ร้องศาลปกครองเบรกแจก1หมื่น
ฟ้องนายกฯ-ครม.
ใช้อำนาจมิชอบลุยเงินดิจิทัล
ซัดยับขัดกฎหมายหลายฉบับ
พณ.แถลง25ก.ย.คิวร้านค้าฯ
“พี่ศรี” มาแล้ว ร้องศาลปกครองฟัน “นายกฯ-ครม.-รมว.คลัง-กก.นโยบายดิจิทัล” ฐานใช้อำนาจมิชอบ-ละเลยหน้าที่กรณีเดินหน้าแจก1 หมื่น ทั้งที่มีหลายฝ่ายทักท้วงว่า เสี่ยงสูง-ได้ไม่คุ้มเสีย-เสี่ยงทุจริตกระทบการเงินการคลังของชาติ อีกทั้งยังขัดกฎหมายหลายฉบับขอให้ศาลสั่งระงับโครงการฯ “ภูมิธรรม” นัดแถลงรายละเอียดร้านค้าเข้าร่วมโครงการฯ 25 กันยายน มั่นใจไม่มีปัญหา “จุลพันธ์” ยังมั่นใจคดี “เศรษฐา”14 สิงหาคม ฉลุยไม่กระทบแจกหมื่นบาท ย้ำมีกลไกตัดร้านค้าใหญ่ ไมเข้าร่วม
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เดินทางมายื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี รมว.คลัง และคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน10,000บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต (Digital Wallet) ต่อศาลปกครอง ฐาน ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ตาม ม.9(1) (2)ของพ.ร.บ.จัดตั้งและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542
‘พี่ศรี’ร้องศาลปค.ระงับแจก1หมื่น
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า สืบเนื่องจากความพยายามของรัฐบาล โดยผู้ถูกฟ้องคดีทั้งหมด พยายามดำเนินโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทฯ ให้ประชาชนทั่วประเทศที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งต้องใช้เงินแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชนและบางส่วนมาจากการกู้เงิน 5 แสนล้านล้านบาท ทั้งที่ถูกคัดค้านจากนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมาก รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฯลฯ และหน่วยงานอิสระต่างก็ออกมาเตือนว่าได้ไม่คุ้มเสีย และมีความเสี่ยงทุจริต มีผลกระทบต่อระบบการเงินการคลังของชาติอย่างมาก แต่จะมีผลกระตุ้นต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ที่ 0.6-0.9 เท่านั้น แต่รัฐบาลกลับดื้อดึงที่จะผลักดันโครงการฯดังกล่าวต่อเนื่อง มีการสับขาหลอกตลอดเวลา
ชี้สร้างหนี้-มีผลประโยชน์ทับซ้อน
นายศรีสุวรรณกล่าวต่อว่า การขับเคลื่อนโครงการแจกเงินดิจิทัล อาจมีข้อดีอยู่บ้างกล่าวคือ อาจสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนใช้จ่ายเงินของตนและเงินแจกเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อดูเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินแล้วผลประโยชน์จะไปตกอยู่ที่นายทุนใหญ่ ร้านสะดวกซื้อเป็นส่วนใหญ่ และอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนมาก ซึ่งจะก่อปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยให้รุนแรงมากขึ้นไปอีก โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนเมื่อสิ้นปี 2566 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 90.6 ต่อจีดีพี และหากเพิ่มหนี้นอกระบบรวมกันแล้วประมาณ 19 ล้านล้านบาท ซึ่งมากกว่าร้อยละ 100 ต่อจีดีพีทำให้หนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างสูง กลายเป็นปัญหาเรื้อรัง นอกจากนั้น จะมีผลให้ประเทศไทยมีหนี้สิน ที่ประชาชนทุกคนที่ได้รับเงินแจกและไม่ได้รับเงินต้องร่วมกันแบกหนี้ ใช้หนี้คืนเงินกู้ที่กู้มาแจกด้วย ทำให้โครงการภาครัฐดีๆ อีกนับสิบนับร้อยโครงการที่จะสร้างประโยชน์ให้ประชาชนในวันนี้และวันหน้า ถูกตัดงบประมาณลง เพื่อกันงบมาใช้ในโครงการฯนี้ด้วย
ขัดกม.หลายฉบับ-คำวินิจฉัยศาล
“ที่สำคัญ โครงการฯนี้ส่อขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 62 ขัดต่อพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 พ.ร.บ.เงินคงคลัง 2491 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.เงินตรา 2501 ตลอดจนกฎหมาย คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย การปล่อยให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการฯดังกล่าว เป็นความเสี่ยงอย่างสูง ที่อาจทำให้ประเทศไทยเป็นอย่างประเทศกรีซ มีหนี้สินล้นประเทศได้ ประชาชนจำนวนมากจึงมอบอำนาจให้องค์กรรักชาติ รักแผ่นดินนำความมาฟ้องศาลปกครอง เพื่อหยุดโครงการฯดังกล่าว” นายศรีสุวรรณ กล่าว
พณ.แถลง25กย.ร้านค้าลงทะเบียน
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยความคืบหน้าการลงทะเบียนร้านค้าผ่านโครงการเติมเงิน ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า จะแถลงรายละเอียดต่างๆวันที่ 25 กันยายน โดยเบื้องต้น ก่อนแถลงเงื่อนไขรายละเอียดร้านค้า กระทรวงพาณิชย์ สั่งให้พาณิชย์จังหวัดเร่งทำความเข้าใจกับร้านค้าก่อน เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา เมื่อเปิดให้ลงทะเบียนเป็นทางการ นอกจากนี้ จะแถลงรายการสินค้าที่ประชาชนสามารถซื้อได้ด้วย โดยเปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนเป็นทางการวันที่ 1 ตุลาคม
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ส่วนวันที่ 20 สิงหาคม ช่วงประชุมครม.สัญจรที่จ.พระนครศรีอยุธยา รัฐบาลจะประกาศคิกออฟโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจในงานมหกรรมลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ ก่อนเริ่มใช้จ่ายเงินดิจิทัลช่วงปลายปี โดยมีภาครัฐและเอกชนร่วมนำสินค้าอุปโภคบริโภคมาจำหน่ายในราคาถูก ช่วยประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายภูมิธรรม เลื่อนแถลงข่าวร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จากที่กำหนดไว้วันที่ 5 สิงหาคม เนื่องจากอยากให้โฟกัสเรื่องการลงทะเบียนของประชาชนให้ผ่านไปก่อน อีกทั้ง ยังมีเวลาพอซึ่งโครงการจะครบทั้งระบบภายในเดือนตุลาคม และเริ่มโครงการได้ทันที สำหรับกระทรวงพาณิชย์ เตรียมความพร้อมเรื่องร้านค้าแล้ว เบื้องต้นร้านธงฟ้าในเครือข่ายกว่า 1.44 แสนร้านค้า
มั่นใจคดีนายกฯ14ส.ค.ไม่กระทบ
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลังกล่าวว่า รัฐบาลยังมั่นใจสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะการพิจารณาคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี วันที่ 14 สิงหาคม จะไม่มีผลกับตัวโครงการดิจิทัล วอลเล็ตแน่นอน เพราะรัฐบาลมั่นใจอยู่แล้วว่าจะผ่านไปได้ มองว่าถ้าสถานการณ์การเมืองชัดเจนขึ้น น่าจะมีผลดีกับตลาดทุน นักลงทุนจะคลายความกังวลลง ส่งผลให้สถานการณ์ตลาดทุนปรับตัวดีขึ้น แต่ส่วนหนึ่งต้องบอกว่าปัจจัยที่มีผลกับตลาดทุนไทยขณะนี้ ยังมีปัจจัยภายนอก จากต่างประเทศเข้ามากดดัน สร้างความผันผวนให้การลงทุน โดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ
ยันรับฟังเสียงท้วงติงนำมาปรับโครงการ
ส่วนกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งรายงานถึงครม. แนะให้รัฐบาลระวังโครงการดิจิทัลวอลเล็ต พร้อมทั้งให้นำความเห็นและข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ มาประกอบการพิจารณานั้น นายจุลพันธ์ยืนยันว่า ที่ผ่านมารัฐบาลรับฟังความคิดเห็นของทุกหน่วยงานที่ส่งเข้ามา นำไปพิจารณาว่าจะดำเนินการในประเด็นใดได้บ้าง เห็นชัดจากที่ผ่านมามีการปรับรายละเอียด ข้อจำกัดในโครงการฯ เป็นไปตามกลไกเพื่อให้ล้อไปกับข้อสังเกตที่เป็นประโยชน์จากทุกหน่วยงาน ที่รัฐบาลรับมาและดำเนินการแล้ว ดังนั้น ขออย่ากังวลในเรื่องดังกล่าว รัฐบาลนำความคิดเห็นมาปรับรายละเอียดโครงการตามความหมาะสมแล้ว
แจงยิบมีกลไกตัดร้านค้าขนาดใหญ่
สำหรับความคิดเห็นและข้อสังเกตของ ธปท. เกี่ยวกับการพิจารณาสั่งการของ ครม.การกำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์และเงื่อนไขของคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต และคณะอนุกรรมการกำกับการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต รวมถึงการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณ ต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบระมัดระวัง หากดำเนินการไม่รอบคอบ รัดกุม โดยเฉพาะในกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติของประชาชนและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ความเสี่ยงที่อาจเอื้อประโยชน์ให้คนบางกลุ่มนั้น รัฐบาลมีหลายกลไกดำเนินการเรื่องนี้ เช่น บังคับการใช้จ่าย 2 รอบ รวมถึงการตัดร้านค้าขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายกระจาย ไม่กระจุกตัว
ร้านสะดวกซื้อไม่มีแค่7-11กับมินิบิ๊กซี
นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า กรณีหลายฝ่ายมองว่าร้านสะดวกซื้ออย่าง เซเว่นอีเลฟเว่น และมินิบิ๊กซี เป็นต้น สามารถเข้าร่วมโครงการได้นั้น ยืนยันว่าร้านสะดวกซื้อดังกล่าวเข้าร่วมโครงการได้จริง แต่ในคำว่าร้านสะดวกซื้อก็ไม่ได้มีแค่ร้านดังกล่าว ตามข้อเท็จจริงรัฐบาลมีลิสต์รายชื่อร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศจำนวนมาก ส่วนใหญ่อยู่ตามชนบท ดังนั้น การจะไปตัดสิทธิ์ร้านสะดวกซื้อทั้งหมด ต้องมาพิจารณาอย่างละเอียด
“กลไกนี้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการ แต่ไม่ใช่มิติเดียว รัฐบาลยังเร่งดำเนินการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ พัฒนาอุตสาหกรรม ฝีมือแรงงาน เพิ่มขีดการแข่งขัน โครงการดิจิทัล วอลเล็ต เป็นเพียงมาตรการระยะสั้น แต่ยังเป็นกลไกปรับโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลระยะยาวด้วย วันนี้เราเห็นจากที่มีคนเข้ามาเรียนรู้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าเหตุใดรัฐบาลไม่แจกเป็นเงินสด อยากชี้แจงว่า ด้วยกลไกนี้รัฐบาลต้องการปรับให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขัน รองรับเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปในรูปแบบดิจิทัล” รมช.การคลัง กล่าว และยืนยันว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง แม้ต้องกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนนี้จะเข้ามาเติมในหนี้สาธารณะ เป็นการขาดดุลเพิ่มเติม แต่รัฐบาลจะบริหารงานระมัดระวัง ปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ที่ 11.5 ล้านล้านบาท แต่ 10 ปีที่ผ่านมา หนี้สาธารณะปรับเพิ่มขึ้นจาก 5 ล้านล้านบาท เป็น 10 ล้านล้านบาท แต่ไม่มีกลไกบริหาร พัฒนาหรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจเลย ขณะนั้นควรเตือนกันบ้าง แต่ทำไมไม่เตือน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี