ตั้งฉายารบ.‘นักกู้ผ้าขาวม้าพันคอ’
ซัด‘งบเป็ดขี้เหร่’
‘จุรินทร์’สับซุกเงินกู้แจก1หมื่น
บริหารงานหนี้พุ่ง2ล้านล้าน
‘ก.ก.’เย้ยตั้งงบแบบมักง่าย
นายกฯเมินใช้คำพูดด้อยค่า
นายกฯเปิดฉากงบฯ’68โวลั่น50 ล้านคน ได้เงินดิจิทัลปลายปี’67 ฟุ้งฐานะการเงินประเทศแข็งแกร่ง ปั้นซอฟต์ พาวเวอร์ เพิ่มรายได้ท่องเที่ยว ชูลดทุจริต-ผลักดันรัฐบาลดิจิทัล รับปากใช้ภาษีประชาชนคุ้มค่า ด้าน’ก้าวไกล’สับ’เจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้‘กะซวกงบ68 ใช้ดิจิทัลบังหน้าพยุงแก้วิกฤตการเมือง จากผลจัดตั้งรัฐบาล มักง่าย-สุ่มเสี่ยง-อิ๊กนอร์ไทยแลนด์ เสี่ยงเม็ดเงินไหลออก ถูกดูดเข้า‘2หลุมดำ’‘จุรินทร์’ซัดงบ’เป็ดขี้เหร่’ซุกเงินกู้เพิ่มหนี้ทำเงินดิจิทัล เย้ยช้าเป็นเรือเกลือ ตั้งฉายารบ.’นักกู้ผ้าขาวม้าพันคอ’อยู่บริหาร2ปี กู้เพิ่มหนี้เกือบ 2ล้านล้านบาท ถ้าอยู่บริหารครบ4ปีถึงปี70 คงกู้หนี้เต็มเพดาน ลั่นงบ68 ถ้าผ่านวาระ3 เรื่องอาจจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ เย้ย’รบ.สามหวย’เพราะมีแต่โครงการหวย
เมื่อเวลา 09.30น.วันที่ 19มิถุนายน2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธาน สภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ในวาระแรก
โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำทีมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง นายเศรษฐา ชี้แจงถึงงบประมาณรายจ่ายประจำปี2568 ว่า ร่างพรบ.งบฯมีจุดมุ่งหมายให้เศรษฐกิจไทยเติบโตเต็มศักยภาพ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี2568 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ2.5-3.5 โดยมีแรงสนับสนุนจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการส่งออกสินค้า ตามแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก การขยายตัวการอุปโภคบริโภค การลงทุนภาคเอกชน การฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยว ส่วนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจปี2568 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อปี2568 อยู่ที่ร้อยละ0.7–1.7 ช่วงปลายปี2567 นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต10,000บาท จะถึงมือคนไทย 50ล้านคน เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง ตั้งแต่ระดับฐานรากกระจายไปทั่วประเทศ ให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย การผลิตสินค้า การจ้างงาน และหมุนกลับมาเป็นเงินภาษีให้ภาครัฐ เพื่อใช้ในลงทุนสร้างขีดความสามารถให้ประเทศต่อไป
งัด6ยุทธศาสตร์สร้างรายได้ให้ประเทศ
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายปี2568 แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 2.7ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ72.1 รายจ่ายลงทุน 908,224ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ24.2 เป็นสัดส่วนการลงทุนสูงสุดรอบ 17ปี รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 150,100ล้านบาท ร้อยละ4 โดยจำแนกเป็น 6ยุทธศาสตร์ ได้แก่
1.ยุทธศาสตร์ความมั่นคง 405,412.8ล้านบาท เพื่อพัฒนาความมั่นคงประเทศ อาทิการแก้ปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ การรักษาความสงบในประเทศ 2.ยุทธศาสตร์สร้างความสามารถในการแข่งขัน 398,185.9ล้านบาท เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจประเทศเติบโต 3.ยุทธศาสตร์พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 583,023.4ล้านบาท เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน ปฏิรูประบบการศึกษาและสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต 4.ยุทธศาสตร์การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 923,851.4ล้านบาท เพื่อให้คนไทยได้รับสวัสดิการพื้นฐาน บริการสาธารณะอย่างทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำ 5.ยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 137,291.9 ล้านบาท เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน สร้างการเติบโตบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว อาทิ การจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อม การจัดการผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 6.ยุทธศาสตร์การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ 645,880.9ล้านบาท เพื่อให้ระบบการบริหารราชการมีประสิทธิภาพ อาทิ การต่อต้านทุจริต ตั้งเป้าหมายค่าดัชนีการรับรู้การทุจริตไม่ต่ำกว่า 55คะแนน การเป็นรัฐบาลดิจิทัล นำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่า การพัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
ใช้เงินภาษีอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
นายเศรษฐา กล่าวว่า การบริหารงบประมาณรายจ่ายทั้งหมดนี้ เพื่อดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลจะดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ ใช้จ่ายเงินภาษีประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด กระตุ้นเศรษฐกิจให้เม็ดเงินไหลไปสู่ประชาชนและภาคธุรกิจ สร้างการเจริญเติบโตให้กับประเทศพัฒนาศักยภาพอย่างยั่งยืน และเป็นไปตามกฎหมาย
ก.ก.ซัดรัฐบาลเจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้
เวลา 11.00น.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วงเงิน 3.7 ล้านล้านบาท วันแรก นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ลุกขึ้นอภิปรายต่อจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีว่า การจัดสรรงบฯปี68 ของรัฐบาลน่าผิดหวัง แบบหมดหวัง เพราะคงการจัดสรรงบประมาณแบบเดิมๆเพิ่มเติมคือดิจิทัลวอลเล็ต จัดสรรงบฯมียุทธศาสตร์เป็นคำพูดสวยหรูเต็มไปหมด
ทั้งนี้พบมีโครงการในงบประมาณ163 โครงการ แต่ไม่มีอะไรใหม่ พอลงรายละเอียดแล้วซ้ำซ้อน เบี้ยหัวแตก มองไม่เห็นรูปธรรมจับต้องได้ ใช้งบฯแบบไม่สนใจผลลัพธ์ในทางปฏิบัติ เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ งบฯจำนวนมากไม่มีการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ไปยึดโยงกลุ่มทุนผลประโยชน์ ที่ผลักดันรัฐบาลให้เข้าสู่อำนาจ เป็นการตอกย้ำการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า ตั้งแต่งบฯปี67 ถึงปี 68 ไม่มีวาระทางยุทธศาสตร์ว่าจะทำอะไรกันแน่ แต่ละกระทรวงต่างคนต่างอยู่ในอาณาจักรตัวเอง ต่างคนต่างทำ
จ้องแต่ผลักดันแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า แต่หากจะมีอะไรใหม่ของรัฐบาลที่สะท้อนผ่านร่างพ.ร.บ.งบฯปี68 ก็คือความพยายามผลักดันแบบดันทุรังในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตให้สำเร็จ แต่ดันทุรังแบบเจ๊งไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้ ซึ่งงบฯดังกล่าวไปอยู่ในงบฯกลางกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน1.57แสนล้านบาท คิดเป็น18.9เปอร์เซ็นต์ของงบฯกลางทั้งหมด ส่วนงบฯที่กันไว้สำหรับร่างพ.ร.บ.งบฯปี68ไม่เพียงพอ มีการคาดการณ์ว่าจะใช้งบฯจากธนาคารเพื่อเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) จำนวน1.72แสนล้านบาท และน่าจะมีการของบฯกลางปี67อีกเพิ่มจำนวน1.22แสนล้านบาท หากไม่พอ รัฐบาลอาจออกพ.ร.บ.โอนงบประมาณจากงบฯสำรองรายจ่ายฉุกเฉินหรือจำเป็นมาใส่เพิ่มอีกได้
สร้างความเชื่อมั่นพลิกฟื้นศก.ไม่ได้
“ผลของการพยายามจัดสรรงบฯมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น เสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาทางการคลัง ทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว ภาระการจ่ายหนี้ภาครัฐจะสูงขึ้น เราจะสูญเสียพื้นที่ทางการคลัง หากเราจำเป็นต้องมีการใช้จ่ายฉุกเฉินจริงๆหรือมีการลงทุนภาครัฐขนาดใหญ่ในอนาคต ในเมื่อรู้ว่าเสี่ยงขนาดนี้ แต่ทำไมงบฯปี68 จึงมีลักษณะเจ๊งไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้ คำตอบคือรัฐบาลชุดนี้ประสบปัญหาวิกฤตทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล พอเข้ามาบริหารประเทศจนถึงวันนี้ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ว่าจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศและปากท้องของประชาชนได้ดีขึ้น ดังนั้นพรรคแกนนำรัฐบาลจึงเหลือความหวังเดียว คือหากผลักดันนโยบายเรือธงดิจิทัลวอลเล็ตนี้ได้สำเร็จ ความชอบธรรมของรัฐบาลจะฟื้นคืนมา ในสภาวะที่ข้าวยากหมากแพงแบบนี้ เศรษฐกิจฝืดเคือง ประชาชนจึงมีความหวังจะได้รับเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตมาประทังชีวิต แต่ผมคิดว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน เราไม่ต้องการรัฐบาลที่มุ่งแสวงหาความนิยมจากประชาชนแบบมักง่าย สายตาสั้นแบบนี้ แต่เราต้องการรัฐบาลที่มีเจตจำนงค์ผลักดันนโยบายที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ประเทศมากที่สุด ไม่ใช่ตอบโจทย์ทางการเมืองของพรรคแกนนำรัฐบาล” ผู้นำฝ่ายค้านฯกล่าว
ทำนโยบายไม่สอดคล้องสภาพปัจจุบัน
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า หากสุดท้ายดิจิทัลวอลเล็ตที่รัฐบาลกำลังดันทุรังขณะนี้ ไม่ตอบโจทย์ประเทศจริงๆ การจัดสรรงบฯปี68 จะเป็นการจัดสรรงบฯที่ไม่ได้เอาโจทย์ประเทศเป็นตัวตั้ง แต่เอาโจทย์ของพรรคแกนนำรัฐบาลเป็นตัวตั้งโดยรัฐบาลกำลังมุ่งแก้วิกฤตทางการเมืองของตนเอง โดยเอาโอกาส และอนาคตประเทศวางเป็นเดิมพัน ในแบบที่เจ๊งไม่ว่า แต่ต้องรักษาหน้าพรรคแกนนำรัฐบาลไว้ให้ได้ จึงยืนยันได้ว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นโครงการฉาบฉวยเพื่อหาเสียงเฉพาะหน้า เราเห็นโครงการนี้แบบคิดไปทำไป กลับไปกลับมา จนถึงวันนี้ก็ไม่มีความชัดเจนแน่นอน แต่พรรคแกนนำรัฐบาลก็โหมว่าโครงการดังกล่าวจะกระจายเม็ดเงินลงสู่พื้นต่างทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นการบริโภคให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจตามที่นายกรัฐมนตรีแถลงไป แต่แนวคิดดังกล่าวอาจใช้ได้กับประเทศไทยเมื่อ20ปีที่แล้วการอัดเงินแบบระยะสั้น มันจึงไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่นำไปสู่การกระตุ้นการผลิตการจ้างงานอีกแล้ว เพราะเราจะเจอปัญหาช่องทางเงินไหลออกเป็นหลุมดำ 2หลุม ที่คอยดูดเม็ดเงินออกจากระบบเศรษฐกิจในประเทศ
เตือน’2หลุมดำ’ดูดเงินออกนอกปท.
หลุมดำแรก คือ สินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าจากจีนที่เกิดสภาวะสินค้าล้นตลาด แทบทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็น สินค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้น เครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ สินค้าขั้นกลาง เช่น เหล็ก เคมีภัณฑ์ ไปจนสินค้าสมัยใหม่ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือรถอีวี ปัจจุบันสินค้าจากจีนทะลักเข้าไทยสูงขึ้นเรื่อยๆเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่ปี2566 ไทยขาดดุลการค้ากับจีนมากสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงราว1.3ล้านล้านบาท หลุมดำที่สอง คือ แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ที่ขยายตัวต่อเนื่องเรื่อยๆ มีคนไทยซื้อของออนไลน์มากถึง9.8แสนล้านบาท ส่วนแบ่งตลาดกลายเป็นสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะซื้อขายผ่านบริษัท หรือเจ้าของสินค้าโดยตรงจากต่างชาติ รวมถึงบริษัทที่เสมือนเป็นบริษัทคนไทยที่อยู่ในประเทศ
จัดงบมักง่าย-ไม่เห็นชอบร่างฉบับนี้
นายชัยธวัช ระบุว่า ดังนั้นเมื่อเจอ2หลุมดำ การอัดฉีดเงินเพื่อการบริโภคโดยไม่สร้างเงื่อนไขหรือแรงจูงใจอย่างเป็นระบบ เงินที่อัดเข้าไปในระบบจะรั่วไหลไปสู่สินค้านำเข้า ตนสงสัยว่าโจทย์ของรัฐบาลที่จัดสรรงบฯ กับโจทย์ประเทศ ไม่ใช่โจทย์เดียวกัน สะท้อนความไม่ชอบธรรมทางการเมืองจากการจัดตั้งรัฐบาล จึงเป็นคนละโจทย์กัน การจัดสรรงบฯจึงเป็นการจัดที่มักง่ายที่สุด สุ่มเสี่ยงที่สุด รัฐบาลกำลังเอาทรัพยากรของประเทศไปมุ่งแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองของตนเอง โดยเอาโอกาสและอนาคตของคนไทยมาวางเดิมพันอย่างไม่รับผิดชอบ วิสัยทัศน์อย่าง Ignite Thailand กลายเป็น Ignore Thailand เจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ และด้วยเหตุผลทั้งหมด จึงไม่สามารถจะเห็นชอบร่างพรบ.งบฯได้” นายชัยธวัช กล่าว
‘จุรินทร์’เย้ยงบ68’ขี้หก ขี้เหร่’ทำไม่ได้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายร่างพรบ.งบฯว่า
ปีที่แล้วเป็นงบเหมือนกับเป็ดหง่อย เพราะรัฐบาลใช้เวลาไปรื้องบที่รัฐบาลที่แล้วทำไว้เดิมทำให้การใช้เงินล่าช้าเกือบ 7เดือน บวกกับประสิทธิภาพการใช้งบฯของรัฐบาลชุดนี้ทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเฉพาะงบลงทุน 8เดือน ประมาณ51เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศในปี67 โตต่ำกว่าเป้าที่กำหนดไว้ใน พรบ.งบฯและในเอกสารงบฯว่า จะทำให้โต 5.4เปอร์เซ็นต์ รวมเงินเฟ้อคงประมาณ 4เปอร์เซ็นต์กว่า แต่แค่ 4 เปอร์เซ็นต์กว่าก็ไม่ถึง ทุกสำนักประเมินตรงกันหมดว่า อย่างดีก็คงได้ประมาณ 2.5เปอร์เซ็นต์ ส่วนงบปี 68 ซึ่งเป็นงบฉบับที่2ของรัฐบาลนี้ อันนี้อิเหนาทำเองร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้มีฐานรากมาจากรัฐบาลที่แล้วแต่อย่างใด แต่ข้อน่าสังเกตคือ ใส่ดิจิทัลวอลเล็ตโดยสารมาด้วยในงบกลาง 152,700ล้านบาท โดยงบ68 ตั้งไว้ 3.75 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว 7.8เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนดูหลายรอบ ภาพรวมทั้ง “ขี้หก ขี้เหร่” เพราะงบปี 67 นายกฯสัญญาไว้กลางสภาฯในการพิจารณาวาระ1 ว่า ถัดไปท่านจะทำ 4เพิ่ม1ลด คือจะเพิ่มรายได้ให้ประเทศและจะลดการขาดดุลงบประมาณลงมา เป็นต้น ปรากฏว่าเมื่อดูตัวเลขลึกลงรายละเอียดกลายเป็นละครคนละซีรีส์ เหมือนเห็นสภาฯเป็นศาลาโกหก เพราะไม่ได้เป็นไปตามนั้น ถ้าดูลึกลงไปยิ่งกว่านั้นอีก
รายได้ต่ำเป้า-ขาดดุลทุบประวัติศาสตร์
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า รายละเอียดก็ไม่ได้งดงามอย่างที่นายกฯได้อภิปรายต่อสภาฯเมื่อเช้านี้ที่นำเสนอมาทั้งหมด เพราะพบความขี้เหร่ซุกซ่อนอยู่มากมาย 5ประเด็น คือ ขี้เหร่ที่1 เรื่องรายได้ ซึ่งนายกฯบอกว่าจะทำรายได้เพิ่ม ซึ่งตนหมายถึงนายกฯคงพูดเรื่องรายได้สุทธิ เพราะรายได้อื่นก็ไม่มีประโยชน์มันตัวหลอก เพราะตัวจริงคือรายได้สิทธิ แต่เมื่อไปดูตัวเลขรายได้สิทธิของงบ68 เหลือ 76.9 เปอร์เซ็นต์ ของวงเงินงบประมาณ จากปี 67 รายได้สิทธิ 80.1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัวฟ้องว่ามันไม่ตรงกับที่นายกฯสัญญากับสภาฯไว้ โดยเฉพาะประสิทธิภาพการเก็บรายได้ เฉพาะ7เดือนของงบปี67ปรากฏว่า ยังเก็บรายได้ต่ำเป้า39,000 ล้านบาท ขี้เหร่ที่2 การขาดดุลงบประมาณ นายกฯให้สัญญาว่าจะลดการขาดดุลงบประมาณลงมาในปี 68 แต่เมื่อไปดูปรากฎว่าไม่เท่าเดิม ไม่ลดแล้วยังเพิ่มการขาดดุลมหาศาล เพราะงบปี68 ขาดดุลมากกว่างบปี 67 ถึง 865,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.9 เปอร์เซ็นต์ คือ1ใน4 ของวงเงินงบประมาณทั้งหมด นายกฯอาจจะอ้างว่า ขาดดุลเพิ่มเพราะต้องเอาไปทำดิจิทัลวอลเล็ต แต่ดิจิทัลวอลเล็ตที่ใส่มาแค่152,700ล้านบาท เมื่อเอาไปลบก็ยังขาดดุลเพิ่มกว่าปีที่แล้วถึง 2หมื่นล้านบาท ถึงไม่ได้ลดการขาดดุลอย่างที่นายกฯให้สัญญาไว้ ที่ขี้เหร่ที่สุด ปรากฎว่างบ68 ขาดดุลมากที่สุดในประวัติศาสตร์คือขาดดุลมากถึง4.42 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพีประเทศ เกือบชนเพดานวินัยการเงินการคลัง เหลืออีกแค่ 40ล้านบาทเท่านั้นชนเพดานหัวแบะ
“ขี้เหร่ของความขี้เหร่คือภายใต้รัฐบาลนี้ ถ้าอยู่ครบวาระ 4ปี ยังจะคิดจัดงบฯขาดดุลต่อไปอีกตลอดอายุรัฐบาลนี้ ซึ่งจะส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นตลอด 4 ปีที่อยู่ในอายุของรัฐบาล แล้วจะเพิ่มขึ้นทุกปี ดูได้จากแผนการคลังระยะปานกลางปี 68-71 ฉบับทบทวน ที่ครม.เพิ่งอนุมัติไปเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ซึ่งคือภาระที่จะเกิดกับประเทศ”นายจุรินทร์ กล่าว
ซัดนักกู้ผ้าชาวม้าพันคอ-ก่อหนี้บาน
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ขี้เหร่ที่3 เรื่องเงินกู้ หรือการกู้เงิน เพราะงบปี 67และ68 รัฐบาลชุดนี้ต้องกู้มาชดเชยการขาดดุลรวม 1.5ล้านล้านบาท ยังไม่รวมกู้มาแจก เพียงแต่ใน 1.5 ล้านล้านบาท มีกู้มาแจกคือดิจิทัลวอลเล็ต ที่ใส่ลงไปในงบ68 จำนวน 152,700 ล้านบาท เพราะฉะนั้นยังเหลือเงินที่ต้องกู้มาแจกเพิ่มอีกให้ครบ 5 แสนล้านบาทอีก 347,300ล้านบาท ถ้ามารวมงบขาดดุล 2ปี สุดท้ายรัฐบาลนี้จะก่อหนี้ 1.9 ล้านล้านบาท รวมบริหาร2ปี กู้เกือบ2 ล้านล้านบาท ปีที่แล้วผมบอกว่านายกฯเป็นนักกู้ถุงเท้าสีชมพู ปีนี้เห็นทีจะต้องให้เป็นนักกู้ผ้าขาวม้าพันคอ เพราะยังกู้หนักกว่าเดิม แต่เวลาใช้หนี้ไม่ถึง10เปอร์เซ็นต์ของหนี้ที่ก่อ อันนี้คือสิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะมันพอกพูนไปเป็นภาระของประเทศในอนาคตพอพ้นรัฐบาลนี้แล้ว
เงินดิจิทัลตั้งเรือธง-กลายเป็นเรือเกลือ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขี้เหร่ที่4 การตั้งตัวเลขจีดีพีสูงเกินจริง เพราะงบปี67 รัฐบาลตั้งจีดีพีไว้ 5.4 เปอร์เซ็นต์ตอนนี้สารภาพบาปแล้ว ปรากฎว่าปี67 ลดจาก5.4 เปอร์เซ็นต์มาเหลือ4.1เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ทุกสำนักบอกบวกได้แค่ 2.5เปอร์เซ็นต์ แล้วเอา4.1เปอร์เซ็นต์มาเป็นฐานคำนวณจีดีพีปี 68 โดยบอกว่าจะบวก 4.9 เปอร์เซ็นต์ เอาฐานที่สูงเกินจริงมาคำนวณจีดีพี68 สุดท้ายก็กลายเป็นจีดีพีฟองสบู่ เพราะ 4.9 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าจะโตนั้นตนเข้าใจ แต่อาจจะเพื่อให้สมกับที่นายกฯพยายามพูดว่าจะทำจีดีพีโต 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทุกสำนักบอกว่าจะโตได้แค่ 3เปอร์เซ็นต์ ขี้เหร่ที่5 เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต จากนโยบายเรือธง วันนี้กลายเป็นนโยบายเรือเกลือไปแล้ว สัญญาจะทำทันที แต่เวลาล่วงเลยมาแล้ว ตนทวงถามแทนประชาชนทุกครั้ง เพราะตั้งหลักว่าเมื่อพรรคการเมืองไปสัญญากับประชาชนไว้แล้ว ต้องมีความรับผิดชอบ รัฐบาลแถลงว่าแจกแน่ในไตรมาสที่4 คือวันที่ 1 ต.ค.67 เป็นต้นไป เวลาแจกจะไม่แบ่งเป็นก้อน จะแจกรวดเดียว 5 แสนล้านบาท แปลว่าถ้าไม่ได้เงินครบ 5แสนล้านบาทก็จะยังไม่แจกใช่หรือไม่และเงิน5แสนล้านบาทจะเอามาจาก3แหล่งสำคัญ คือจากงบ68งบปี67และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) คำถามคือแปลว่าจนวันนี้รัฐบาลยังไม่มีเงินสักบาทเดียวใช่หรือไม่ เพราะงบ68 ยังต้องรอผ่านสภาฯ ส่วนงบ67 ยังไม่ได้ขอมาเลยที่จะออก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ส่วนธกส.ก็ยังไม่ได้ยืมสักบาท
กู้มาแจกเหวี่ยงแห-ซ้ำรอบ’ฮ.มันนี่’
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า มีคนนินทาว่าสุดท้ายไปเอามาจากงบฉุกเฉินปี67 ที่ตั้งไว้ 99,500ล้านบาท และพบพิรุธ เบิกจ่ายงบฉุกเฉินปีนี้ต่ำมากๆ มีคนบอกว่า เบิกไปแค่หลักพันล้านบาท แสดงว่าเป็นความตั้งใจว่ายอมไม่ใช้งบปี 67 เพื่อให้เหลือเงินฉุกเฉินเยอะๆแล้วจะได้เอาไปแปลงเป็นดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อกู้มาแจก บรรลุเป้าหมายพรรคการเมืองได้ แต่ถ้าทำแบบนี้จริง ผมคิดว่ารัฐบาลนี้ใจดำมาก เพราะพยายามไม่ใช้เงินปี 67 จะส่งผลให้จีดีพี67 โตต่ำเตี้ยหนักเข้าไปอีก เพียงเพื่อให้เหลือเงินไปสนองพรรคการเมือง นี่คือสิ่งที่รัฐบาลต้องตระหนัก ส่วนเงิน ธกส.ก็เอามาแจกไม่ได้ หมิ่นเหม่ผิดกฎหมาย เพราะเอาไว้ดูแลเกษตรกรเท่านั้น จะเอาไปให้รัฐบาลกู้มาแจกแบบเหวี่ยงแหเฮลิคอปเตอร์มันนี่ มันทำไม่ได้ จนถึงวันนี้รัฐบาลยังไม่ถามกฤษฎีกาเลยว่า ทำได้หรือไม่ แต่มาของบ68ก่อน เหมือนตั้งใจที่จะลักไก่กับสภาฯต่อหน้าประชาชน สุดท้ายดิจิทัลวอลเล็ตอนาคตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย “ที่ผมพูดมาอยากให้เห็นว่างบ68 เหมือนงบเป็ดขี้เหร่ ที่สำคัญรัฐบาล 2ปีจะใช้เงินงบ67-68 รวมแล้ว 6.7ล้านล้านบาท ผลงานมันไม่ประทับใจจอร์จเลย ผลสัมฤทธิ์ของงานที่ปรากฎออกมามันสวนทางกับตัวเลขงบประมาณที่ขอมา”นายจุรินทร์ กล่าว
นิรโทษสุดซอยหรือไม่-ซัดรบ.สามหวย
“รัฐนาวาไทยถ้าเป็นรถยนต์ก็เหมือนกับรถยนต์แบบ1พวงมาลัย2คนขับ ที่น่าหวาดเสียวที่สุดคือ แม้จะนั่งเก้าอี้คนละตัว แต่ปรากฏว่าจับพวงมาลัยอันเดียวพร้อมกัน 2คนและเรื่องพรบ.นิรโทษกรรม ไม่ใช่เรื่องเก่าแต่เป็นเรื่องปัจจุบันและกำลังจะเป็นเรื่องอนาคต ต้องใช้เงินงบประมาณแผ่นดินจึงจะทำได้ ที่สำคัญจะมีผลกระทบมากมายต่อการเมือง เศรษฐกิจ สังคมไทยในอนาคต เพราะพรบ.นี้จะเป็นสารตั้งต้นสำคัญตัวหนึ่งที่จะพาประเทศไปสู่ความปรองดองหรือนำไปสู่ความแตกแยกครั้งใหญ่อีกครั้ง ขอถามนายกฯในฐานะคุมเสียงข้างมากในสภาฯ1.รัฐบาลมีนโยบายจะเสนอหรือสนับสนุนพรบ.นิรโทษกรรมหรือไม่ 2.รัฐบาลจะสนับสนุนการนิรโทษกรรมที่รวมคดีทุจริต ความผิดมาตรา157 หรือไม่ 3.จะรวมคดีมาตรา112 หรือไม่ เพราะห่วงว่าถ้ามีจะเปลี่ยนจาก พรบ.นิรโทษกรรมเพื่อความปรองดอง เป็นนิรโทษกรรมอำพรางหรือไม่ เพราะอดีตเคยสอนเรามาแล้ว จากนิรโทษกรรมครึ่งเข่งกลายเป็นนิรโทษกรรมยกเข่ง สุดท้ายบ้านเมืองเสียหายยับเยิน หากงบปี68 วาระ1ผ่านสภา แต่วาระ3 อาจต้องถามศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่ การลดรายจ่ายลด ภาระหนี้สิน ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่รัฐบาลชุดนี้กำลังซ้ำเติมประชาชนอีก ด้วยนโยบายบาป ทั้งหวยและบ่อน อย่างเช่นหวย 3 ประเภท ลอตเตอรี่ หวยเกษียณ หวยสามตัว หวยN3 จากที่ตนเองลงพื้นที่พบประชาชน สะท้อนว่าขอตั้งชื่อให้รัฐบาลนี้ว่า รัฐบาลสามหวย’นายจุรินทร์ กล่าว
‘เศรษฐา’เมินคำพูดด้อยค่าแค่สีสัน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังร่วมประชุมพิจารณาร่าง พรบ.งบฯวันแรก โดยนายกฯ เดินลงมาพร้อมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า น.ส.แพทองธาร ได้ให้กำลังใจอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ให้กำลังใจตน เพราะต่างคนต่างอยู่ ตนประชุมตลอดเวลา ส่วน น.ส.แพทองธาร ไปดูแล ส.ส.ในพรรคและเพิ่งเจอกันเลยได้ชวนกันลงมา เมื่อถามถึงการฟังอภิปรายงบฯ ในวันแรก เป็นอย่างไร ซึ่งบางช่วงมีการใช้ถ้อยคำที่รุนแรง นายกฯ กล่าวว่า บางทีก็ต้องดูด้วยนิดนึงเหมือนกัน ในเรื่องที่บอกว่า การทำงบฯต้องใช้แว่นขยายสายตาสั้นอะไรแบบนั้น แต่ก็เป็นสีสันการเมือง ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เราก็ตั้งใจทำกันอยู่แล้ว และหวังว่าข้าราชการประจำที่เขาทำกันมาคงไม่คิดอะไรมากมาย เพราะเขาเสียเวลาในการทำเยอะเหลือเกิน เขาก็ใส่กายใส่ใจเข้าไปพอสมควร แต่มาใช้คำพูดด้อยค่า แต่ไม่เป็นไร ทราบอยู่เป็นเรื่องสีสันการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี