เจาะยาง‘อิ๊งค์’
‘เรืองไกร’ยื่นกกต.สอบ
ยอมให้‘แม้ว’ครอบครอง
เดินหน้าแล้ว “เรืองไกร”ร้องกกต.สอบปมคุณสมบัติ-จริยธรรม “อุ๊งอิ๊งค์” ยอมให้พ่อครอบครอง ฐานะนายกฯ ซัดไม่ใช่เรื่องพ่อลูก แต่เป็นเรื่องของประเทศ งง!! วันเดียวลาออกจากกรรมการบริษัท ทั้งที่อยู่ใน 4 จังหวัดได้อย่างไร
เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐยื่นคำร้องให้กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใน 2 ประเด็น
โดยนายเรืองไกร กล่าวว่า ประเด็นที่ 1. กรณีเป็นกรรมการบริษัท 20 แห่ง ของน.ส.แพทองธาร ที่ยื่นออกลาจากกรรมการบริษัท ในวันที่ 15 ส.ค. ซึ่งมีผลทันที โดยตามกฎหมายแพ่ง มาตรา 1153/1 แก้ไขเมื่อปี 2549 ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร แก้ไขเรื่องการลาออกจากกรรมการบริษัทว่า การจะลาออกให้ยื่นหนังสือไปที่บริษัท หรือจะยื่นต่อนายทะเบียนก็ได้ ส่วนการไปจดทะเบียนจะอยู่ในอีกมาตรา คือ ว่าถ้ามีกรรมการลาออกแล้ว กรรม การที่เหลือมีเวลาไปจดแจ้งอีก 14 วัน ดังนั้น หนังสือเอกสารที่ตนคัดมา 20 บริษัทรวมกว่า 100 หน้ามายื่นต่อ กกต.
“จึงมีข้อสังเกตว่า น.ส.แพทองธาร ไปยื่นลาออกที่บริษัท ที่ตั้งอยู่ใน 4 จังหวัด 14 บริษัทแรก ที่ กทม. , 2 แห่งที่ จ.ปทุมธานี , สนามกอล์ฟอัลไพน์ ด้วย 1 บริษัท และที่จ.นครราชสีมา 3 แห่ง อยู่ จ.ลำพูน โดยยื่นด้วยตัวเองในวันที่ 15 ส.ค. ภายในวันเดียวได้อย่างไร และต่อมาวันที่ 16 ส.ค. สภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่าเดินทางไปว่ายื่นใน 4 จังหวัดในเวลาเดียวกันได้อย่างไร และถามตรงไปยังนายกรัฐมนตรี ว่าโชว์เอกสารการลาออกได้หรือไม่ ท่านบอกว่าไม่ใช่เรื่อง กกต.จึงต้องตรวจสอบให้ชัด”นายเรืองไกร ระบุ
นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่ 2 เรื่องจริยธรรม นายกรัฐมนตรียินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร บิดา มาครอบครองตำแหน่งนายกฯหรือไม่ นี่ไม่ใช่เรื่องพ่อ ลูก แต่เป็นเรื่องของนายกฯของแผ่นดิน ตนยอมไม่ได้เพราะอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ความแพ่ง ของน.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์ โดยตนได้คัดคำร้องในเรื่องจริยธรรม ข้อ 8 เรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ให้คนอื่นยินยอมรับหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องครอบงำที่จะไปร้องยุบพรรค เพราะยังอ่านคำวินิจฉัยเต็มจากศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ แต่อันนี้มีเหตุควรแก่การยื่นตรวจสอบแล้ว
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า คำว่าครอบงำอยู่ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28แต่ไม่มีคำว่าครอบครอง ในกฎหมายดังกล่าว ตนจึงต้องยกคำพิพากษาศาลฎีกา และพจนานุกรมให้ กกต.ไปดูว่าคำว่า ครอบครองหนักกว่าหรือไม่ และคำว่าครอบครอง ไม่สามารถร้องในมาตรา 28 เพราะไม่มีบัญญัติคำนี้ จึงไม่สามารถไปขยายความกฎหมายเองได้ แต่จะต้องไปปรับกับมาตรฐานทางจริยธรรม ซึ่งมีกำหนดข้อห้ามไว้ 22 ข้อ ซึ่งรัฐมนตรีใหม่ได้มีการตรวจสอบแน่ ยืนยันว่าไม่ได้ร้องแค่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่ตนจะร้องหมดทุกฝ่าย
“ยืนยันว่าการมายื่นร้องเรียนไม่ได้มีนัยยะทางการเมือง ถ้ามีเหตุผมก็ร้อง วันนี้ผมยังไม่ร้องยุบพรรคเพราะยังไม่เห็นคำวินิจฉัย มีคนถามว่าเป็นบุคคลนิรนามที่มาร้องเพื่อไทยหรือเปล่า ผมก็บอกว่าไม่ใช่ ผมไม่เคยปิดชื่อ” นายเรืองไกร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี