วันพุธ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
“เลขาฯกฤษฎีกา”ระบุเป็นหน้าที่เลขาฯครม.แจงปมป.ป.ช.รับไต่สวน“เศรษฐา-ครม.”ปมโยกงบ 3.5 หมื่นล้าน แจกเงินหมื่น ชี้ ใครผิด-ใครรอด ต้องดูเป็นรายบุคคล “อนุทิน” พร้อมแจงป.ป.ช.ปมรับไต่สวน “โยกงบ 3.5 หมื่นล้าน แจกเงินหมื่น ย้ำเจตนาสุจริต มั่นใจเรื่องเข้าครม.ถูกกฎหมาย นายกฯบอกห้ามไม่ได้ ฝ่ายค้านยื่นซักฟอก ย้อนถามสื่อ มีปัญหาอะไร ให้เลื่อนไทม์ไลน์‘ยุบสภา’31ม.ค.69 ยืนกราน‘ไม่มีอะไรต้องยืนยัน’ด้าน‘ชาญชัย-พวก’ยื่นร้องป.ป.ช.เอาผิด‘คณะกมธ.-สส.-สว.-เจ้าหน้าที่รัฐ’ร่วมโหวต โยกงบ 3.5หมื่นล.ทำดิจิทัลวอลเล็ต ชี้เข้าข่ายผู้สนับสนุน‘ครม.เศรษฐา’ กระทำความผิดม.157
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)รับเรื่องไว้ไต่สวนนายเศรษฐา ทวีสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี (ครม.) กับพวกโยกงบ 3.5 หมื่นล้านบาท ไปทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต10,000บาทว่าตามหลักถ้าเป็นแบบนั้น เลขาธิการครม.จะเป็นผู้ทำหนังสือชี้แจง เพราะเป็นเรื่องของที่ประชุมครม.
ผู้สื่อข่าวถามว่าทุกคนในห้องประชุมครม.วันที่มีมติดังกล่าวต้องถูกไต่สวนหมดหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่าตนยังไม่เห็นสำนวน ต้องดูว่ามีการตั้งไต่สวนอย่างไร เมื่อถามถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งเป็นรองนายกฯและรมว.มหาดไทย ใน ครม.ชุดดังกล่าวนั่งร่วมประชุมครม.อยู่ด้วย นายปกรณ์กล่าวว่าตนจำไม่ได้จริงๆ
ชี้ใครผิด-ใครรอด ต้องดูรายบุคคล
เมื่อถามย้ำว่า ผู้ที่อยู่ในห้องประชุมครม.วันนั้น ต้องเข้าไปชี้แจงต่อ ป.ป.ช.หรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า ไม่ โดยปกติทางเลขาธิการครม.จะทำหนังสือชี้แจงไป เพราะทาง ป.ป.ช.จะทำหนังสือถามมาเป็นทางการก่อน ส่วนเมื่อตอบไปแล้วทางป.ป.ช.จะเรียกผู้ใดไปชี้แจงก็เป็นเรื่องของป.ป.ช.ตามกระบวนการและวิธีพิจารณาของเขา แต่โดยหลักการแล้วทางสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)จะเป็นผู้ตอบเป็นหลัก
เมื่อถามว่า หากวันที่ ครม.มีมติดังกล่าว มีผู้ที่อยู่ในห้องประชุมทักท้วง จะถือว่าผู้นั้นไม่มีความผิดใช่หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า อันนี้ตนไม่ทราบ แล้วแต่ข้อเท็จจริง ต้องดูเป็นรายบุคคล
‘หนู’พร้อมแจงป.ป.ช.ไต่สวนโยกงบ3.5หมื่นล.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งไต่สวนคณะรัฐมนตรี สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯซึ่งนายอนุทินขณะนั้นเป็นรองนายกฯและรมว.มหาดไทย กรณีกระทำผิดตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561กรณีโยกงบประมาณสถาบันของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 5 แห่ง วงเงิน 35,000 ล้านบาท ไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเข้าข่ายความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา157หรือไม่ว่า ก็ต้องชี้แจง แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นข้อมูลจากป.ป.ช.ยืนยันเราต้องชี้แจงในเจตนาซึ่งเจตนารมณ์สุจริตอยู่แล้วก็ชี้แจงไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของท่าน เราไปก้าวก่ายไม่ได้
มั่นใจโยกงบถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อถามว่าการประชุม ครม.ในวันนั้น มีการสงวนความเห็นอะไรหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า การประชุม ครม.ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ผิดกฎหมายหรือผิดรัฐธรรมนูญหรือเสียหายต่อประเทศชาติ เราก็ต้องเห็นด้วย
เมื่อถามต่อว่าดูแล้วว่าทำตามกฎหมายใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องที่จะเข้า ครม. ก็ต้องทำตามกฎหมาย ผ่านการกลั่นกรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีหรือใครมีอะไรก็ถามเลขาฯกฤษฎีกาเราก็ต้องเชื่อหน่วยงานที่เป็นองคาพยพของเรา
นายกฯชี้ห้ามไม่ได้ ฝ่ายค้านยื่นซักฟอก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในช่วงเวลา หลังทำงานมาหนึ่งเดือน เหมาะสมหรือไม่ว่า “เราจะไปห้ามเขาได้อย่างไร”
เมื่อถามว่าส่วนปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้ามากมาย จะตัดสินใจยุบสภาก่อนกำหนด 31 ม.ค.69 หรือไม่ นายอนุทิน ย้อนถามว่า “มีปัญหาอะไร”
‘ไม่มีอะไรต้องยืนยันไทม์ไลน์ยุบสภา
ผู้สื่อข่าวตอบว่า เรื่องการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ และอีกหลายเรื่องที่เป็นปัญหา นายอนุทินกล่าวว่า “อ้าวเป็นเรื่องที่ต้องทำงานทุกวันอยู่แล้ว”เมื่อถามย้ำว่า ยังยืนยันว่าไทม์ไลน์ยุบสภายังเหมือนเดิมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า“ไม่ยืนยัน ไม่มีอะไร ต้องยืนยัน”
‘ชาญชัย-พวก’ยื่นป.ป.ช.เอาผิดกมธ.-สส.-สว.
ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์, พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป, นายสมชาย แสวงการ, อ.เจษฎ์โทณะวณิก และนายนิติธร ล้ำเหลือ ในนามคณะผู้ร้องฯเข้ายื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. กรณี ป.ป.ช. มีมติตั้งองค์คณะไต่สวน คดีกล่าวหา นายเศรษฐา กับพวก ในกรณีดังกล่าว โดยคณะผู้ร้องฯเห็นว่า เนื่องจากกรณีนี้อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 172 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ดังนั้น คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568ที่ลงมติเห็นชอบการลด หรือตัดทอนงบประมาณรายจ่ายของSFIs ทั้ง5แห่ง ,สส. เสียงส่วนใหญ่เห็นชอบ และสว.รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีส่วนรับผิดในกรณีนี้ด้วยฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ครม.นายเศรษฐา ทวีสิน กระทำความผิด
“เมื่อป.ป.ช.จะดำเนินคดีความผิดกับครม.นายเศรษฐา ทวีสิน ด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 จึงเท่ากับต้องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการนำผู้กระทำความผิดในข้อหาเดียวกัน มาลงโทษและเรียกเก็บเงินจาก35,000 ล้านบาท ในการกระทำความผิดชดใช้แก่แผ่นดินด้วย
เพราะ ครม.มิอาจจะกระทำการขอแปรญัตติตัดทอน ปรับลดงบประมาณต้องห้าม ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา144 และกฎหมายอื่นๆ องค์ประกอบ ต้องให้กรรมาธิการเห็นชอบ และสส. เสียงส่วนใหญ่เห็นชอบ และสว.ต้องเห็นชอบจึงจะทำการแปรญัตติ เป็นผลทำให้เงินงบประมาณจาก 5 ธนาคารเป็นการใช้หนี้และดอกเบี้ยตามกฎหมายวินัยการเงินการคลัง โยกไปอยู่ในหมวดงบกลางเพื่อนำไปใช้ในโครงการ DW 10,000 บาท เพื่อคะแนนของพรรคการเมือง
เข้าข่ายสนับสนุน‘ครม.เศรษฐา’ผิด157
จึงขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ดำเนินการฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ ครม.นายเศรษฐา ทวีสิน กระทำผิดกฎหมายตามที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด โดยดำเนินคดีกับคณะกรรมาธิการ ส.ส. และส.ว.ที่เห็นชอบด้วย จึงจะถูกต้องตามกฎหมาย”เอกสารแถลงข่าวคณะผู้ร้องฯทั้ง5รายระบุ
นอกจากนี้ คณะผู้ร้องฯยังขอให้ป.ป.ช.พิจารณาทบทวนมติ กรณีที่มีมติว่าการปรับลดหรือตัดทอนงบประมาณรายจ่ายของ SFIs จำนวน 5 แห่ง วงเงินรวม 35,000 ล้านบาท และนำไปเพิ่มเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ หรืองบโครงการ Digital Wallet ไม่เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่งและวรรคสอง และยุติการสอบสวนทางลับ โดยได้หยิบยกกล่าวอ้างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากอาจเป็นการกล่าวอ้างที่เกินกว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
โดยขอให้ ป.ป.ช. ตอบภายใน 15 วัน หลังจากที่ได้รับเรื่องจากข้าพเจ้า ในฐานะผู้นำความมาปรากฏแก่ ป.ป.ช.โดยพลัน เพื่อให้ประชาชน หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ สามารถยื่นคำร้องให้ความปรากฏแก่ ป.ป.ช.ในการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบได้หรือ ป.ป.ช. ไม่สามารถใช้กฎหมายมาตรา 88 ของตนในการตรวจสอบยับยั้งการทุจริตเรื่องงบประมาณได้ขอให้ไต่สวนตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการตรวจสอบและไต่สวน พ.ศ. 2561หมวด 3 เพราะเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ทั้งหมดทุกคน รวมทั้งผู้อนุมัติโครงการให้นำเงินไปแจกโครงการ DW ผิดกฎหมายตามที่ ป.ป. ช. มีมติชี้ว่ามีมูล
‘จุลพันธ์’โวนโยบายหาเสียงล้ำหน้าพรรคอื่น
ที่พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการปล่อยแคมเปญหาเสียงเพื่อเตรียมพร้อมกับการเลือกตั้งครั้งถัดไปว่า จริงๆในมิติของนโยบายตนเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยล้ำหน้าพรรคอื่นไปเยอะ เพราะเรามีคณะทำงานที่ทำกันมาเป็นเดือนแล้ว นำโดยนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช แกนนำพรรคเพื่อไทย ดำเนินการเรื่องการคิดนโยบายที่ถูกใจประชาชน ซึ่งโจทย์แรกคือแบ็คทูเบสิค กลับสู่ให้ประชาชนได้เข้าใจง่ายๆ และสัมผัสได้ง่ายขึ้นตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชน
จ่อดันแคมเปญ‘สร้างโอกาส ล้างหนี้ มีกิน’
“เราจะมีการทำเวิร์คช็อป 2 ระดับ คือ 1.ในระดับสส. ที่จะมาร่วมเวิร์คช็อปในนโยบายต่างๆ ซึ่งเราเตรียมการภายในกันอยู่ 2. นโยบายบางประเภท เช่น เรื่องการเกษตรที่อาจจะลงไปพบปะเกษตรกร นโยบายด้านเอสเอ็มอีก็อาจจะลงไปพบปะกับกลุ่มเอสเอ็มอีเพื่อพูดคุยว่าแนวนโยบายที่เราคิดมาตรงหรือไม่ และมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเพื่อปรับเปลี่ยนอย่างไร เชื่อว่านโยบายนี้จะเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ที่จะตอบโจทย์ให้กับพี่น้องประชาชนได้”หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย้ำ
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่าส่วนการออกแคมเปญ ขอให้รอฟังเพราะเราก็เปิดมา แย้มๆมาแล้ว คือ”สร้างโอกาส ล้างหนี้ มีกิน” นโยบายของเรายังเป็นเรื่องปากท้อง ความเป็นอยู่ของประชาชน ส่วนของพรรคประชาชนที่ออกมาว่ามีเราไม่มีเทา ก็เป็นแนวทางของเขา
ติงปชน.ชู‘มีเราไม่มีเทา’ให้นึกถึงตอนจัดรบ.
“พรรคเพื่อไทยพยายามบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าการตั้งรัฐบาลให้คิดให้รอบคอบ เพราะเราก็รู้กันอยู่ว่า องคาพยพของการจัดตั้งรัฐบาล และองค์ประกอบของพรรคร่วมรัฐบาลคืออะไรบ้างตั้งแต่ต้น ไม่ได้เป็นข้อปิดบังอะไร แล้วจะมาเป็นห่วงว่าตอนนี้เป็น สีเทา หรืออะไร ก็เป็นคนตั้งมาเอง ตรงนี้เราได้เตือนไว้ตั้งแต่ต้นฉะนั้นก็คงต้องให้ทางพรรคประชาชนพิจารณาให้ดี แล้ววันนี้เราก็เดินหน้าตรวจสอบจริงจัง เราทุกพรรค ทุกคนที่มีการกล่าวหากันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ตรวจสอบบางกลุ่ม บางคน ก็ขอให้รอดูการทำงานโดยเฉพาะเมื่อถึงเวลายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ” นายจุลพันธ์ กล่าว
เมื่อถามว่าผลโพลของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยยังนำอยู่พรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเพิ่งมีการเปลี่ยนแปลง ที่มีการสอบถามมาเราเพิ่งยกเครื่องใหม่ และยอมรับว่าขณะนี้ไม่ใช่จุดพีคของพรรคเพื่อไทย เพราะช่วงที่ผ่านมาเรื่องข่าวประเทศเพื่อนบ้าน การโจมตีทางการเมือง การเปลี่ยนรัฐบาลเราก็ยอมรับ การเมืองไม่ได้จบภายในวันเดียว พวกเรามีความมั่นใจ คิดดูว่าในขณะที่หลายคนปรามาสพรรคเพื่อไทยว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ในสถานะที่ไม่ดีนัก และหลายโพลเรามีคะแนนนิยมอยู่ที่ 10-20 เปอร์เซ็นต์ แต่มีคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ มีถึง30 เปอร์เซ็นต์
ชี้คนทำงานมีทั้งเคยทำถูก ทำพลาด
นายจุลพันธ์ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้จะมีการนำนโยบายจากรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯที่ยังทำไม่สำเร็จ มาปัดฝุ่น เดี๋ยวมาคุยกันขอเวลานิดนึง ยังไม่ได้สรุป หรือ มีข้อยุติ
“พรรคเพื่อไทยมีความเชื่อมั่น เราเป็นพรรคการเมืองแรกและพรรคการเมืองเดียวที่ได้เคยดำเนินการเรื่องนโยบายจนประสบความสำเร็จและถูกใจประชาชน แน่นอนว่าคนทำงานมีทั้งเคยทำถูก ทำพลาด เราไม่ได้บอกว่าเราทำสำเร็จทุกเรื่อง แต่เราเป็นคนนำมิติเรื่องนโยบายเข้ามาสู่สังคม เป็นพรรคการเมืองแรกที่นำนโยบายมาบอกประชาชนแล้วทำจริง และยืนยันว่านโยบายครั้งหน้าคงเป็นที่ถูกใจประชาชน”
โต้พท.ไม่ได้ขาลง- มีคนหนุน10ล้าน
เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ที่ต้องแบกวิกฤตศรัทธาในช่วงที่ถูกมองว่าเป็นขาลงและต้องดันกลับไปให้ได้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนว่าขาขึ้นเราก็ยังอยู่ในสถานะที่ดี คนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยยังเป็น10ล้านคน ตนไม่ได้มองว่าเป็นสถานการณ์ที่มีปัญหาอะไร เรายังมีความเชื่อมั่น เพียงแต่วันนี้ต้องทำองค์ประกอบให้ครบ สิ่งที่เราจะมายกเครื่องพรรคในครั้งนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือเรื่องการสื่อสาร ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการสื่อสารของพรรคเพื่อไทยไม่ทันท่วงที ตั้งรับมากเกินไป เราต้องเป็นผู้สื่อสารในเชิงรุก และโยนประเด็นให้สังคมมากขึ้น
ลั่น 3แคนดิเดตนายก ต้องตรงใจปชช.
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า อีกเรื่อง คือ บุคคลซึ่งผู้สมัครต้องถูกจริตกับประชาชนในแต่ละพื้นที่ เป็นคนที่ลงพื้นที่อยู่แล้ว และเป็นที่รู้จักในพื้นที่เป็นอย่างดี ขณะที่งานสภาเราต้องยกเครื่องให้เข้มข้นขึ้น สุดท้ายเรื่องนโยบาย ต้องทำให้ตรงกับความต้องการเป็นนโยบายแห่งความหวังของสังคมได้ ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เราจะเสนอ 3 ชื่อซึ่งเป็น 3 ชื่อที่ต้องตรงใจกับพี่น้องประชาชน และเชื่อว่าการยอมรับจากประชาชนจะทำให้เราประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง
‘เพื่อไทย’ยังไม่เปิดตัวบ้านใหญ่ปากน้ำ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย(พท.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมเปิดตัวบ้านใหญ่ว่าวันที่ 7 พฤศจิกายนเราจะมีการเปิดตัวผู้สมัครอีกประมาณ 20 คน ส่วนบ้านใหญ่จากจังหวัดสมุทรปราการนั้นว่า จะยังไม่มีการเปิดตัวในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ แต่มีการพูดคุยกันในระดับหนึ่ง สำหรับบ้านใหญ่อื่นๆเช่นนายวราเทพ รัตนากร อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ก็จะยังไม่มีการเปิดตัวเช่นกัน เนื่องจากยังมีข้อจำกัดบางอย่างเมื่อถามว่า ส.ส. จำนวน 2คน ที่อยู่ในกลุ่มของนายวราเทพ จะย้ายมาพรรค พท.หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตอนนี้ยังเป็นสมาชิกพรรคอื่นอยู่ ยังเร็วเกินไปที่จะพูด
‘ธรรมนัส’โวสมาชิกกธ.เป็นของจริง
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและรมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรมให้สัมภาษณ์กรณีมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับสมาชิกพรรคกล้าธรรมที่มีจำนวนมากที่สุดว่า“เรามีสมาชิกเป็นของจริง และตรวจสอบได้ ในทางตรงกันข้าม มีพรรคการเมืองบางพรรคเป็นของปลอมแต่สำหรับเราชัดเจน ตรวจสอบได้เหตุที่พรรคกล้าธรรมมีจำนวนสมาชิกเป็นอันดับหนึ่งเพราะพรรคทำงานตอบโจทย์พี่น้องประชาชน มีชาวใต้มารอพบที่พรรคและนำรายชื่อมาสมัครเพิ่มเองโดยไม่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า “เมื่อวานก็มีเข้ามาสมัครเพิ่ม กลุ่มทรูมูฟเอารายชื่อมาสมัครกว่า 2,000 คน พรรคเราก็เป็นแบบนี้มีแต่เพิ่ม เพราะเราทำงาน”ร.อ.ธรรมนัส ย้ำ
พร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการตรวจสอบหรือไม่กรณีนายไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรคกล้าธรรมออกมาเปิดเผยว่า มีพรรคการเมืองบางพรรคเอาเงินผู้ช่วยไปสมัครสมาชิกพรรคร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า“ตอนนี้พรรคเราตั้งหลักได้แล้ว ตั้งวอร์รูมเก็บข้อมูลทุกเรื่องทั้งของผมและหัวหน้าพรรคให้น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์เป็นผู้ดำเนินการ อยากรู้อะไรให้ไปถามน.อ.อนุดิษฐ์”
ผู้สื่อข่าวถามว่าไม่ใช่การเอาคืนทางการเมืองใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า“จริงๆสื่อมวลชนควรถามถึงคลิปที่มีการประสานให้เล่นงาน‘ธมน.’เราเป็นนักการเมืองก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอะไรที่เป็นการตรวจสอบด้วยข้อมูลหรือข้อเท็จจริง ฝ่ายยุทธศาสตร์และกฎหมายของพรรคกล้าธรรมจะเป็นผู้ดำเนินการ”
ชูต้นไม้ใหญ่มีสัตว์มาอาศัยเรื่องปกติ
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวถึงกรณีที่ถูกมองว่าเป็นตำบลกระสุนตกว่า“ผมเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ มีนก กา สัตว์ต่าง ๆ มาอาศัย บางตัวอาจไปทำร้ายผู้อื่น แต่ถ้ามีสัตว์ตัวโน้นตัวนี้มาตามกิน ก็เป็นเรื่องปกติ อย่าไปซีเรียส พร้อมระบุว่า การตรวจสอบครั้งนี้ถือว่าเบามาก ในชีวิตเพราะผ่านเรื่องราวมากมายมาแล้วตั้งแต่เข้าสู่การเมือง แต่ก็ผ่านกระบวนการยุติธรรมมาทั้งหมด เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะพร้อมชนหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า“ไม่ใช่พร้อมชน เราต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริง ถ้าเราถูกตรวจสอบด้วยข้อกล่าวหา เราก็ต้องพิสูจน์ข้อกล่าวหานั้น”
ครม.โยก‘ดนุชา-อ้อนฟ้า’กลับที่เดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติแต่งตั้งนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หลังจากครม.เคยมีมติอนุมัติรับโอนไปนั่งเลขาธิการ สทนช. เมื่อวันที่ 19 ส.ค.68 ซึ่งเป็นช่วงที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกฯ ขณะเดียวกันแต่งตั้งน.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสศช.กลับไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)
นอกจากนี้ครม.ยังมีมติแต่งตั้ง น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของนายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีรายงานว่า น.ส.รัชดาเตรียมจะย้ายมาอยู่กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี