โวลั่นเลือกตั้งปี’70 สีส้มทั้งแผ่นดิน
‘ก.ก.’ปลุกใจสาวก
หลังถูกศาลสั่งยุบพรรค
ครวญโดนนิติสงคราม
นายกฯเชื่อมีทางไปต่อ
‘อนุทิน’ปัดช้อปงูเห่าส้ม
“รังสิมันต์”โวลั่นหลังศาล รธน.สั่งยุบพรรคก้าวไกลไม่ว่าพรรคใหม่จะชื่ออะไร 2570 สีส้มทั้งแผ่นดิน โวยนิติสงคราม คิดต่างจากรัฐ หรือชนชั้นนำ ก็จะถูกทำลายลงอย่างไม่ไยดี สาวกก้าวไกลร่ำไห้ หลังศาลรธน.สั่งยุบพรรค ด้าน“พิธา”ลั่นขอทำงานในฐานะพลเมือง ด้าน“หมออ๋อง”ประกาศปิดฉากบนบัลลังก์สภาฯ
ขณะที่“ชัยธวัช”ลั่น’แล้วผมจะกลับมาใหม่ นายกฯขอให้เคารพคำตัดสินของศาล“อนุทิน”ขออย่าเพิ่งซ้ำเติมก้าวไกล ’พิธา’แฉมีหลักฐานหลายพรรคช้อนซื้อ’งูเห่าก้าวไกล’เสนอง’เงิน-ตำแหน่ง’ขณะที่’อิทธิพร’เตือนซื้อสส.จริงผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 7กรกฎาคม2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสการซื้องูเห่าหัวละ20-30ล้านบาท ว่า ตนก็มีโอกาสได้เห็นหลักฐานบ้างจากโทรศัพท์คนอื่นและหลายๆพรรคบ้างก็มาเป็นจำนวนเงิน บางอันก็มีตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ให้ตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ ส.ส.ก็เอามาให้ตนดู มั่นใจว่า เขายินดีเดินทางต่อไปกับพรรคก้าวไกลแน่นอน”เงินและตำแหน่งซื้อเขาไม่ได้แน่นอน มันคือความไว้วางใจที่ประชาชนให้มา เขาจะไม่นำเอาไปแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัวแน่นอน ผมก็รู้สึกเบาใจ แต่ก็ให้ประชาชนได้รู้ว่า มีการเมืองใต้เข็มขัดมีการเมืองสกปรกอย่างนี้ อยู่จริงๆในบ้านเมืองเรา ในช่วงเวลาแบบนี้” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่า เหมือนเขารู้หรือไม่ว่าอนาคตพรรคก้าวไกลจะเป็นแบบนี้จึงมีการซื้อตัว นายพิธา กล่าวว่า ตนคิดว่าเขาทำไป เพื่อที่จะสร้างให้อนาคตเขาเป็นแบบนั้น แต่เมื่อเราไม่ยอม อนาคตก็เป็นไปอย่างที่เราต้องการที่จะให้เป็นเมื่อถามถึงคนที่มาเสนอซื้อตัว ส.ส.ของพรรคเป็นคนเดียวกับที่ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ออกมาเปิดเผยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คิดว่ามีเยอะมากกว่านั้น
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าอุดมการณ์จะไม่สร้างให้พรรคเป็นงูเห่า นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่แค่อุดมการณ์อย่างเดียวแต่มันคือ นโยบายของเรา มันคือความเชื่อใจของพี่น้องประชาชน และตนก็เชื่อมั่นในตัว ส.ส.และว่าที่ผู้สมัครของพรรคทุกคน ได้ถามเขาว่าทำไมถึงอยากมาเล่นการเมือง และทำไมต้องมากับพรรคก้าวไกล และทำไมต้องมาในสมัยนี้ ดังนั้นด้วยการที่เราย้ำแล้วย้ำอีก เขาก็คงเป็นคนที่มีความน่าเชื่อมั่นและเชื่อใจได้ว่าเขามาเล่นการเมืองเพราะอะไร
สาวกส้มร่ำไห้เสียใจหนัก
เวลา 15.40น.ที่พรรคก้าวไกลสำนักงานใหญ่ อาคารอนาคตใหม่ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ยกคำวินิจฉัยที่ 3/2562 มาเทียบกับกรณีปัจจุบัน โดยระบุว่า ผู้ถูกร้อง (พรรคก้าวไกล) กระทำการที่เซาะกร่อน บ่อนทำลาย สถาบันฯ และใช้ประโยชน์จากการหาเสียงด้วยนโยบายแก้ไขกฎหมายประทมวลอาญา มาตรา112 จึงตัดสินเป็นเด็ดขาด ให้ยุบพรรค และตัดสิน สั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดที่มีการกระทำผิด ให้ไม่สามารถไปจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่หรือเป็นกรรมการบริหารพรรค มีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนดเป็นเวลา 10ปี เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวคำว่า พฤติการณ์ดังกล่าว ของพรรค ‘เป็นการทำร้ายจิตใจคนไทย’ ผู้ที่มาร่วมรับฟังผลคำวินิจฉัย ต่างส่งเสียงร้องโห่ร้องสนั่นอย่างพร้อมเพรียงกัน บางรายร่ำไห้ ก่อนเดินไปรวมตัวที่ลานจอดรถ
“พิธา” ขอทำงานในฐานะพลเมือง
ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินออกจากห้องวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญ ภายหลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล โดยมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ให้ยุบพรรคก้าวไกล พร้อมตัดสิทธิ์คณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งหลังฟังคำพิพากษา โดยที่ใบหน้าของนายพิธายังมีรอยยิ้ม สลับใบหน้านิ่งเฉย โบกมือทักทายสื่อมวลที่มาปักหลักรอทำข่าวจำนวนมาก โดยระหว่างนั้นได้มีแฟนคลับที่มารอส่วนหนึ่งตะโกน “รักก้าวไกลค่ะ” ทั้งนี้ นายพิธา กล่าวสั้นๆ ว่า ตนจะไปให้สัมภาษณ์ที่พรรคฯ โดยยืนยันว่า จะยังคงทำงานต่อไป แม้จะไม่ได้อยู่สภา หรือทำเนียบรัฐบาล ก็ยังสามารถทำงานเพื่อประเทศในฐานะพลเมืองได้
‘หมออ๋อง’ปิดฉากบนบัลลังก์สภาฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 11 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 ) ขณะ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งประธานการประชุม เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิ์ กก.บห.ทำให้ นายปดิพัทธ์ ที่เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ได้กล่าวบนบัลลังก์ขอบคุณทุกท่าน และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานร่วมกัน สุดท้ายอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
“ชัยธวัช”ลั่น“แล้วผมจะกลับมาใหม่”
ขณะเดียวกัน นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นแจ้งผลยุบพรรคก้าวไกล พร้อมกับกล่าวว่า ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎรอีกต่อไป สุดท้ายขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่านที่ทำงานร่วมกันมา และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ใช้เวลาในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันสิ่งที่คิดว่าเป็นอนาคตของประเทศ สุดท้ายคงไม่มีโอกาสได้ร่วมทำงานกับพวกท่านอีกต่อไปอีก10ปี แต่หวังว่าหลังจากนี้เพื่อนผู้แทนราษฎรจะใช้อำนาจหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญติที่พี่น้องประชาชนเลือกเข้ามา เป็นสถาบันทางการเมืองเดียวในประเทศที่ถูกแต่งตั้งโดยประชาชนอย่างคุ้มค่าและทำให้ประชาธิปไตยทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
เวลา 16.05 น.นายชัยธวัช พร้อมด้วย นายสุเทพ อู่อ้น นางสาวเบญจา แสงจันทร์ และ นายอภิชาติศิริสุนทร ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมือง เดินลงจากห้องประชุมสภาฯ หลังปิดประชุม เมื่อเห็นสื่อดักสัมภาษณ์ได้ชูกำปั้นขวา แสดงสัญลักษณ์การต่อสู้ต่อเข้มแข็ง โดยกล่าวกับสื่อสั้นๆว่า”เดี๋ยวไปให้สัมภาษณ์ที่พรรค เดี๋ยวรถติด”แล้วเดินขึ้นรถตู้พร้อมคณะทำงานไปที่ทำการพรรคก้าวไกล โดยก่อนขึ้นรถตู้ออกไป นายชัยธวัช หันกลับมาชูกำปั้น แล้วพูดว่า”แล้วผมจะกลับมาใหม่”
ลั่นอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
เวลา 15.50 น. ระหว่างฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ประชาชนที่เข้าร่วมรับฟังบริเวณชั้น 2 สิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ซึ่งประชาชนที่ร่วมรับชมถ่ายทอดสด ร่วมกันตะโกนเสียงดังกึกก้อง อาทิ 10 ปีเรารอได้, ยุบก็จะเลือกใหม่, ไม่เคยมีคำว่าประชาชนและอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เป็นต้น
หลังจาก ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยลงมติยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลจำนวนมากที่ร่วมรับฟังหลั่งน้ำตาออกมา พร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอด นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล โดยนางอมรัตน์กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ แต่เป็นความคับแค้นใจ จากนั้นมวลชนผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล เดินเท้าไปยังลานเวทีกิจกรรมช่วงเย็นนี้ พร้อมส.ส.พรรคก้าวไกลที่จะมาร่วมสมทบในช่วงเย็น โดยกำหนดการเวลา 18.00น.พรรคก้าวไกลนำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายชัยธวัช ตุลาธน เตรียมแถลงข่าวในเวลา 18.00น.และ ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมจัดกิจกรรมบริเวณลานกิจกรรม ด้านประชาชนผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลต่างโห่ร้องด้วยความไม่พอใจ บางส่วนต่างร้องไห้ด้วยความเสียใจ บางส่วนต่างตะโกนว่า‘ยุบได้ ไปต่อ’ ‘ยุบได้ยุบไปแต่ทำลายพวกเราไม่ได้’
‘โรม’โวยพรรคโดนนิติสงคราม
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 สั่งยุบพรรคก้าวไกลว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่อนาคตใหม่จนมาถึงก้าวไกล เราผลักดันวาระก้าวหน้าต่อประชาชนต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลักดันการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร สมรสเท่าเทียม การแก้รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ รวมถึงการมีนโยบายเพื่อส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชนผ่านนโยบายต่างๆ ของพรรค แต่เรากลับเผชิญด้วยข้อหาที่รุนแรงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการล้มล้างการปกครอง เซาะกร่อนบ่อนทำลาย จนกระทั่งในวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย “ยุบพรรคก้าวไกล”
ในระบอบประชาธิปไตยพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีชุดคุณค่า อุดมการณ์และถือความหวัง ความฝันของพี่น้องประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองนั้นมาผ่านการสร้างนโยบายและดำเนินนโยบายตามที่ประชาชนต้องการ เรายืนยันว่า การทำลายพรรคการเมืองแบบเดียวที่ยอมรับได้ คือ คำพิพากษาจากประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น กระบวนการนิติสงครามด้วยการยุบพรรคจึงเป็นการตัดรอนความเชื่อมั่นของประชาชนจากระบอบประชาธิปไตย และไม่ใช่วิธีสร้างความเข้มแข็งเพื่อให้ประชาธิปไตยตั้งมั่นในประเทศไทยได้เลย ถ้าหากเรายืนยันและทำเสมือนว่าการไล่ยุบพรรคด้วยกระบวนการที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ ก็จะทำให้วิธีการนี้ถูกใช้ในการทำลายความฝันของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั้นหมายความว่าถ้ามีกลุ่มคนที่ที่มีความฝันและคิดอ่านคล้ายๆ กัน รวมตัวกันตั้งพรรคการเมืองแเละเสนอนโยบายต่อประชาชน
ไม่ว่าชื่ออะไรปี2570สีส้มทั้งแผ่นดิน
หากคิดต่างจากรัฐหรือชนชั้นนำ ก็จะถูกทำลายลงอย่างไม่ไยดีใช่หรือไม่ เราต้องช่วยกันยืนยันว่านโยบายของพรรคก้าวไกล คือ สิ่งทีสังคมนี้ต้องการ ต้องช่วยกันยืนยันว่า สิ่งที่ก้าวไกลทำมาโดยตลอดเพื่อแก้ปัญหาคือสิ่งที่คนไทยต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปิดโปงระบบตั๋ว ส่วย การละเมิดสิทธิมนุษยชน การทุจริต รวมถึงนโยบายที่ก้าวหน้าจำนวนมาก คือ สิ่งที่ประเทศไทยต้องการและยืนยันว่า เราในฐานะประชาชนจะเป็นคนที่ช่วยกันพัดโหมสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง และทำให้พรรคก้าวไกลไม่เป็นเพียงพรรคการเมือง แต่จะทำให้พรรคก้าวไกลคือผู้คนและการเดินทางของเราทุกคนเสมอ ไม่ว่าพรรคใหม่เราจะชื่ออะไร 2570 สีส้มทั้งแผ่นดิน
เปิดรายชื่อ11กก.บห.โดนตัดสิทธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ กก.บห.ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงที่มีพฤติการณ์ตามข้อกล่าวหา แก้ ม.112 อ้างอิงจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญนั้น มีจำนวน11คน ซึ่งเป็นชุดที่มี นายพิธา เป็นหัวหน้าพรรค และชุดนายชัยธวัช ตุลาธน เป็นหัวหน้าพรรค รวม 11คน ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง10ปี ประกอบด้วย 1.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล 2.นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค 3.น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เหรัญญิกพรรค 4.นายณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตรตระกูล นายทะเบียนสมาชิกพรรค 5.นายปดิพัทธ์ สันติภาดา กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคเหนือ 6.นายสมชาย ฝั่งชลจิตร กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคใต้ 7.นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคกลาง 8.น.ส.เบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคตะวันออก9.นายอภิชาติศิริสุนทร กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10.นายสุเทพ อู่อ้น กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนปีกแรงงานและ11.นายอภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ กรรมการบริหารพรรคสัดส่วนภาคเหนือ
นายกฯขอให้เคารพคำตัดสินของศาล
เวลา 16.16น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปีว่า ตนเชื่อว่าทุกฝ่ายเคารพกับคำตัดสินของศาล และเชื่อว่าทางพรรคก้าวไกลเองก็คงมีวิธีที่จะดำเนินการเดินหน้าทางการเมืองต่อไป
เมื่อถามว่ามีมาตรการและการบริหารอารมณ์ของมวลชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนเชื่อว่าทุกฝ่ายเคารพการตัดสินใจของศาลและฝ่ายความมั่นคงก็ดูแลความมั่นคงอยู่แล้ว เมื่อถามว่ามีการมองกันว่ารัฐบาลจะทำงานง่ายขึ้น เนื่องจากฝ่ายค้านอ่อนกำลังลง นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่เลย ปัญหาของประชาชนเยอะขนาดนี้มันไม่เกี่ยว และไม่ได้มีผลอะไรต่อการทำงานของรัฐบาล ปัญหาไม่ได้หายไปหรือเพิ่มมากขึ้น ตนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีแผนการที่จะดำเนินการจากที่จะต้องเดินอยู่แล้วแต่ขอให้เคารพการตัดสินของศาลก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า มองการตรวจสอบของรัฐบาลจะเข้มข้นน้อยลงไปหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าระบบการตรวจสอบของรัฐบาลเข้มข้นอยู่แล้ว และมั่นใจและการทำงานของเราว่าเดินไปในทิศทางที่ควรจะเป็น และเมื่อใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือองค์กรอิสระจะตรวจสอบเราก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ เมื่อถามแย้งว่าแต่สส. มีบทบาทในเรื่องนี้ และ ในความเห็นของพรรคการเมืองที่เคยมีการถูกยุบมองเรื่องนี้อย่างไร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นโดยกล่าวสั้นๆว่า “ผมไม่มีความเห็น”
“อนุทิน”ขออย่าเพิ่งซ้ำเติมก้าวไกล
ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวภายหลังทราบผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญกรณียุบพรรคก้าวไกลว่า ก็ต้องให้กำลังใจพรรคก้าวไกลแน่นอน เพราะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเหมือนกัน เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวเตรียมช้อปปิ้งงูเห่า นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปซ้ำเติม อะไรที่มันยังไม่เกิดก็คือยังไม่เกิด ยังไม่มี
เมื่อถามว่าหากสมาชิกพรรคก้าวไกลอยากมาร่วมสังกัดพรรคภูมิใจไทยจะปิดประตูหรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญกระบวนการนี้ยังมีเวลาอีก 30 วัน และพรรคภูมิใจไทยก็อยู่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย เชื่อว่าสส.พรรคก้าวไกลก็คงมีแนวทางอยู่แล้ว
“อยู่ดีดีจะให้คนนั้นคนนี้ไปชวนมาด้วยข้อเสนอต่างๆไม่มีแน่นอน รับประกันได้ อย่าไปมโนกัน บริบทการเมืองเปลี่ยนไป รับรองว่าภูมิใจไทยนิ่ง” นายอนุทิน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี