ควันหลงกระหึ่มโลกออนไลน์ ‘อ.วีระ’ ฟาดเตือน‘งบฯหนุนดิจิทัลวอลเล็ต’ 1.22แสนล้าน กลางสภาฯ เปิดสัญญาณสุดอันตรายวิกฤตการเงินการคลัง-ส่อทำงบฯขาดดุลอย่างไม่เคยมีมาก่อน แค่เพียง‘เอื้อการเมืองนโยบายเรือธงเพื่อไทย’เสี่ยงประเทศล้ม ขู่ทิ้งบอมบ์งบฯก้อนปี 68 วงเงิน 1.32 แสนล้านไร้ที่มา เจอกันถกวาระ 2 ปลายสิงหา ลั่น ‘หากทำอะไรรุนแรง อย่ามาโทษผมนะ’ แย้มเจอเรื่องใหญ่แน่

เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎร มีมติ 292 เสียง อนุมัติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ในวาระ 3 เพื่อใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ช่วงไตรมาส 4 ไปเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น 

ล่าสุดยังมีควันหลงที่น่าสนใจ เกี่ยวกับข้อกังวลในงบฯ จำนวนดังกล่าว ที่จะนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แม้ทางรัฐบาลขณะนี้จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอพพลิเคชั่นทางรัฐไปแล้ว โดยเฉพาะนายวีระ ธีรภัทร นักจัดรายการวิทยุ-โทรทัศน์ชื่อดัง ที่เข้ามาเป็นกมธ.วิสามัญฯ เสียงข้างน้อย ในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล ที่ได้สงวนความเห็น และอภิปรายต่อที่ประชุมสภาฯก่อนลงมติในวาระ 3 ไว้อย่างน่าสนใจ และในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ถ้อยคำ และคลิปที่นายวีระ อภิปราย จำนวนมาก

นายวีระ กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอให้รัฐบาลถอนคันเร่งในการใช้โครงการดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเห็นชัดเจนว่ามีปัญหา และอาจต้องส่งให้องค์กรอิสระตีความในอนาคต ขอให้รัฐบาลอย่ามองข้ามปัญหาเศรษฐกิจที่เคยเกิดขึ้นที่ประเทศกรีซ นอกจากนั้นในสถานการณ์ของงบประมาณในประเด็นพบสัญญาณที่เป็นอันตราย คือ ส่วนรายจ่ายดอกเบี้ยที่สูงเกือบ 10% ของรายได้ที่หามาได้ โดยในการจัดทำงบฯปี 2568 พบว่ามีการตั้งงบเพื่อชดใช้หนี้ 4.1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเงินต้น 1.5 แสนล้านบาท และดอกเบี้ย 2.6แสนล้านบาท เท่ากับ 9%  เท่ากับว่า ไทยต้องจ่ายดอกเบี้ยในแต่ละปีงบประมาณฯเกือบร้อยละ 10 ของรายได้ที่หามาได้ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นจุดอันตรายมาก 

นายวีระ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ความผิดปกติที่ชัดเจนมากคือในงบฯเพิ่มเติมปี 2567 เป็นการ ทำงบขาดดุลสูงที่สุดจนติดเพดานการทำงบประมาณขาดดุลในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะนี้งบฯเพิ่มเติมปี 2567 มียอดขาดดุลรวม 8.05 แสนล้านบาท ซึ่งจะมีเพดานที่จะขาดดุลสูงสุดโดยไม่ผิดกฎหมาย คือ 8.15 แสนล้านบาท ดังนั้นจะเหลือยอดที่จะสามารถทำงบฯขาดดุลได้เพียง 10,000 ล้านบาท เท่ากับว่าการใช้จ่ายงบฯแทบไม่เหลือช่องว่างให้ทำอะไรได้อีกต่อไป ในข้อกังวลคือจะเกิดวิกฤตการเงินการคลังในอนาคต หากบริหารจัดการไม่ถูกต้อง ไม่รอบคอบ

“ผมขอตั้งข้อสังเกตในประเด็นการเมือง ว่านโยบายแจกเงินหมื่นนี้เป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ได้นำเป้าหมายมาสร้างความชอบธรรมในวิธีการดังกล่าวที่อันตราย ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นนโยบายหาเสียงที่เป็นภาระต่องบประมาณและอาจเป็นตัวอย่างของการทำนโยบายที่เสี่ยงต่อการทำงบประมาณในอนาคต ดังนั้นขอให้สส.พิจารณาก่อนลงมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว” นายวีระ ระบุทิ้งท้าย

ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ส.ค. นายวีระ ยังได้สรุปถึงกรณีดังกล่าวผ่านรายการ “คุยให้คิด” ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ร่วมกับที่มีพิธีกรชื่อดัง นายสุทธิชัย หยุ่น และนายวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์  ในประเด็น “เก็บตก อ.วีระ เข้าสภาฯ ถกงบฯดิจิทัล วาระ 2” ตอนหนึ่ง หลังจากนายสุทธิชัย ยิงคำถามจากการที่นายวีระ อภิปรายในสภาฯ จะทำให้อยู่ลำบาก เนื่องจากออกมาเปิดโปงคัดค้านเกี่ยวกับการใช้งบฯดังกล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะทำได้หรือไม่ เป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องของตน ตนเพียงมาทำหน้าที่ของตน โดยตนขอตัดงบฯที่กู้มา 1.22 แสนล้านบาท เหลือ5หมื่นล้าน เพราะมันมากเกินไป แต่สุดท้ายสภาฯลงมติในวาระ 3 อนุมัติงบฯ 1.22แสนล้าน ก็เป็นเรื่องของสภาฯดำเนินการไป ไม่ใช่เรื่องของตน ตนเป็นเพียงเหา แมลงหวี่ จะมาโทษตนไม่ได้

นายวีระ ยังอธิบายถึงแหล่งเงินงบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่มาจาก 3 แหล่ง โดยเฉพาะในงบฯปกติของปี68 ที่ถือเป็นเป็นงบฯก้อนที่ 3 วงเงิน 1.32 แสนล้านบาท ยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯในวาระ 2 พร้อมเตือนล่วงหน้าว่า ในการพิจารณาวาระ 2 ในสภาฯ ช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ หากตนไปทำอะไรรุนแรงในช่วงที่อภิปราย วาระ 2 “อย่ามาโทษผมนะ” 

“ผมเตือนเข้าไปแล้ว งบประมาณรายจ่ายปี 2568 รัฐบาลขอมาที่จะทำโครงการฯ 1.52 แสนล้าน มันยังมีอีก 1.32 แสนล้าน ที่รัฐบาลไม่ได้บอกว่าจะทำยังไง และไม่มีคำตอบว่าจะทำอย่างไร มันไม่ตรงไปตรงมา ผมถามรัฐบาลว่าที่เหลือจะทำอย่างไร ผมบอกว่าอย่าทำเรื่องหนึ่งนะ ผมขู่ไว้ก่อนเลย แต่ผมจะยังไม่บอกว่าเป็นเรื่องไหน เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ยืนยันว่าไม่ได้ออกมายับยั้ง เพียงแต่แสดงความเห็น เป็นเพียงผู้ออกมาพยากรณ์ แต่ต้องไปถอดรหัสเอาเอง” นายวีระ กล่าว 

ขอบคุณคลิปจาก : ThaiPBS