‘คมสัน’ฟันธง! เลือก‘สว.’ส่อเหลว เหตุกฎหมายไม่ชัดเจน ชี้‘กกต.’ทำเกินอำนาจเสี่ยงติดคุก

‘คมสัน’ฟันธง! เลือก‘สว.’ส่อเหลว เหตุกฎหมายไม่ชัดเจน ชี้‘กกต.’ทำเกินอำนาจเสี่ยงติดคุก

วันพฤหัสบดี ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2567, 16.09 น.

‘คมสัน’ฟันธง! เลือก‘สว.’ส่อเหลว เหตุกฎหมายไม่ชัดเจน ชี้ ‘กกต.’ทำเกินอำนาจเสี่ยงติดคุก

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2567 นายคมสัน โพธิ์คง อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นศาลรัฐธรรมนูญ รับวินิจฉัย พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ว่า ที่ศาลรับจะอยู่ในส่วนของกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งในมุมมองของตนเห็นว่าการเลือก สว. มีปัญหาเยอะ ไม่เฉพาะแต่ประเด็นที่ร้องเท่านั้น ยังมีประเด็นที่ไปยังศาลปกครองด้วย ซึ่งยังไม่มีใครไป แต่ควรต้องไป


ซึ่งการที่ไปชี้ว่ากระบวนการต่างๆ ทำไปแล้วไม่กระทบแม้จะเกิดการชี้อะไรขึ้นมาก็ตาม ตนมองว่าต้องส่งผล ดัวนั้นจึงเป็นประเด็นที่เขามองว่าขัดรัฐธรรมนูญ เช่น คนที่อยู่ผิดกลุ่ม เลือกแล้วคนคนนั้นได้ ต่อมาปรากฏภายหลังในการเลือกระดับประเทศว่าไม่ได้อยู่กลุ่มนี้ แต่กฎหมายเขียนว่าไม่กระทบกับเรื่องที่ทำไปแล้ว เท่ากับคนคนนั้นได้เป็น สว. แม้จะไม่ถูกต้องตามกลุ่มอาชีพ ซึ่งก็ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่รัฐธรรมนูญวางไว้ ก็เป็นประเด็นหนึ่งที่เห็นว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มีปัญหา

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ทำให้เกิดปัญหา อย่างในกลุ่มอาชีพทั้ง 20 กลุ่ม ในกลุ่มที่ 20 ซึ่งถูกเรียกว่า “กลุ่มอื่นๆ” จะพิเศษกว่ากลุ่มที่เหลือ เพราะในกฎหมายไม่ได้เขียนนิยามว่ากลุ่มอื่นๆ หมายถึงอะไร โดยกฎหมายให้อำนาจ กกต. เป็นผู้กำหนดลักษณะของกลุ่มอาชีพ และ กกต. ก็ได้ออกประกาศกำหนดมาเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2567 ตามมาตรา 11 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 แต่ประกาศดังกล่าวไม่ได้ระบุกลุ่มอื่นๆ ตามมาตรา 11 (20) มาด้วย

และหากเป็นปัญหาว่าไม่รู้กลุ่มอื่นๆ คืออะไร ก็จะส่งผลทำให้องค์ประกอบของ สว. ไม่ครบ 200 คน แต่คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกระดับอำเภอ ก็ไปวินิจฉัยว่า เช่น ให้คนที่ไม่มีอาชีพเข้าไปอยู่ในกลุ่มอื่นๆ ได้ ซึ่งบางคนก็ไม่ได้ทำงานถึง 10 ปี ตนก็มีคำถามในใจว่า ตกลงคนตกงาน 10 ปี ถือว่ามีประสบการณ์เชี่ยวชาญตามคุณสมบัติในรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบหรือไม่ อย่างที่ จ.ราชบุรี ก็มีคนที่ไม่ได้ทำงานแล้วไปสมัคร สว. กลุ่มนี้

“ถ้าไปดูประกาศ กกต. 25 เมษา มันจะพบว่าทุกกลุ่มมีห้อยท้าย เช่น กลุ่มบริหารราชการแผ่นดินมีใครบ้าง มีผู้ว่าราชการจังหวัด มีข้าราชการฝ่ายบริหาร ไล่มาหมดเลย กลุ่มกระบวนการยุติธรรมก็ไล่มาหมดเลย นิติกร ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมาย ผู้พิพากษา ตุลาการ อัยการ หรือว่าอะไรเขียนในนั้นเต็มไปหมด พนักงานคดี อะไรพวกนั้น” นายคมสัน กล่าว

นายคมสัน กล่าวต่อไปว่า เมื่อไปดูประกาศ กกต. เรื่อง การมีลักษณะอื่นๆในทำนองเดียวกัน ตามมาตรา 11 วรรคสอง แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ที่ออกมาเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2561 มีข้อสังเกตว่า นิยามของทุกกลุ่มอาชีพจะมีห้อยท้ายเสมอ ว่า “หรืออาชีพอื่นๆ ที่ผู้สมัครยืนยันและผู้รับรอง” ซึ่งจริงๆ แล้วการวางระเบียบต้องระบุให้ชัดว่าจะให้ใครวินิจฉัย แต่นี่ให้ตนเองวินิจฉัยแล้วไปหาคนมารับรองซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ คำถามคือกรรมการประจำอำเภอจะวินิจฉัยได้หรือไม่ เพราะ กกต. ออกเกณฑ์มาแบบนี้

ดังนั้นใครจะไปอยู่กลุ่มอาชีพไหน อยากอยู่กลุ่มนี้ก็เซ็นกลุ่มนี้ เช่น คนเป็นทนายความแต่ไปสมัครกลุ่มประชาสังคม ถามว่าทำได้หรือไม่ คำตอบคือทำได้ โดยคนคนนั้นยืนยันพร้อมกับหาบุคคลอื่นมารับรอง การแบ่งไว้ 20 กลุ่ม จึงไม่มีประโยชน์อะไรเลย ส่วนการร้องเรียนต้องยื่นภายใน 3 วัน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าศาลต้องใช้เวลาพิจารณากี่วัน ลองคิดว่ามีคดีไปกองที่ศาลสัก 200 คดี จะใช้เวลาเท่าไรกว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จ จะทันวันเลือกระดับจังหวัดรือไม่ แต่หากไม่ทัน กฎหมายก็ไปเขียนอีกว่าไม่กระทบกับสิ่งที่ทำไปแล้ว ถามว่าเลือกผิดกลุ่มมาแล้วไปอยู่ตรงนั้นจะทำอย่างไร

“ปัญหากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและประกาศ กกต. ที่เกิดขึ้น มันคือปัญหาของการเลือก แล้วไม่ต้องไปโทษใครว่ามีปัญหาจะทำให้ล้ม กกต. จะทำให้ล้มเอง อันนี้ถ้ามองข้อกฎหมายจริงๆ มองตามกระบวนการที่เขาเริ่มทำมาก็เป็นปัญหาแล้ว ซึ่งไม่น่าจะเลือกสำเร็จ คือปัญหาของกฎหมายประกอบ จุดอ่อนจุดหนึ่งที่ยังไม่มีใครร้องศาลรัฐธรรมนูญ แล้วผมคิดว่าเป็นประเด็น ก็คือในเรื่องของการคัดค้านการเลือกตั้ง ในการเลือก สส. เขาให้ไปที่ศาล แต่ในกฎหมายการได้มาซึ่ง สว. ให้ กกต. วินิจฉัยแล้วถือเป็นที่สุด” นายคมสัน ระบุ

นายคมสัน ยังกล่าวอีกว่า กกต. ไม่ใช่ศาล ประเด็นคือหากเป็นที่สุด คำถามคือสุดจริงหรือเปล่า ซึ่งการตีความของศาล คำว่าเป็นที่สุด ศาลก็มองว่าที่สุดในฝ่ายบริหาร หรือที่สุดในกระบวนการขององค์กรนั้นเท่านั้น ไปร้องในองค์กรนั้นหรือองค์กรระดับเดียวกันไม่ได้ แต่ไม่ได้ห้ามศาล ก็มีคำถามอีกว่าแล้วจะให้ไปศาลไหนต่อ ตรงนี้ตนเชื่อว่าจะมีปัญหา เพราะการคัดค้านการเลือก สว. เขียนให้จบที่ กกต. ก็ต้องอาศัยการตีความต่อ แต่หากมีคนไปร้องจริงๆ เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ ว่า 1.กกต. มีอำนาจชี้ให้สุดจริงหรือไม่ กับ 2.ถ้าไม่สุดแล้วจะให้ไปศาลไหน

ซึ่งการให้ กกต. จัดการเลือก สว. แล้วให้มาชี้อีก ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะชี้ว่าตนเองทำผิดพลาด ดังนั้นกฎหมายจึงมีข้อบกพร่องและมีปัญหาอย่างมาก เรื่องนี้โทษใครไม่ได้เพราะกฎหมายมาแบบนี้ นอกจากนั้นยังมีประเด็นมาตรา 41 และ 42 ที่ว่าด้วยการสมัคร ซึ่งจะมีการเลือกกันในวันที่ 9 มิ.ย. 2567 นี้ บางอำเภอก็มีผู้สมัครไม่ครบกลุ่ม มีกลุ่มเดียวแล้ว กกต. ก็ไปตัดออกไม่ให้เป็นผู้สมัคร ก็ไม่สามารถเลือกได้ ทั้งที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ไม่ได้ให้อำนาจ กกต. ไปตัดแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้เขียนอีกว่าจะให้อำนาจใคร

ดังนั้นการที่ กกต. ไปตัดก็เท่ากับกระทบสิทธิ์ของผู้สมัครอย่างร้ายแรง ซึ่งเรื่องนี้จะไปที่การพิจารณาของศาลปกครอง เพราะเข้าข่ายเป็นการออกคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้ แทนที่ กกต. จะออกประกาศขยายระยะเวลาการสมัครและการเลือกออกไปเพื่อให้การสมัครสมบูรณ์ แต่ไปใช้วิธีการเดินตามไทม์ไลน์แล้วตัดสิทธิ์ผู้สมัคร ตนก็แนะนำให้ไปฟ้องศาลปกครอง และเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้ก็จะส่งผลด้วย เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนการเดียวกัน 

โดยสรุปแล้ว ตนมองว่าการเลือก สว. ครั้งนี้ จะใช้คำว่าโมฆะก็ไม่เชิง แต่ก็น่าจะไม่สามารถเลือกกันได้สำเร็จ เพราะลำพังการเลือกในระดับอำเภอก็สะดุดมหาศาลแล้ว จะได้เห็นกันว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น แต่แค่สมัครก็เห็นปัญหาแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มที่ 20 กกต. ต้องวินิจฉัยให้ดี เพราะไม่กำหนดลักษณะไว้ เอาใครมาลงตรงนี้แล้วจะใช่หรือเปล่า เผลอๆ กกต. ชุดนี้ ดูจากการทำงานแล้วอาจถึงขั้นติดคุก อย่างการเลือก สว. นี่ก็เรื่องหนึ่ง 

“เรื่องการออกกฎอะไรต่ออะไรแล้วไปตัดสิทธิ์เขา ถ้าศาลชี้มาว่าตัดสิทธิ์เขาไม่ได้ คุณใช้อำนาจไม่ชอบนะ ไม่มีฐานกฎหมายรองรับ จะติดคุกเอาเรื่องนี้” นายคมสัน กล่าวทิ้งท้าย

ชมคลิปเต็มได้ที่
https://www.youtube.com/watch?v=Y0c2kAiy8N0

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top