‘น่าน’กระทบ5หมื่นหลังคาดับ3ศพ
‘อิงค์’ลุยช่วยนาท่วม
ควงตะหลิว/ลงเรือแจกสิ่งของ
บอกมีอำนาจเต็มช่วยเต็มที่
‘แพร่’ยังวิกฤตตั้งศูนย์ดูแล
ดินสไลด์ภูเก็ตสังเวย13ศพ
นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่จังหวัดน่าน ควงตะหลิว ทำกับข้าวล่องเรือช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย บอกรอให้มีอำนาจเต็มจะดูแลเต็มที่ เผยจังหวัดน่านเดือดร้อน 5 หมื่นครัวเรือน เสียชีวิต 3 ศพขณะที่เหตุการณ์แผ่นดินสไลด์ที่ภูเก็ตยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด 13 ศพ
วันที่ 24 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปีในพื้นที่จังหวัดน่าน ล่าสุดวันนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำน่านลดลงไปมาก ส่งผลให้น้ำที่ท่วมขังอยู่ในหลายพื้นที่ลดลง ชาวบ้านต่างออกสำรวจข้าวของตัวเอง และเร่งทำความสะอาด
อย่างในเขตเทศบาลเมืองน่าน ถนนทุกสายสามารถสัญจรได้แล้ว แต่ยังเหลือบางส่วนที่เป็นพื้นที่ติดริมน้ำยังคงมีน้ำท่วมขัง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งนำเครื่องสูบน้ำระบายออก ทั้งนี้จากเหตุการณ์น้ำท่วม น้ำป่าหลากที่เกิดขึ้น พบว่ามีชาวบ้านที่สูญหายไปกับน้ำ ซึ่งหลังน้ำลดพบศพแล้ว ที่อำเภอทุ่งช้าง พบศพนายจรัญ ตันกาบ อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 11 หมู่ 7 ต.พระธาตุ อ.เชียงกลาง
ที่อำเภอท่าวังผา พบศพนายยุทธภูมิ ศิริรัตน์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านม่วง ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา และ นายอนันต์ ไชยสลี อายุ 59 ปี อยู่บ้านนาเตา ต.ริม อ.ท่าวังผา รวม 3 ราย ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา ขณะออกไปพื้นที่การเกษตร และเก็บข้าวของหนีน้ำท่วม สร้างความเศร้าโศกให้กับญาติพี่น้อง
เดือดร้อน5หมื่นครอบครัว
นายวรวิทย์ อินต๊ะใจ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมขยายวงกว้าง 12 อำเภอ 67 ตำบล 435 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมรวมกว่า 5 หมื่นหลังคาเรือน ซึ่งขณะนี้หลายหน่วยงานต่างระดมกำลังเร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย โดยมณฑลทหารบกที่ 38 นำอาหารพระราชทาน ไปแจกจ่ายให้กับพี่น้อง ประชาชน ที่ประสบอุทกภัย รวมไปถึงคณะสงฆ์ในพื้นที่จังหวัดน่าน ได้ออกมาตั้งโรงครัว ประกอบอาหาร แล้วนำไปแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในชุมชนต่างๆด้วยเช่นกัน
แต่ทั้งนี้น้ำท่วมยังไม่จบ เนื่องจากน้ำยังไหลลงสู่ทางตอนใต้ของจังหวัดน่าน ซึ่งเป็นอำเภอเวียงสา ที่ยังต้องเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือกับน้ำท่วมอยู่
“แพทองธาร” ให้กำลังใจชาวน่าน
เมื่อเวลา 11.30 น.. ที่ ท่าอากาศยาน จ.น่าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่จ.น่าน เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม โดยมี นายทรงยศ รามสูต นายณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์ พรรคเพื่อไทย รอให้การต้อนรับ
โดยทันทีที่ นายกฯ เดินทางมาถึง จ.น่าน น.ส.แพทองธาร เดินทางไปยังสถานีดับเพลิงเทศบาลเมืองน่าน ที่ใช้เป็นที่สำหรับประกอบอาหารเป็นโรงครัวแจกจ่ายประชาชนโดย น.ส.แพทองธาร ได้เดินทักทายให้กำลังใจอาสาสมัครและสภากาชาด ที่มาช่วยกันปรุงอาหารให้กับประชาชน พร้อมกันนี้น.ส.แพทองธาร ได้ช่วยปรุงอาหาร ทอดไข่เจียว ผัดเส้น และช่วยทำข้าวผัดเมืองแพร่ร่วมกับ นพ.ชลน่าน และบรรจุอาหารใส่ถุง เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ประสบภัยในจุดที่น้ำยังท่วมสูง ทั้งนี้อาสาสมัครที่มาช่วยกันทำอาหารและบรรจุอาหาร ต่างรุมล้อมขอถ่ายภาพและแสดงความดีใจที่นางสาวแพทองทาเดินทางมาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจถึงที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจประชาชนที่จังหวัดน่านในวันนี้ของนางสาวแพทองธาร ได้ใช้รถเวลไฟร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน 9 กฆ 3882 กรุงเทพมหานคร ในการลงพื้นที่ครั้งนี้
ลงเรือแจกข้าวกล่องชาวบ้าน
จากนั้น เวลา 12.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางต่อมายังชุมชนบ้านภูมินทร์- ท่าลี่ และได้ลงเรือ พร้อมกับนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค และ สส.น่าน พรรคเพื่อไทย เพื่อเข้าไปมอบอาหารและถุงยังชีพ ให้แก่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมสูง จนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต้องตัดกระแสไฟ โดยชาวบ้านต่างยินดีที่ได้พบ น.ส.แพทองธาร และขอบคุณที่ได้เดินทางมาเยี่ยมถึงพื้นที่ พร้อมระบุว่า ดีใจที่เห็นน.ส.แพทองธารมาด้วยตัวเอง ขอให้มาบ่อยๆประชาชนจะได้มีกำลังใจ บางส่วนได้ขอถ่ายภาพเซลฟี่กับ น.ส.แพทองธาร ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ได้ทักทายสอบถามความเป็นอยู่ ส่งยิ้มและบอกกับประชาชน ว่าขอให้ทุกคนอดทนและเป็นกำลังใจให้
หลังลงพื้นที่ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า จากที่เข้าไปดูปริมาณน้ำยังท่วมสูงอยู่และชาวบ้านยังคงลำบากไม่มีไฟฟ้าใช้ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ได้ให้กำลังใจ และทาง สส.ของพรรคจะได้มอบอาหารและน้ำให้ แม้ชาวบ้านจะลำบาก แต่ก็ยังยิ้มแย้ม ดีใจและโบกมือให้ เหมือนกับเราได้กำลังใจจากชาวบ้านกลับมา ส่วนที่ชาวบ้านอยากให้เรามาลงพื้นที่บ่อยๆนั้น เราเองก็อยากมา และเมื่อได้ปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มตัวแล้ว ก็จะมาทันที ซึ่งวันนี้มาในฐานะหัวหน้าพรรค ร่วมกับสส.ของพรรค ช่วยกันดูเรื่องความเป็นอยู่ทั้งอาหารการกิน และจากที่ได้ดูสภาพความเป็นอยู่ของชาวก็น่าสงสาร แต่ชาวบ้านไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ มีชาวบ้านบางท่านถึงกับร้องไห้เลยดีใจที่ได้เจอพวกเรา ซึ่งเราก็ได้แต่ช่วยเป็นกำลังใจให้กัน ยืนยัน หากได้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นทางการก็จะเร่งช่วยเหลือ จะมีมาตรการต่างๆออกมาอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงในภาคเหนือ รวมทั้งภาคใต้ที่จังหวัดภูเก็ตก็ยังมีปัญหา
น.ส.แพทองธาร ตอบคำถามถึงกรณีที่ไม่ได้ไปลงพื้นที่ที่จังหวัดแพร่เนื่องจากว่าติดปัญหาด้านการเดินทางไปในพื้นที่ประสบภัยว่า เนื่องจากมีปัญหาเรื่องของสนามบิน และเรื่องของสภาพอากาศ ความจริงอยากไปมาก จึงให้ สส.ในพื้นที่ เข้าไปดูแล ซึ่งก่อนที่จะเดินทางก็เช็คแล้วแต่ไม่คิดว่าสภาพอากาศจะเปลี่ยน
เมื่อถามว่ากังวลสถานการณ์น้ำหรือไม่ที่อาจจะมากกว่าปีอื่น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในหลายพื้นที่ขณะนี้ก็เริ่มดีขึ้น ระดับน้ำเริ่มลดลง อย่างที่จ.น่าน ก็ได้รับรายงานว่า สถานการณ์น้ำเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่แน่นอนว่ากำลังใจยังเป็นสิ่งสำคัญ ให้กำลังใจตอนไหนก็ยังไม่สาย และในพื้นที่ภาคกลางตอนนี้มีการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำไว้พอสมควร จะมีการติดตามอย่างใกล้ชิดจาก สส.อีกครั้ง
ตะโกนนายกฯสู้ๆ
เมื่อเวลา 13.45 น. ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง อ.ภูเพียง จ.น่าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และคณะเดินทางไปยังวัดพระธาตุแช่แห้ง เพื่อดูโรงทานทำอาหารแจกจ่ายประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม และมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่มารับความช่วยเหลือ พร้อม ร่วมทอดหมูกับอาสาสมัครที่โรงทาน จากนั้น เวลา 14.15 น. นางสาวแพทองธาร และคณะ ได้เดินทางต่อมายังที่บ้านม่วงตึ๊ด ต.ม่วงตึ๊ด อ.ภูเพียง มีประชาชนรอให้การต้อนรับจำนวนมาก และตะโกนส่งเสียง “นายกฯ สู้ ๆ” และขอถ่ายภาพร่วมกับนางสาวแพทองธาร จำนวนมาก จากนั้น นางสาวแพทองธาร ได้เดินลุยน้ำเข้าไปแจกจ่ายถุงยังชีพให้กับประชาชนในบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมขังอยู่ พร้อมสอบถามถึงสภาพความเป็นอยู่ แสดงความห่วงใย และให้กำลังใจให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้
อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้ น.ส.แพทองธาร มีกำหนดการที่จะเดินทางไปที่ยังตำบลกองควาย หรือ บ้านน้ำครกเก่า อำเภอเมือง จังหวัดน่าน แต่ถนนถูกน้ำตัดขาด จึงมอบถุงยังชีพ ให้กับ สส. น่านพรรคเพื่อไทย ไปแจกจ่ายต่อ พร้อมกำชับให้รีบส่งของไปให้ถึงมือประชาชน
“แพร่”เร่งช่วยผู้เดือดร้อน
ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์น้ำจังหวัดแพร่ ที่ลานวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ โรงครัวพระราชทานมณฑลทหารบกที่ 35 เริ่มประกอบอาหารกล่องแต่เช้าเพื่อนำไปส่งให้กับชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองแพร่ ที่ประสบภัยน้ำท่วม ไม่สามารถเดินทางออกมารับอาหารด้วยตัวเอง และได้โทรมาประสานขอความช่วยเหลือที่ศูนย์ แต่มีบางส่วนที่ออกมาได้ ด้วยตัวเองได้นำสิ่งของ กลับไปฝากคนในชุมชนด้วยเช่นกัน
วันนี้ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์น้ำจังหวัดแพร่ได้ปรับแผนการ รับเรื่อง และจัดทีมออกไปให้ความช่วยเหลือให้ชัดเจนขึ้น โดยมีทีมรับเรื่อง ร้องเรียนส่งต่อให้กับทีมบริหารจัดทีมออกไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนทันที หลังดำเนินการแล้วเสร็จให้แจ้งผลกลับมาที่ศูนย์ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และตกหล่น
เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพยายาม ให้ความช่วยเหลือ ประชาชนที่เดือดร้อนและร้องขอเข้ามายังศูนย์อย่างเต็มที่และรวดเร็ว แต่เนื่องจากบางพื้นที่ เรือไม่สามารถเข้าไปถึงได้ ทางเข้าเป็นซอยเล็ก และกระแสน้ำไหลเชี่ยว ทีมกู้ภัยจึงไม่กล้าเสี่ยงนำเรือเข้าไปช่วย ขณะที่การติดต่อสื่อสารค่อนข้างลำบาก เนื่องจากถูกตัดน้ำตัดไฟ วันนี้จะมีความชัดเจนและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
ขณะนี้ ความช่วยเหลือจากพื้นที่ใกล้เคียง ต่างระดมเข้ามาที่จังหวัดแพร่ โดยต้องมาแจ้งความประสงค์ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์น้ำจั้งหวัดแพร่ เพื่อให้การบริหารจัดการ เป็นไปอย่างมีเอกภาพ และสื่อสารไปในทิศทางเดียวกัน“สุดาวรรณ” ห่วงสถานการณ์น้ำท่วมขังโบราณสถานน่าน พะเยา เชียงราย -กลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานแพร่ มอบ สป.วธ. - กรมศิลปากรติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด พร้อมตั้งศูนย์ประสานงานน้ำท่วมผ่านสายด่วน วธ. 1765
ห่วงจมโบราณสถาน
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้ติดตามผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยของโบราณสถานในพื้นที่ภาคเหนืออย่างใกล้ชิด ในส่วนกรมศิลปากรรายงานว่าจากกรณีฝนตกต่อเนื่องหลายวันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่ผ่านมาส่งผลให้เกิดน้ำท่วม น้ำล้นตลิ่ง น้ำหลากท่วมทุ่งในหลายพื้นที่ของจังหวัดน่าน พะเยาและเชียงราย ขณะนี้กรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ได้ลงพื้นที่และประสานงานกับเครือข่ายอาสาสมัครในการดูแลมรดกศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่ดังกล่าว
นางสาวสุถดาวรรณ กล่าวอีกว่า ได้รับรายงานเกี่ยวกับผลกระทบต่อโบราณสถานในพื้นที่ 3 จังหวัด ดังนี้ จังหวัดน่าน จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ 1.วัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ซึ่งมีโบราณสถานคือ วิหารที่ปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนังน้ำท่วมขึ้นถึงภายในวิหาร แต่ยังไม่ถึงภาพจิตรกรรมซึ่งสูงกว่าระดับน้ำท่วมประมาณ 50 ซม ดังนั้น ภาพจิตรกรรม จึงไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากน้ำท่วม 2.วัดภูมินทร์ อำเภอ เมือง จังหวัดน่าน โบราณสถานคือวิหารจตุรมุขที่ปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนัง (ปู่ม่านย่าม่าน) ปัจจุบันน้ำยังท่วมไม่ถึงด้านบนวิหาร เนื่องจากอาคารนี้เป็นอาคารที่มีฐานสูงและบันไดสูงไปถึงพื้นด้านบนวิหารน้ำจึงท่วมเพียงบันไดเท่านั้น และ 3.พิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ปัจจุบันน้ำยังไม่ท่วมเข้ามาในพื้นที่เนื่องจากตั้งอยู่ในบริเวณที่สูงที่สุดของเมืองน่าน เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอดเวลาและให้นำรถยนต์เข้ามาจอดภายในได้ในช่วงนี้เพื่อบรรเทาความเสียหายของทรัพย์สินประชาชน
ขณะที่ จังหวัดพระเยามีโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบคือ เมืองโบราณเวียงลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำอิง น้ำจึงล้นฝั่งท่วมทั้งเมืองโบราณสถานจึงมีน้ำท่วมขังหลายแห่งแต่ไม่พบความเสียหายของตัวอาคาร ส่วนที่จังหวัดเชียงราย โบราณสถานที่ได้รับผลกระทบ คือวัดเสาหิน เป็น วิหารและเจดีย์ขนาดใหญ่ มีน้ำท่วมขังในพื้นที่รอบอาคารแต่ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายของตัวอาคาร
ตั้งศูนย์ประสานงานแก้ปัญหา
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวด้วยว่า กรมศิลปากร ได้วางแนวทางการแก้ไขปัญหา ดังนี้ 1.ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 2.รับฟังข้อมูลจากอาสาสมัครฯ ของกรมศิลปากรที่อยู่ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง 3.หลังจากน้ำลดให้เข้าพื้นที่สำรวจตรวจสอบสภาพและความเสียหายโดยด่วน โดยเฉพาะงานศิลปกรรมที่ได้รับความเสียหายต้องได้รับการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน 4.วางมาตรการลดความเสี่ยงของโบราณสถานในช่วงฤดูฝนนี้ หากมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องครั้งต่อไป เช่น ปกป้องน้ำไม่ให้ท่วมเข้าไปในอาคารโบราณสถานอีก หรืออื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และ 5.หากพบความเสียหายต่ออาคารโบราณสถานให้รีบแจ้งกรมศิลปากรเพื่อดำเนินการฉุกเฉินเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม ภาพรวมในส่วนกระทรวงวัฒนธรรม รู้สึกเป็นห่วงและขอเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคน จึงได้ สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ประสานงานโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้สายด่วนวัฒนธรรม 1765 ในการรับแจ้งข้อมูลและรวบรวมข้อมูลหน่วยงานในสังกัด สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด และกองพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน รวมไปถึงแหล่งโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย เพื่อสรุปข้อมูลสำหรับลงพื้นที่สำรวจและตรวจสอบสภาพความเสียหายหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย รวมถึงจัดทำแผนช่วยเหลือเบื้องต้น และบูรณะซ่อมแซมในอนาคตต่อไป
ระดับน้ำโขงเพิ่มขึ้นใกล้วิกฤต
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม สถานการณืล่าสุดระดับน้ำโขงยังเพิ่มต่อเนื่อง อยู่ที่ระดับประมาณ 9 .60 เมตร ห่างจากจุดวิกฤติล้นตลิ่ง แค่ 2 เมตร คือ ที่ 13 เมตร ส่งผลให้ลำน้ำสาขาสายหลัก มีลำน้ำก่ำ ลำน้ำอูน และลำน้ำสงคราม รวมถึงลำห้วยสาขา มีปริมาณน้ำล้นความจุ ไหลระบายลงน้ำโขงช้า บางพื้นที่ เอ่อล้นท่วมพื้นที่การเกษตร นาข้าว โดยพาะพื้นที่ ติดกับลำน้ำอูน และลำน้ำสงคราม เขต อ.นาหว้า อ.ศรีสงคราม เริ่มได้รับผลกระทบจากลำน้ำสาขาสายหลัง เอ่อล้นท่วมพื้นที่การ้เกษตร นาข้าว แล้วนับ 10,000 ไร่ เนื่องจากระดับน้ำโขงหนุน คาดว่า หากมีฝนตกลงมาต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบขยายวงกว้างมากขึ้น
นอกจากนี้ในส่วนของพื้นที่ ลำน้ำก่ำ ที่รองรับน้ำมาจากพื้นที่หนองหาน จ.สกลนคร ไหลผ่านพื้นที่ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ไหลลงสู่ อ.วังยาง อ.นาแก และ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ก่อนที่จะไหลระบายลงสู่น้ำโขง ในช่วงนี้เริ่มระบายช้า โดยทางชลประทานนครพนม เร่งเปิดประตูระบายน้ำทั้ง 5 จุด เพื่อไหลลงสู่ ประตูระบายน้ำก่ำตอนล่างช่วงสุดท้าย บริเวณประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต ที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เพื่อระบายลงน้ำโขงให้มากที่สุด เตรียมพร้อมรับมือลำน้ำก่ำเอ่อล้น ท่วมพื้นที่ลุ่ม
“ภูมิธรรม-เสี่ยหนู”เยือนเชียงราย
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เวลา 10.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.เทิง จ.เชียงราย
สถานการณ์น้ำในภาพรวม นายภูมิธรรม นายอนุทิน พร้อมคณะ ได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ ณ ที่ว่าการอำเภอเทิง จากนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอเทิง เนื่องจากนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ไม่อยู่ในพื้นที่ จากนั้นคณะรองนายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนผู้ประสบภัยที่สถานีขนส่งอำเภอเทิง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การลงพื้นครั้งนี้เนื่องจากทางรัฐบาลห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพราะน้ำมาเร็วและแรง ซึ่งรับทราบว่าในพื้นที่มีประชาชนเสียชีวิตแล้ว 1 คน โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็มีความห่วงใยประชาชน แต่ด้วยข้อกฎหมายที่ยังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ได้สั่งการให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนช่วยดูแลพี่น้องประชาชนที่ลำบากอยู่ให้เร็วที่สุด ซึ่งน่าดีใจที่ตอนนี้น้ำหลากลดลง แต่ด้วยปกติเชียงราย น้ำจะไหลลงแม่น้ำโขง แต่ขณะนี้ระดับแม่น้ำโขงสูง จึงมีน้ำรอระบาย
กำชับทุกฝ่ายช่วยชาวบ้าน
ตอนนี้จึงให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันดูแลประชาชน กระทรวงคมนาคมดูแลในส่วนว่ามีจุดใดกีดขวางทางน้ำหรือไม่ แต่ในภาพรวมแล้วสถานการณ์เบาบางลง เพียงแต่การระบายต้องใช้เวลา ซึ่งฝากกับรองผู้ว่าฯ ไปด้วยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ควรสรุปเป็นบทเรียน จะได้เตรียมการรองรับต่อไป เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในช่วงมรสุม
“ทางจังหวัดต้องเตรียมการทำงาน คุยกับรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านได้สั่งการให้ทุกส่วนจัดตั้งศูนย์ดูแลเหตุการณ์อย่างเต็มที่ แต่น่าเสียใจที่วันนี้มาแล้วไม่เจอตัวผู้ว่าฯ ไม่แน่ใจว่าติดภารกิจอะไร ภาวะแบบนี้ควรต้องลงมาดู มาอยู่กับประชาชน เพื่อจะได้เข้าใจปัญหา หาทางบรรเทาให้พี่น้องประชาชน แต่ถึงแม้ผู้ว่าฯ ไม่อยู่ ก็ขอให้หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ลงพื้นที่ดูแล ส่วนของเครื่องไม้เครื่องมือ รัฐมนตรีมหาดไทยท่านสั่งการแล้ว ส่วนของอาหารก็มาจากหลายทาง มีโรงครัวพระราชทานเข้ามาหลายคัน เข้ามาดูแลเรื่องอาหารการกิน เอกชนก็เข้ามา หน่วยจิตอาสาเข้ามาช่วยกันกันแพ็กของ เป็นเวลาที่ได้พึ่งพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ท่านได้มาช่วยราษฎร ทางกระทรวงพาณิชย์เองวันนี้ปลัดฯ มาลงพื้นที่ด้วย จะได้ดูและประสานสิ่งที่ยังขาดเข้ามาช่วยเหลือต่อไป” นายภูมิธรรม กล่าว
ด้านนายอนุทิน กล่าวว่า การช่วยเหลือทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้สนับสนุนเครื่องจักรสาธารณภัย เช่น รถแบ็กโฮขุดตักเกลี่ยดินที่ถล่มลงมาในพื้นถนน เพื่อให้ชาวบ้านสามารถสัญจรได้ และขอฝากให้ผู้ว่าฯ รีบกลับมาเชียงรายด้วย คนเชียงรายรออยู่
ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจใน จ.เชียงราย คณะของนายภูมิธรรม และนายอนุทิน ได้เดินทางไป จ.น่าน เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยใน อ.เมืองน่าน และ อ.ภูเพียง ต่อไป
เขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบายน้ำ
จากสถานการณ์น้ำทางด้านตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่มีปริมาณมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลทำให้หลายพื้นที่ประสบกับปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในภาคเหนือของประเทศไทย นายวัชระ ไกรสัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำ และการบริหารน้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 3 แจ้งเตือนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัด ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง จ.สุพรรณบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ลพบุรี ให้ทำการแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาเฝ้าติดตามสถานการณ์ เนื่องจากเขื่อนเจ้าพระยาที่เป็นกุญแจสำคัญดอกสุดท้าย ก่อนที่มวลน้ำจะเข้าสู่กรุงเทพฯ
ขณะนี้มีเกณฑ์จะระบายน้ำในอัตรา 500-700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ไปจนถึง บริเวณ ต.บ้านกระทุ่ม ต.หัวเวียง อ.เสนา และ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา จะมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 1-1.20 เมตร และหากมีปริมาณน้ำหลากเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา มากกว่า 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะแจ้งให้ทราบต่อไป ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เฝ้าติดตามและเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
สำหรับปัจจุบัน ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 848 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 15.91 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 8.83 เมตร/รทก. ซึ่งระดับน้ำห่างจากตลิ่งอยู่ที่ 7.51 เมตร และเขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำอยู่ที่ 531 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
นอกจากนี้ ทางกรมชลประทาน ได้มีการจัดสรร และทำการผันน้ำเข้าสู่ระบบชลประทาน ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกของลุ่มน้ำเจ้าพระยา อีก 260 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเตรียมรับมวลน้ำเหนือ
ดินไสด์ภูเก็ตพบแล้ว13ศพ
ที่จังหวัดภูเก็ตผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้พบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย เหตุดินสไลด์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายหน่วยยังคงเร่งระดมสรรพกำลังและเครื่องมือหนักช่วยกันค้นหาร่างของผู้สูญหายที่คาดว่าอาจจมอยู่ใต้ดินโคลนและหินขนาดใหญ่ที่ถูกน้ำป่าพัดลงมาจากเทือกเขานาคเกิด ถล่มลงมาทับบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ห่างจากริมเชิงเขาระยะทางไกลสุดราว 300 เมตร โดยเช้านี้มีญาติเข้ามาแจ้งให้ทางการช่วยค้นหาครอบครัวเพิ่ม
การค้นหาจึงต้องมีการปรับแผน โดยขยายพื้นที่ค้นหาจากเดิมที่พุ่งเป้าค้นหาบริเวณบ้านเช่าชั้นเดียวตรงจุดที่เคยพบศพชาวเมียนมาและคนไทยจำนวน 6 ศพ ไปค้นหาเพิ่มเติมตรงบริเวณบ้านเช่าและวิลล่าที่อยู่ใกล้ริมเขา แต่การค้นหาก็เป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะมีทั้งดินโคลน ต้นไม้ขนาดใหญ่ หินภูเขา เสาไฟฟ้าและซากปรักหักพังของบ้านเรือน กองทับถมรวมกันเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่มีการใช้สุนัขกู้ภัยเข้ามาช่วยค้นหาผู้สูญหายด้วย
เช้าวันเดียวกันนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ โดยนายชาดาระบุว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีผู้สูญเสียเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นได้สั่งการให้ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้กับญาติของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ โดยในส่วนของศพชาวต่างชาติ ขณะนี้ได้มีการประสานไปยังกงสุล เพื่อให้มารับศพของผู้เสียชีวิตแล้ว
ขณะที่แผนป้องกันรับมือระยะสั้นได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่มทุกจุดของภูเก็ตในช่วงที่มีฝนตกหนัก และเร่งเดินหน้าสานต่อการสร้างฟรัดเวย์ รวมถึงผลักดันแผนจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยของภูเก็ต ร่วมกับจังหวัดอื่นๆ อีก 54 จังหวัด เข้าครม.โดยเร็วที่สุดตามแผนที่จังหวัดเคยเสนอไปกับนายเศรษฐา ทวีสิน ในครั้งที่ลงมาตรวจติดตามน้ำท่วมในภูเก็ตเมื่อ 2 เดือนก่อน ยืนยันว่าแม้จะมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่จะยังคงสานต่อไม่เปลี่ยนแปลง
ที่สำคัญ นายชาดายังสั่งการให้จังหวัดเร่งเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างอาคารบนเทือกเขานาคเกิด หลังชาวบ้านในพื้นที่เชื่อว่าสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้น เป็นเพราะการปลูกสร้างอาคารจำนวนมากของวัดพระใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขานาคเกิด เพราะมีการไปเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่เดิมที่เคยเป็นป่าอุดมสมบูรณ์และในอดีตเมื่อ 10 ปีก่อน เคยมีร่องรอยการสไลด์ของดินในระหว่างการก่อสร้างมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่รุนแรงเท่ากับครั้งนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี