ไม่ตรงที่หาเสียง!!! "ศิริกัญญา"ถลกนโยบาย"รัฐบาลแพทองธาร" เหน็บแสบเหมือนวิชั่น"ทักษิณ"พูดเมื่อเดือนที่แล้ว ก็อป"ไทยรักไทย"ระดับ AAA+ หวัง"นายกฯอิ๊งค์"เป็นดาวฤกษ์มีแสงสว่างในตัวเอง อัด"ดิจิทัลวอลเล็ต"เจ๊งไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 โดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวอภิปรายนโยบายของรัฐบาลตอนหนึ่งว่า ตนจะอภิปรายในหัวข้อเศรษฐกิจโดยเสนอแนวคิดทำแถลงนโยบายนี้ให้เป็นเสมือนจีพีเอส คอยบอกเราว่ารัฐนาวาแห่งนี้แล่นไปทางไหน มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ใดรวมถึงด้วยวิธีการและเส้นทางใด เหมือนหรือต่างกับที่เคยสัญญา กับผู้ร่วมเดินทางหรือโหวตเตอร์ของพวกเขา และจะเดินทางถึงเป้าหมายเมื่อไร ซึ่งรัฐบาลนี้เกิดขึ้นจากการผิดคำพูดผิดสัญญาไปแล้วหนึ่งรอบ และก่อนหน้านี้แกนนำของพรรคเพื่อไทย (พท.) มีโอกาสบริหารประเทศมาแล้วหนึ่งปี ซึ่งมีความผิดหวังเสียใจที่ไม่สามารถส่งมอบนโยบายมาแล้ว 1 รอบ
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ตนเห็นว่าโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีควรใช้การแถลงนโยบายนี้เป็นกลไกกู้คืนความเชื่อมั่น และศรัทธาของประชาชนต่อรัฐบาลใหม่ให้กลับคืนมา และควรเป็นสัญญาที่หนักแน่นว่าอีก 3 ปีข้างหน้า จะทำอะไรนำพาความก้าวหน้าอะไรมาให้ประชาชน และวิธีการอย่างไร ซึ่งคำสัญญาจะแสดงถึงการรับผิดรับผิดชอบต่อประชาชน และจากการตรวจนโยบายที่แถลงพบว่าไม่มีอะไรแตกต่างจากรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ยังเป็นจีพีเอสที่พาเราหลงทาง ซึ่งมักจะเขียนใช้คำกว้างๆ แต่ไม่รู้วิธีการทำ ซึ่งตนให้คะแนนการอธิบายรายละเอียดจากการย่อยนโยบายมากกว่าตอนแถลงของนายเศรษฐา
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ส่วนการกำหนดเป้าหมาย ซึ่งจะอยู่ที่ช่วงท้ายว่า "เพื่อสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีศักดิ์ศรี เพื่อนำพาความภาคภูมิใจมาสู่คนไทย และประเทศไทย" ตนมองว่าเป้าหมายไม่ชัด ซึ่งปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อประชาชนต้องการตรวจสอบว่าทำนโยบายแล้วหรือไม่ แต่หากเทียบกับนายกรัฐมนตรีท่านอื่นๆ ตนยังคงมอบมงให้กับคำแถลงนโยบายของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งมีการบอกชัดเจนว่าสังคมเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรในปีไหน นอกจากนี้ ยังมีรายละเอียดที่ชัดเจนมาก
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ในครั้งนี้หลายนโยบายเขียนไม่ชัดเจน และบางนโยบายจางหายไป เช่น นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเรื่องการเติมเงิน 1 หมื่นบาท โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งที่ผ่านมามีการเขียนครบและชัดเจน แต่การแถลงนโยบายในครั้งนี้ คำว่า 1 หมื่นบาท หายไป ซึ่งขอให้รัฐบาลตอบมาว่าจะยังได้รับเงิน 1 หมื่นบาท อยู่หรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนทวงถามกันมา และสิ่งที่เป็นนโยบายเพิ่มเติมขึ้นมา รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แปลงร่างเป็นค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย ซึ่งนโยบายที่แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาไม่เหมือนกับที่เคยหาเสียงไว้ แต่เหมือนกับวิสัยทัศน์ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ได้พูดไว้เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกัน 11 จาก 14 ประเด็น เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต ที่บอกว่าเริ่มจากกลุ่มเปราะบางก่อน ขุดเศรษฐกิจใต้ดินเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ดันจีดีพีโต 50% รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เวนคืนรถไฟฟ้าที่เอกชนบริหารมาเป็นของรัฐ หรือแม้แต่ขยายขยายกองทุนวายุภักษ์
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า แม้จะไม่มีในคำแถลงนโยบาย แต่รัฐบาลได้ดำเนินการทำเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหลายสิ่งอาจจะเป็นการรีไซเคิลซิกเนเจอร์ของรัฐบาลไทยรักไทย โครงการพักหนี้ โครงการแลนด์บริดจ์ หรือรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งมีการเปรียบเทียบนโยบายสมัยพรรคไทยรักไทย และพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ใช่เพียงแค่นโยบายตรงกัน แต่เหมือนระดับมิลเลอร์ AAA+ เช่น รัฐบาลนายทักษิณเคยบอกประเทศไทยมีเศรษฐกิจใต้ดินสูงมากเกือบ 50% ขณะที่รัฐบาล น.ส.แพรทองธาร ก็บอกว่าเราจะสร้างรายได้ใหม่ของรัฐบาล เศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดิน เข้าสู่ระบบภาษี ที่คาดว่ามีมูลค่าสูงกว่าร้อยละ 50% ของ GDP ซึ่งความเหมือนนี้ตนมองว่าอาจจะมีปัญหา ซึ่งไม่ใช่เรื่องการครอบงำ แต่จะเป็นปัญหาเรื่องความรับผิดชอบ การที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเขียน ใครเป็นคนวางนโยบาย ทำให้การตรวจสอบทำได้ยาก และต่อไปการประชุมคณะรัฐมนตรีอาจจะเป็นเพียงพิธีกรรม เพราะเรื่องสำคัญอาจถูกตัดสินมาแล้วจากที่อื่น
"คำพูดและถ้อยคำที่เหมือนกัน แต่เอฟเฟคที่เกิดขึ้นไม่เหมือนกัน ซึ่งเราอยากเห็นนายกรัฐมนตรีที่สร้างความน่าเชื่อถือความมั่นใจให้กับประชาชนได้ว่าจะเป็นคนที่ดำเนินนโยบายที่แถลงเองจริงๆ ซึ่งยังไม่สาย และขอให้ท่านได้มาตอบด้วยตนเองในรายละเอียด ทั้งเรื่องมาตรการเป้าหมายกำหนดระยะเวลาของแต่ละนโยบายว่าจะทำอย่างไร เพราะเราอยากเห็นนายกรัฐมนตรีที่มีแสงสว่างในตัวเอง เป็นดาวฤกษ์ไม่ใช่ดาวเคราะห์อย่างเช่นดวงจันทร์ที่สองสว่างโดยการใช้แสงจากพระอาทิตย์ และวันที่พระอาทิตย์สว่างจ้าเราจะไม่เห็นดวงจันทร์" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะที่มีการอภิปราย นายวัชระพล ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วง ว่าตั้งแต่พูดมายังไม่เห็นมีการพูดถึงนโยบายรัฐบาล น.ส.แพทองธาร เราวนเวียนแต่เรื่องในอดีต ซึ่ง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานในที่ประชุม ได้วินิจฉัยให้ น.ส.ศิริกัญญา พูดถึงนโยบายในปัจจุบันมากกว่านโยบายที่เกิดขึ้นในอดีต
จากนั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเคยอภิปรายตามมาตรา 152 ไปแล้วเมื่อเดือน เม.ย.ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงไปมาหลายรอบ ทั้งเรื่องจำนวนประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์ และระยะเวลาในการแจก รวมถึงแอพพลิเคชันในการดำเนินการ และงบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการ ที่มีการเปลี่ยนแปลงมาแล้วถึง 7 รอบ ซึ่งจะมีการใช้งบกลางปี 67 ให้นำมาแจกเป็นเงินสดในโครงการก่อน ส่วนที่เหลือพยายามแบ่งงบปี 68 ทั้งกู้เพิ่ม ตัดลดงบใช้หนี้ชำระแบงก์รัฐ ก็ยังไม่เพียงพอที่จะจ่ายให้ครบ 45 ล้านคน ซึ่ง นายภูมิธรรม เวชยชัย นายกรัฐมนตรี มีการแถลงว่าจะมีการแบ่งจ่ายเป็นสองงวด งวดละ 5,000 บาท และหากระบบชำระเงินเสร็จทันจะแจกเป็นเงินดิจิตอล แต่หากไม่ทันจะแจกเป็นเงินสด ซึ่งตนอยากฟังให้ชัดเจนว่าโครงการนี้จะจบอย่างไร และวันที่ 15 ก.ย.นี้ จะหมดเขตในการลงทะเบียน เพื่อจะได้ทราบว่ากลุ่มเป้าหมายมีกี่คน และจะหาเงินจากไหนมาแจก และยังจะแจกจำนวน 1 หมื่นบาท หรือไม่ และจะแจกเป็นเงินสดหรือดิจิทัลวอลเล็ต
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า ตนขอให้รัฐบาลใหม่ได้ตั้งสติว่าการนำนโยบายเรือธงมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ซึ่งขอเดาว่ามีมือที่มองไม่เห็นที่คอยมาสั่งอย่างเดียว จะเอาให้ได้ แต่ไม่รู้ว่าหน้างานเป็นอย่างไร และกฎหมายเปลี่ยนไปขนาดไหนแล้ว ฐานะการคลังรับได้แค่ไหน เมื่อไม่ได้คิด สักแต่จะทำให้ได้ เพราะเป็นนโยบายเรือธงโครงการใหญ่ "เจ๊งไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้" และขณะนี้เหมือนเป็นอาการเมาหมัด ทำๆ ไปก่อน สุดท้ายเครดิตและความเชื่อมันต่อรัฐบาลจะไม่เหลือ ซึ่งพายุหมุนที่คาดหวังจะกลายเป็นความกดอากาศต่ำ
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อไปอีกว่า นอกจากนี้ เรื่องการปฏิรูประบบราชการถือว่ามีความสำคัญ เพราะมีการเขียนถึงความท้าทายเป็นรัฐราชการรวมศูนย์อุ้ยอ้าย ไร้ประสิทธิภาพ สิ่งนี่จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญของรัฐบาลชุดนี้ว่าจะมีการเคลมเครดิตจากการเคยทำอะไรสำเร็จไว้ในอดีตได้หรือไม่ เพื่อจะได้พิสูจน์ว่าน้ำยาหรือศักยภาพที่เคยมีเมื่อ 20 ปีก่อนจะคงอยู่หรือไม่ แต่หากวิเคราะห์ตามนโยบายที่ออกมาเรื่องการปฏิรูประบบราชการ ตนรู้สึกว่าจะเป็นทางออกหรือทางรอดของการปฏิรูประบบราชการไทย ผ่านถ้อยคำการแถลงนโยบายครั้งนี้
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี