นายกฯย้ำโครงการแจกเงิน 1 หมื่นผ่านดิจิทัล วอลเล็ต 12 กันยายนนี้ชัดเจนแน่ ฟังรมว.คลังแถลงรายละเอียด แจงยิบต้องปรับวิธีแจก เพราะต้องเร่งกระตุ้นศก. ปชช.รอไม่ได้ ยันเป้าหมายเงินหมื่น ยังเป็นพายุหมุน ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้นเหมือนเดิม ด้าน“จุลพันธ์” เปิดไทม์ไลน์ลงทะเบียนตามเดิม กลุ่มสมาร์ทโฟน ปิด 15 กันยายนกลุ่มนอนสมาร์ทโฟน เริ่ม 16 ก.ย. ที่ 3 แบงก์รัฐ ทุกสาขา ใช้บัตรประชาชนใบเดียว หลังแถลงนโยบายชงแจกกลุ่มเปราะบางเช้าครม.ทันที 17 กย.ก่อนรับโอนเงิน
เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ความชัดเจนโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า จะมีรายละเอียดที่ชัดเจนแน่นอนในการแถลงนโยบายรัฐบาลวันที่ 12-13 กันยายนนี้ โดยรมว.คลังจะเป็นคนแถลงรายละเอียดทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ 10,000 บาทได้ทั้งหมดก้อนเดียวผ่านดิจิทัลวอลเล็ต แต่วิธีการทำกับการหาเสียงแตกต่างกัน จะอธิบายอย่างไร นายกฯกล่าวว่า แตกต่างแน่นอน พอลงมือทำจริง เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลมีเรื่องระบบที่ต้องติดตั้งอีกนาน ฉะนั้น เราคิดว่าเมื่อระบบและสิ่งอื่นยังมีข้อพิพาท ซึ่งต้องรอ แต่เศรษฐกิจรอไม่ได้ประชาชนรอไม่ไหว ต้องปรับเปลี่ยนในจุดนี้ให้ประชาชนก่อน
“เพราะเรื่องเศรษฐกิจเป้าหมายของเรา ในการทำดิจิทัลวอลเล็ตคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ หากกระตุ้นไม่พอ เรายังพร้อมจะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในแบบดิจิทัลด้วย แต่ว่ามันมาช้ากว่า แต่เศรษฐกิจต้องถูกกระตุ้นก่อน เราทำอันนี้เสร็จไม่ใช่มีแค่นโยบายเดียว เรามีอีกหลายอันที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่อันนี้เป็นหลัก เร่งด่วนและเห็นผลทันทีจึงอยากรีบทำ” น.ส.แพทองธารชี้แจง
เมื่อถามว่ารัฐบาลวันนี้สานต่องานของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ซึ่งเคยมีนโยบายจ่ายเงินดิจิทัลรอบเดียว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาพใหญ่ แต่วันนี้เปลี่ยนไปการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นตามเป้าหรือไม่ นายกฯกล่าวย้ำว่า การวางแผนเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจมีหลายเฟสที่ต้องกระตุ้น อย่าง 10,000 บาท ที่แถลงไปแล้วว่าจะจ่ายก่อน ก็เป็นการกระตุ้นอันหนึ่ง ภาพใหญ่หนึ่งภาพก่อน แต่ส่วนหลังจากนั้นก็ไม่ลืมทิ้งโครงสร้างดิจิทัลที่เราต้องทำต่อด้วย อันนี้สำคัญ
“ตอนแรกเราจะไม่ให้เป็นเงินสดทั้งหมด จะเป็นเงินดิจิทัลทั้งหมด แต่อย่างที่บอกเศรษฐกิจรอไม่ได้ จึงต้องแบ่งเฟส ดิจิทัลยังอยู่แต่อาจเปลี่ยนเป็น 5,000 บาทหรืออย่างไร ให้ฟังรมว.คลังแถลง”นายกฯ กล่าว
ส่วนกรณีมีคนตั้งข้อสังเกตว่า พอแบ่งจ่ายอาจไม่ใช่พายุหมุนเหมือนที่รัฐบาลตั้งใจไว้ อาจเหลือเพียงหย่อมความกดอากาศต่ำ นายกฯยืนยันว่า เป็นการกระตุ้นแน่นอน แต่รูปแบบเปลี่ยนไป ขอให้ฟังรมว.คลัง และย้ำว่าเป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ลดลง เพราะแบ่งเฟสแล้ว ไม่มีนโยบายเดียวที่จะทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดขึ้น การแบ่งทีละเฟสควบคู่กับนโยบายอื่น ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจดูดี
ถามว่าพรรคเพื่อไทยหาเสียงจ่ายเงินดิจิทัลขณะที่ยังไม่ศึกษารายละเอียด จึงทำให้การจ่ายเงินล่าช้า นายกฯชี้แจงว่า ล่าช้าเพราะเราเข้ามาเราคิดว่าระบบสามารถดำเนินไปได้เลย แต่ต้องมีการรับฟัง ถ้าไม่เกิดการรับฟังมีปัญหาแน่นอน ต้องรับฟังหลายฝ่ายว่ามีข้อกังวลหรือข้อสงสัยอะไร อันนี้คือสิ่งที่เราพยายามทำให้รัดกุม และดีที่สุดสำหรับประเทศ
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังยังยืนยันกระบวนการลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลยังเป็นไปตามกำหนดเดิม ในส่วนผู้มีสมาร์ทโฟนลงทะเบียนได้ถึงวันที่ 15 กันยายน บนแอพพลิเคชั่น“ทางรัฐ” ส่วนผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน รัฐบาลจะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน-15 ตุลาคม ลงทะเบียนผ่านสถาบันการเงินของรัฐได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ทุกสาขาทั่วประเทศรวม 2,500 สาขา โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนอย่างเดียวในการลงทะเบียน
สำหรับรายละเอียดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดิจิทัลวอลเล็ตนั้น จะแถลงในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันที่ 12-13 กันยายน จากนั้นจะนำรายละเอียดโครงการในส่วนกลุ่มเปราะบางคือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มผู้พิการ 14.5 ล้านคน ซึ่งนับเฟสแรกของโครงการ เสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 17 กันยายนทันที เพื่อโอนเงินต่อไป
นายจุลพันธ์เผยความคืบหน้าการลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ผ่านแอพพ์“ทางรัฐ” สำหรับผู้มีสมาร์ทโฟนว่า มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 32 ล้านคน ส่วนนี้ประเมินว่าที่อยู่ในกลุ่มเปราะบางคือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้พิการที่ได้รับสิทธิเฟสแรก 10 ล้านคน เชื่อว่ากลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนนั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มเปราะบางแล้ว ดังนั้น การเปิดลงทะเบียนสำหรับกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนจะมีผู้มาลงทะเบียนไม่มาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มประชาชนทั่วไป ที่ลงทะเบียนไว้ผ่านแอพพ์ ทางรัฐแล้ว และไม่ได้อยู่ในกลุ่มบัตรคนจน และกลุ่มผู้พิการ หากตรวจสอบแล้วมีสิทธิได้รับเงิน 10,000 บาทก็จะได้รับเงินสองรอบ ได้แก่ รอบแรกช่วงปลายปี 2567 เป็นเงินสด 5,000 บาท หลังจากนั้นในปี 2568 จะแจกเงินอีก 5,000 บาทที่เหลือ ซึ่งถ้าทำระบบจ่ายเงินดิจิทัลเสร็จทันจะรับเป็นเงินดิจิทัล ถ้าไม่ทันก็จะได้รับเป็นเงินสดอีกก้อนหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี