ช่อง3 ชี้แจงว่า ผลแล็ปไม่พบสารปนเปื้อน รวมทั้งอัลฟาท็อกซิน สิ่งที่น่าสงสัยคือ ตัวอย่างข้าวที่เจาะเก็บใช่ข้าว 10 ปีหรือไม่ เพราะบางภาพเห็นชัดเจนว่าเจาะข้าวจากกระสอบใหม่ และกระสอบไม่มีรหัสข้าว
3.แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า คลังกิตติชัย ประมูลไปสองรอบ รอบแรกปี 2558 รับมอบข้าวไม่ครบคงเหลือข้าว 11,656 ตัน รอบสองประมูลปี 2560 รับมอบข้าวไป 5,095ตัน คงเหลือข้าว 6,561ตัน โกดังพูลผลประมูลไปสองรอบ ปี2557และ2558 รับข้าวไม่ครบ คงเหลือข้าว 3,356 ตัน เมื่อรวมสองคลัง ควรมีข้าว เปิดขาย 9,917 ตัน แต่อคส.แจ้งว่ามีข้าวประมูล 15,013 ตัน สรุปแล้วมีข้าวงอกมาจากไหน หรือตัวเลขจริงเป็นเท่าไร 4.สรุปแล้วข้าวที่จะเปิดประมูลคือข้าวอะไร ข้าวหอมมะลิหรือข้าวขาว เพราะข้าวที่เหลือเคยถูกประมูล และไม่มารับ เพราะมีข้าวขาวปลอมปน นี่คือข้อสงสัยที่กระทรวงพาณิชย์ต้องชี้แจงเพื่อให้เกิดความกระจ่าง และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบข้าวของประทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี