‘โรม’ท้า‘ป.ป.ช.’ปมไต่สวน 44 สส.อดีตก้าวไกล หากใช้อำนาจกลั่นแกล้ง ต้องรับผิดชอบ ยังเชื่อแก้‘ม.112’ ไม่ผิด อยู่ที่ตีความ แต่รับไม่ได้โดนยุบพรรค
9 สิงหาคม 2567 ที่อาคารไทยซัมมิท นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติไต่สวน 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่ลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ว่าอาจเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งนายรังสิมันต์เป็นหนึ่งในนั้น ว่า แน่นอนว่า ป.ป.ช.มีอำนาจตรวจสอบ แต่ผู้ใช้อำนาจก็ต้องมีความรับผิดชอบ หากใช้อำนาจแล้วนำไปสู่การกลั่นแกล้ง ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองเช่นเดียวกัน
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การจะชี้ว่าเรากระทำผิด และอาจส่งเรื่องไปให้ศาลฎีกาแผนกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยนั้น ก็ต้องไปดูว่า ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรมหรือไม่ มีการดูพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การใช้อำนาจขององค์กรต่างๆ ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานการทำหน้าที่ของสส.ด้วย และอย่างที่ทราบ เราเสนอกฎหมายตามขั้นตอน มีการตรวจสอบโดยสภา ซึ่งสุดท้ายกฎหมายดังกล่าวไม่ได้ถูกบรรจุในวาระด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ต้องไปดูว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร และเราจะจับตาดูเรื่องนี้เป็นพิเศษ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเป็นคนที่ร้องเรียนเรื่องต่างๆไปยังป.ป.ช.เยอะมาก ซึ่งแต่ละเรื่องไม่ทราบว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง แต่ทำไมคดีที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกลอย่างพวกเรา ทุกอย่างดูรวดเร็ว แต่เรื่องอื่นดูช้าไปหมด ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องตอบคำถามสังคม หรือ ป.ป.ช. มีเอาไว้แค่ตรวจสอบส.ส. ที่เคยอยู่พรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นระบบการตรวจสอบของประเทศไทยน่าเป็นห่วงมาก
เมื่อถามว่าส่วนตัวกังวลหรือไม่ เพราะป.ป.ช.ระบุว่าจะมีการไต่สวนเป็นรายบุคคล นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การไต่สวนเป็นสิ่งจำเป็น แต่ในขณะเดียวกันตนอยากชวนให้คิด เพราะความรู้สึกของเราไม่สำคัญเท่ากับความเป็นไปของประเทศ ตกลงว่า ระบบการตรวจสอบ ไม่ว่าจะองค์กรไหน ถูกออกแบบมาเพื่ออะไร เรายื่นให้ตรวจสอบไปหลายเรื่อง บางเรื่องเป็นปีแล้วก็ไม่เห็นความคืบหน้าอะไร
“ผมขอถามว่าที่จะจัดการกับพรรคก้าวไกล เป็นเพราะการคอรัปชั่น หรือไม่เห็นด้วยกับการทำงานของพรรค ย้ำว่าอดีตพรรคก้าวไกลไม่เคยมีข้อหาเบียดเบียน เอาเงินกับประชาชนแม้แต่สตางค์เดียว และอยากให้สังคมตั้งคำถามว่ากลไกเหล่านี้ทำลายประเทศชาติขนาดไหนแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้พูดเพราะน้อยใจ” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า มองว่าการเสนอแก้กฎหมาย ถือว่าเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนมองว่าไม่ผิด มีกฎหมายอะไรเขียนว่าเราห้ามเสนอแก้กฎหมาย ทางมาตรา 112 หรือเรื่องใดๆ ทุกอย่างอยู่ที่ว่าคุณจะตีความแบบใด เราก็ตีความว่า เราเคารพในสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่หากไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่เราเสนอ และใช้อำนาจสั่งให้หยุดการกระทำ เราก็เข้าใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือการยุบพรรค ซึ่งตนรับไม่ได้
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ตนเห็นมีการพาดพิงไปยังต่างประเทศ ซึ่งแสดงความกังวลต่อการยุบพรรคก้าวไกล ตนขอชี้แจงว่าประเทศไทยมีความสำคัญต่างประเทศจึงต้องแสดงความเป็นห่วง เพราะประเทศไทยสามารถช่วยส่งเสริมประชาธิปไตยและความมั่นคงให้กับประเทศอื่นได้ รวมถึงมีบทบาทในเรื่องสิทธิมนุษยชน อีกทั้งยังเป็นนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้ประเทศไทยอยู่ในสปอร์ตไลท์ของโลก ต่างประเทศจึงให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นเราควรเอาเรื่องนี้กลับมาคิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี