ฟ้องให้เป็นบรรทัดฐาน! ‘ไพบูลย์’ย้ำใครเผยแพร่-ใช้ประโยชน์‘คลิปดักฟัง’ผิดกฎหมายมีโทษถึงคุก
เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2567 นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กับรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในประเด็นคลิปเสียงคาดว่าเป็นการดักฟังโทรศัพท์และได้มียื่นฟ้องสื่อที่นำมาเผยแพร่ไปแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาบอกว่าเคยเตือนไปแล้วให้ระวัง ว่า จากการตรวจสอบร่วมกับทีมที่ดูประเด็นนี้ ก็พอสรุปได้แล้วว่าน่าจะเป็นใครบ้าง
โดยเบื้องต้นเท่าที่พอจะพูดได้ คนหนึ่งเคยเป็นสมาชิกพรรค ส่วนอีกคนหนึ่งปัจจุบันยังคงเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อหรือตัวอักษรย่อ แต่รู้ว่ามีอย่างน้อย 2 คนที่เกี่ยวข้อง แต่เมื่อคดีไปถึงศาล ทนายความฝ่ายตนที่เป็นโจทก์ก็ต้องถามสื่อที่เป็นคู่กรณีอยู่แล้วว่าได้รับคลิปเสียงดังกล่าวมาอย่างไร หรือแม้แต่ในชั้นพนักงานสอบสวน ตำรวจก็คงต้องถามเช่นกัน แต่จะบอกหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ก็ถือว่าคลิปนี้ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ เคยมีคดีที่คล้ายกัน คือกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำกลุ่ม นปช. ถูกศาลอาญาลงโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา ในความผิดฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใดๆ เพื่อดักรับไว้ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยข้อความข่าวสาร หรือข้อมูลอื่นใด ที่มีการสื่อสารทางโทรคมนาคม โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 มาตรา 74 ซึ่งแม้บุคคลที่เป็นเจ้าของเสียงในคลิปที่นายจตุพรนำมาเผยแพร่จะไม่เอาความ แต่คดีนี้เป็นความผิดต่อรัฐ ศาลจึงสั่งลงโทษได้
แต่ในส่วนคดีของตน เป็นการฟ้องตาม ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฉบับที่ 21 เรื่อง ห้ามการดักฟังทางโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารใด ซึ่งในข้อ 2 ระบุว่า ผู้ใดรับรู้ข้อความที่ได้มาจากการกระทำความผิดตามข้อ 1 ใช้ประโยชน์หรือเปิดเผย ข้อความนั้นต่อผู้อื่น โดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เท่ากับข้อหานี้โทษจะหนักขึ้น
อนึ่ง ตนอยากเน้นให้ใช้คำว่า “คลิปดักฟัง” ไม่ใช่ “คลิปลับ” เพราะคลิปลับบางทีเจ้าตัวก็มีเจตนาทำเองแต่เป็นความลับ ซึ่งแบบนั้นไม่ผิดกฎหมาย แต่คลิปดักฟังคือการลักลอบดักฟัง คือเจ้าตัวไม่ได้ต้องการให้ใครรับรู้เรื่องที่สนทนา ส่วนจะมีการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการดักฟังหรือไม่ ขณะนี้กำลังตรวจสอบหาพยานหลักฐาน หากเป็นบุคคลที่ดักฟังโทษจะเท่ากับผู้เผยแพร่ แต่หากเป็นผู้บงการให้บุคคลอื่นไปดักฟังโทษจะหนักขึ้น
“เรื่องนี้ก็ถือเป็นบรรทัดฐานสำหรับสังคม การจะไปใช้คลิปที่มาจากการลักลอบดักฟังมันผิดกฎหมาย จะมาเผยแพร่หรือใช้ประโยชน์ กฎหมายเขียนว่านำมาใช้ประโยชน์หรือเปิดเผยก็ผิดแล้ว” นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย นำเรื่องคลิปเสียงไปร้องเรียน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับหน่วยงานต่างๆ จะสามารถใช้เป็นข้อมูลได้หรือไม่ ก็มีเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เท่านั้นที่ใช้คลิปเสียง ไม่มีการใช้ที่หน่วยงานอื่น แต่นายพร้อมพงศ์ก็ถูกมองว่าเป็นผู้นำคลิปดักฟังมาใช้ประโยชน์
ส่วนกรณีที่มีการพูดกันว่า พรรคพลังประชารัฐมีคลิปลับบ้านจันทร์ส่องหล้า และคลิปลับชั้น 14 ทำให้เป็นที่มาของการเผยแพร่คลิปเสียงดังกล่าวหรือไม่ ตนมองว่าจะไปเปรียบเทียบอย่างนั้นไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นว่าบ้านจันทร์ส่องหล้ามาดำเนินการ อย่าไปกล่าวหาเขาเลย และตนยืนยันว่าไม่มีคลิปลับบ้านจันทร์ส่องหล้า ในส่วนที่ตนทราบ และ พล.อ.ประวิตร ท่านก็ไม่มีของผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่หากใครมี ถ้ามาจากการดักฟังก็อย่านำไปใช้เพราะจะผิดกฎหมาย บ้านจันทร์ส่องหล้าซึ่งตนไม่ได้หมายถึงใคร หากมีคนนำคลิปไปใช้ก็สามารถมาใช้ข้อกฎหมายเดียวกันได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี