‘อดีตอสส.’ตอก‘แม้ว’อีกดอก
ยันคำพูดผิดม.112
จะเป็นผลไม้พิษได้อย่างไร
ขอให้เคารพหลักนิติธรรม
คปท.ค้านนิรโทษเหมาเข่ง
หวั่น‘ทักษิณ-ปู’หลุดคดี
“อดีต อสส.”ตอกอีกดอก ถามจุกๆ หลักฐานม.112 จาก“คำพูด”ของผู้ต้องหาเอง เป็น“ผลไม้พิษ”ได้อย่างไร ขอให้เกรงใจเคารพในหลักนิติธรรมและความยุติธรรม “เทพไท”ชื่นชม“อดีตอสส.”ตอก“ทักษิณ”ตบปากอย่างแรง! ปมคดี ม.112 จะมีลูกเล่นอะไรมากล่าวหาอสส.อีก ชี้ดิ้นร้องขอความเป็นธรรมหวังยื้อเวลา ต่อรองล็อบบี้ จับตายื้อสุดฤทธิ์หวังดีลใหม่ ด้าน“อุ๊งอิ๊ง”อุบไม่ตอบสื่อ 2 วันติดเรื่อง“ทักษิณ” ขณะที่ “คปท.-กองทัพธรรม”เดินรณรงค์แจกสติ๊กเกอร์ คัดค้านนิรโทษกรรมเหมายกเข่งรวม ม.112 หวั่น“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”หลุดคดี
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 นายตระกูล วินิจนัยภาค อดีตอัยการสูงสุด (อสส.)ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน 2557- 30 กันยายน 2558 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดังนี้... “หลักกฎหมายที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา เรื่อง #ผลของต้นไม้พิษ (fruit of the poisonous tree) พอจำได้สมัยเรียนปริญญาโทเกี่ยวกับกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของสหรัฐ..อยู่บ้างว่าเค้าหมายถึง คำเปรียบเทียบทางกฎหมายที่ใช้อธิบาย#หลักฐานที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย เลยยิ่งงงว่า พยานหลักฐานที่ผู้ต้องหา ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112ได้มาจาก คำพูดของตัวเองแล้ว..กรณีนี้ จะใช้หลักกฎหมายของอเมริกัน เรื่อง#ผลของต้นไม้พิษ…ได้อย่างไร ???
ขอให้เกรงใจเคารพหลักนิติธรรม
ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาฯเกี่ยวกับ #การร้องขอความเป็นธรรม
ไม่ว่าใครจะทำอะไร อย่างไร ผลลัพธ์เป็นประการใด ก็ขอให้เกรงใจและเคารพในหลักนิติธรรม (The rule of law ) และความยุติธรรม (Justice) ด้วยนะครับ”
ก่อนหน้านี้ นายตระกูล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า“ขอยืนยันด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่าในฐานะเป็นอสส.(ในขณะนั้น)ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีอาญานอกราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 ไม่เคยมีใครข่มขู่ โน้มน้าว ชักจูง ให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการสอบสวนครับ”
สืบเนื่องจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯให้สัมภาษณ์อ้างว่าการถูกดำเนินคดีมาตรา 112แต่ละข้อกล่าวหาตั้งแต่ต้น มีการข่มขู่ตั้งแต่ในชั้นพนักงานสอบสวนโดยผู้บังคับบัญชา
สำหรับคดีนี้ เป็นคดีนอกราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา20ที่บัญญัติไว้ว่าให้อัยการสูงสุด(อสส.)หรือผู้รักษาการแทน เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบหรือจะมอบหมายหน้าที่นั้นให้พนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนคนใดเป็นผู้รับผิดชอบทำการสอบสวนแทนก็ได้ซึ่งนายตระกูล อัยการสูงสุดในขณะนั้นเป็นผู้ที่มีอำนาจการสอบสวน หรือสั่งตั้งพนักงานสอบสวนได้
เย้ยตบปาก‘ทักษิณ’อย่างแรง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก“เทพไท-คุยการเมือง”ระบุเนื้อหาว่า..ทักษิณ:ดิ้นสุดชีวิต หวังหลุดบ่วง ม.112 ขอบคุณ3อสส.ที่ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ผมได้เรียกร้องให้สำนักงานอัยการสูงสุด ออกมาชี้แจงข้อกล่าวหาของนายทักษิณ ชินวัตร ในเรื่องที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องคดีมาตรา 112 จากเนื่องจากกระแสกดดันจากเหตุที่อัยการสูงสุดคนเก่าเคยมีคำสั่งฟ้องไว้จึงไม่กล้าที่จะกลับคำสั่งฟ้องนายทักษิณ และได้กล่าวหาว่ามีการบังคับข่มขู่พนักงานสอบสวนจนเป็นที่มาของการสั่งฟ้องคดี ม.112 ดังกล่าว แต่เมื่อสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ออกมาชี้แจงข้อกล่าวหาของนายทักษิณก็ตาม แต่ก็ดีที่มีนายตระกูล วินิจนัยภาค อดีตอัยการสูงสุด ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า“ขอยืนยันด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่าในฐานะเป็น อสส.ในขณะนั้น ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีอาญานอกราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 ไม่เคยมีใครข่มขู่ โน้มน้าว ชักจูง ให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการสอบสวนครับ”นับว่าเป็นการตอบข้อกล่าวหาของ นายทักษิณ แบบตบปากอย่างแรง
จับตายื้อสุดฤทธิ์หวังดีลใหม่
นายเทพไทระบุว่าจึงอยากรู้ว่านายทักษิณมีลูกเล่นอะไรออกมากล่าวหาสำนักงานอัยการสูงสุดอีก การที่นายทักษิณออกมาเปิดโปงเรื่องขบวนการไม่ชอบมาพาคนในการสั่งฟ้องคดีมาตรา 112 ของตนนั้น น่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดทางให้ทนายความ ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อสำนักงานอัยการสูงสุดได้อย่างชอบธรรม หวังที่จะให้อัยการสูงสุดกลับคำสั่งฟ้อง และ ยื้อเวลาคดีนี้ออกไป เพื่อจะได้มีเวลาต่อรอง ล็อบบี้และทำดีลใหม่กับกลุ่มอนุรักษ์นิยม ซึ่งเห็นจากปรากฏการณ์เคลื่อนไหวของนายทักษิณ ในลักษณะดิ้นสุดฤทธิ์ ทั้งปลอบทั้งขู่ กลุ่มอนุรักษ์นิยม เพื่อให้หลุดพ้นจากคดี ม.112 ซึ่งกำลังเป็นชนักปักหลังอยู่ ซึ่งเกมนี้เป็นการชิงไหวชิงพริบกันระหว่าง นายทักษิณ กับ กลุ่มอนุรักษ์นิยม ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ถือดาบคนละเล่ม
ขอบคุณ3อสส.ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา
นายเทพไท ยังมองว่า เกมตอนนี้ นายทักษิณได้กุมอำนาจรัฐอย่างเบ็ดเสร็จ พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นฝ่ายได้เปรียบกว่า ในขณะที่กลุ่มอนุรักษ์นิยม ได้เป็นแค่พรรคร่วมรัฐบาลจึงจำเป็นต้องใช้ ม.112 เป็นชนักปักหลังนายทักษิณไว้ให้ได้
“ผมเห็นว่าเรื่องนี้ถ้าอัยการสูงสุดกลับคำสั่ง เป็นไม่ฟ้องนายทักษิณจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อัยการสูงสุดก็จะตกเป็นจำเลยของสังคมและจะชี้แจงเหตุผล ทำความเข้าใจกับสังคมได้ยากมาก เพราะกระบวนการทั้งหมด มีความชอบธรรม ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน และอัยการสูงสุดในอดีตก็ออกมายืนยันความถูกต้องชอบธรรมแล้ว อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน จะเปลี่ยนความเห็นเป็นอย่างอื่นก็เป็นเรื่องยากมาก ต้องขอบคุณอัยการสูงสุดทั้ง3ท่านคือนายตระกูล วินิจนัยภาค ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริการ นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ต่อคดีม.112ของนายทักษิณอย่างตรงไปตรงมาเพื่อรักษาไว้ซึ่งความยุติธรรม”
ลุยรณรงค์คัดค้านนิรโทษเหมาเข่ง
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บรรยากาศบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.)พร้อมด้วยมวลชนกลุ่มกองทัพธรรมและศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.)เคลื่อนขบวนจากเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์มายังอนุสาวรีย์ชัยฯเพื่อเปิดกิจกรรมรณรงค์แจกสติกเกอร์ติดท้ายรถ แสดงสัญลักษณ์ถึงการไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมความผิดเกี่ยวการทุจริตคอรัปชั่น ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 และความผิดเกี่ยวกับคดีอาญาร้ายแรงแล้ว โดยมวลชนได้นำป้ายข้อความคัดค้านการนิรโทษกรรมมาแสดง พร้อมกับแจกจ่ายสติ๊กเกอร์รณรงค์ให้กับประชาชนที่เห็นด้วย และได้มีการปราศรัยบนรถกระจายเสียงของแกนนำที่สลับกันขึ้นปราศรัยและมีการวงดนตรีร้องเพลงเพื่อสร้างความผ่อนคลายด้วย
ปลุกประชาชนร่วมแสดงพลัง
นายพิชิต กล่าวถึงการจัดกิจกรรมวันนี้ว่าเป็นเป็นครั้งแรกที่ทางมวลชนทำกิจกรรมนี้และหลังจากนี้จะเดินทางไปทุกพื้นที่ของกรุงเทพฯแบบเป็นขบวนคาราวานประชาชนทุกเสาร์และอาทิตย์ไปยังสีลม-สุขุมวิท-บางนา-วงเวียนใหญ่-มีนบุรี-รามคำแหง-รามอินทรา-รังสิต ส่วนจะเป็นจุดไหนจะแจ้งให้ประชาชนทราบอีกครั้งเพื่อให้ประชาชนที่่สนใจได้เข้าร่วมทำกิจกรรม ต่อไปจะมีกองทัพจักรยานรณรงค์ไปพร้อมๆกันจึงอยากให้ประชาชนได้มาร่วมกันแสดงพลัง
หวั่น”ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”หลุดคดี
นายพิชิต ยอมรับว่า กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเป็นอีกคนที่ทางกลุ่มเชื่อว่าจะได้รับผลของการนิรโทษกรรมทั้งในคดีทุจริตคอรัปชั่นและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯก็จะหลุดคดีไปด้วย และในเนื้อหานิรโทษกรรม ก็มีการล้างมลทินไปด้วย ตระกูล ชินวัตร ก็จะได้รับผิดประโยชน์โดยตรง โดยเฉพาะคดี ม.112ของนายทักษิณที่อัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้องคดี กำลังจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากมีการดำเนินการเรื่องนิรโทษกรรมฯเร็วๆนี้ นายทักษิณก็จะหลุดคดีไปด้วย
จ่อบุกอสส.คัดค้านประกันตัว‘แม้ว’
นายพิชิตยังระบุว่าดังนั้น ตนจึงเห็นว่า นายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะได้รับผลประโยชน์ซึ่งวานนี้(12มิ.ย.)ทางกลุ่มได้ไปยื่นคัดค้านที่กองทัพบกในฐานะที่เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อให้แสดงจุดยืนและทำหนังสือไปที่อัยการสูงสุดให้คัดค้านประกันตัวนายทักษิณในวันที่18 มิ.ย.นี้รวมทั้งทางกลุ่มจะเดินทางไปที่อัยการสูงสุด อีกครั้ง เพื่อแสดงจุดยืนให้อัยการคัดค้าน เพราะพฤติกรรมของนายทักษิณคือมีพฤติกรรมหลบหนีคดีก่อนหน้านี้และมีพฤติกรรมเข้าไปก้าวก่ายพยานหลักฐานการแทรกแซงด้วยอิทธิพลซึ่งพฤติกรรรมดังกล่าวจะทำให้รูปแบบคดีเกิดความไม่โปร่งใสชอบธรรม
‘อุ๊งอิ๊ง’ไม่ตอบ2วันติดเรื่อง‘ทักษิณ’
วันเดียวกัน ที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางมาร่วมงานแถลง”LOVE PRIDE PARADE 2024” มีสื่อมวลชนติดตามเพื่อจะสัมภาษณ์ในประเด็นการเมืองต่างๆ แต่ภายหลังเสร็จสิ้น น.ส.แพทองธาร ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนพร้อมกล่าวว่า “Message งานมันไม่เหมาะสม”ก่อนเดินเข้าลิฟต์ทันที เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯจะเดินทางไปสำนักงานอัยการสูงสุดวันที่18 มิ.ย.นี้หรือไม่ น.ส.แพทองธารไม่ตอบคำถามใดๆสื่อมวลชนสอบถามต่อแต่น.ส.แพทองธาร ก็ปฎิเสธตอบคำถามอีกโดยย้ำว่า”ขอไม่ให้สัมภาษณ์”ก่อนให้เลขาฯช่วยกันสื่อมวลชนก่อนจะหันมาตอบว่า “เวลาส่วนตัวแล้วเนอะ”
ทั้งนี้ ถือว่าเป็นการปฏิเสธให้สัมภาษณ์ของ น.ส.แพทองธารเป็นวันที่สองแล้วหลังจากเมื่อวานนี้(11มิ.ย.) สื่อไปดักที่งานแถลงข่าวงาน THACCA SPLASH: Soft Power Forum 2024 แต่ น.ส.แพทองธาร บอกขอพื้นที่สื่อให้งานดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี