‘อนุทิน’ชี้ดึง‘กัญชา’กลับเป็นยาเสพติด กระทบเชื่อมั่นนักลงทุน หลังนโยบายรัฐไม่ชัดเจน ย้อนหากปรับครม.กลับไปคุม‘สาธารณสุข’จะทำอย่างไร ดึงสติข้าราชการขอให้สร้างบรรทัดฐาน อย่าตามใจรัฐมนตรี ลั่น‘โหวตโน’ในชั้นป.ป.ส.ไม่แทรกแซงใคร ขอสื่ออย่ามองว่าถูกหักหน้าให้ยึดที่เหตุผลเป็นหลัก
เมื่อเวลา 12.10 น.วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (กรรมการ ป.ป.ส.) ว่า ตน และพรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดของกระทรวงสาธารณสุข เพราะกรรมการชุดนี้เป็นชุดเดียวกับที่เคยแนะนำตนในสมัยเป็น รมว.สาธารณสุข ให้นำกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด และการจะนำกัญชาออกจากยาเสพติด ตัวรัฐมนตรีไม่สามารถเอาออกได้ ต้องมาจากคำแนะนำจากคณะกรรมการชุดต่างๆ
นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนที่เอาออกจากยาเสพติดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็คือกรรมการชุดนี้ แล้วเหตุใดวันนี้กรรมการชุดนี้จะเอากลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าตนเองเป็นข้าราชการประจำก็ต้องทำตามนโยบายของรัฐมนตรี และตนจะไปเถียงอะไรเขาได้ ซึ่งก็จริงของเขา แต่ตนก็อยากรู้ว่าการจะทำอะไรก็ต้องมีหลักการ ตนเป็นรมว.สาธารณสุข 4 ปี ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่าไม่ดี และทุกๆเดือนกระทรวงสาธารณสุขก็พาตนไปทำแคมเปญเรื่องกัญชา ไม่มีโรงพยาบาลไหนที่ไม่มีคลินิกกัญชาเลย มีแต่เรื่องการสนับสนุนกัญชาทุกอย่าง ซึ่งตอนนั้นตนก็เชื่อหมอ
นายอนุทิน กล่าวว่า ตนถึงขอย้ำว่าเรื่องนี้หากมีการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา ทุกอย่างก็จบ เพราะอย่าลืมว่าเวลาเจรจาเรื่องการเมืองต่างๆ ต้องสนับสนุนนโยบายของพรรคร่วมทุกพรรคอยู่แล้ว เราไม่อยากให้มีปัญหา ตนไม่ได้ห่วงเรื่องกัญชา ตนห่วงเรื่องภาพรวม ถ้าปรับเปลี่ยนบ่อยๆหรือปรับเปลี่ยนตามใจผู้บริหารใครจะมาลงทุน เรากำลังจะเร่งสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ
“วันหนึ่งหากปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว พรรคภูมิใจไทยกลับไปดูกระทรวงสาธารณสุขอีก ผมต้องเอากัญชาออกมาจากยาเสพติด เพราะเป็นนโยบายเรือธงของพรรคภูมิใจไทย แล้วข้าราชการประจำต้องทำตามแนวทางรัฐมนตรี ก็ต้องนำออกจากยาเสพติดอีก แบบนี้คนมาลงทุน ก็จะขาดความเชื่อมั่น ไม่ใช่มิติของกัญชาเพียงอย่างเดียว แต่จะหมายถึงส่วนอื่นๆด้วย ซึ่งอาจจะกระทบทั้งประเทศ ยกตัวอย่าง หากนักลงทุนต่างชาติมาถามหากจะมาลงทุนเมืองไทยแล้วกฎหมายเปลี่ยนทุกครม.หรือเปล่า ถ้าเราบอกว่าเปลี่ยนได้ใครเขาจะมา เพราะนักลงทุนต้องการความยั่งยืน” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า จะไปต่อสู้ในชั้นคณะกรรมการป.ป.ส.อย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่ต่อสู้ และไม่เคยสู้ใครอยู่แล้ว แต่จะใช้เหตุผลเข้าว่าเพราะโหวตก็แพ้ แต่ตนก็จะโหวตโน และถ้าจะโหวตโดยใช้มติมหาดไทยก็มีแค่ 3-4 เสียง ซึ่งไม่ทราบว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยจะเห็นด้วยกับตนหรือไม่ เราจะไปบังคับทุกคนได้อย่างไร และตนก็ไม่เคยสั่งใครให้โหวตตาม ทุกคนต้องใช้ดุลยพินิจของตัวเอง
เมื่อถามว่า ถูกมองว่าเป็นการหักหน้าหรือไม่เพราะนโยบายกัญชาเป็นนโยบายเรือธงของพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มองว่าเป็นการถูกหักหน้า เพราะหากมองว่าถูกหักหน้า ตนคงไปร่วมประท้วงกับผู้ชุมนุมต้านกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ที่บริเวณหน้าทำเนียบในเวลานี้แล้ว แต่เรื่องนี้เราต้องว่ากันด้วยเหตุด้วยผล และนโยบายหาเสียงปี 66 ของพรรคภูมิใจไทยก็ไม่ได้มีเรื่องกัญชา เพราะเราคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี แต่เมื่อตนไม่ได้ดูกระทรวงสาธารณสุข ก็ไม่สามารถไปกำหนดนโยบายอะไรได้
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ปฏิบัติตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีทุกเรื่อง รวมถึงสนับสนุนโยบายพรรคเพื่อไทย อาทิ ดิจิทัลวอลเล็ต นโยบายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี และให้ต่างชาติซื้อคอนโด 75% แต่นโยบายของพรรคภูมิใจไทยกลับถูกหักหน้า นายอนุทิน ย้ำว่า บอกแล้วว่าไม่ได้ถูกหักหน้า สื่อชอบถามให้คนมีเรื่องกัน
“ขอยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องหักหน้าหรือไม่หักหน้า เพราะทุกคนมีสิทธิ์คิดได้ ทุกอย่างต้องเป็นเป็นไปตามสัญชาตญาณ และวันนี้ผมไม่ได้ดูแลกระทรวงสาธารณสุข จะไปแทรกแซงนโยบายของรมว.สาธารณสุขได้อย่างไร แต่ผมไม่อยากให้มีบรรทัดฐาน รัฐมนตรีคนไหนเข้ามา แล้วทำตามใจรัฐมนตรี แต่ควรทำเรื่องนี้ให้เป็นกฎหมายหรือ พ.ร.บ.เพื่อความยั่งยืน” นายอนุทิน กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี