'พรรครวมแผ่นดิน'แปลงโฉมเป็น'ก้าวอิสระ' ด้าน'มาดามหยก'ลั่นไม่ใช่พรรคแตกแบงค์พันของ'พปชร.' เชื่อเลือกตั้ง70 พร้อมกว่าปีที่ผ่านมา 

เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2567 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ พรรครวมแผ่นดินได้จัดประชุมใหญ่วิสามัญจำปี 2567 เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกรรมการบริหารพรรค และเลือกหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่รวมถึงเปลี่ยนชื่อพรรคใหม่เป็น "พรรคก้าวอิสระ" หรือชื่อเล่นว่าพรรคอินดี้

สำหรับผลการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่นั้น ที่ประชุมใหญ่ของพรรคมีมติเลือก น.ส.กชพร เวโรจน์ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยพรรคก้าวอิสระ จะมีโลโก้พรรคเป็นรูปสามเหลี่ยม สีม่วง อยู่ในวงกลมซึ่งเป็นสีรุ้ง โดยสีรุ้งหมายถึงความหวัง  ขณะที่ชื่อเล่นของพรรคคือพรรคอินดี้ หมายถึงต้องการอิสระทางความคิด และอิสระทุกด้าน สีรุ้งคือสีที่รวมความเป็นอิสระเพื่อทำให้เกิดความสามัคคี และคนไทยกลับมามีความสุข ไม่ทะเลาะกัน ทุกพรรคสามารถทำงานร่วมกันได้ เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน 

น.ส.กชพร เปิดเผยว่าส่วนตัวทำงานเบื้องหลังมาโดยตลอด วันนี้เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนอะไรเดิมๆ และมองว่าควรที่จะเปิดใจ เปิดตัวเอง โดยมีความตั้งใจอยากสร้างบ้านหลังหนึ่งเป็นที่พักใจของประชาชนที่รู้สึกเบื่อไม่รู้จะไปทางไหน ก็สามารถมาพักใจได้ที่พรรคก้าวอิสระ หรือ Independent Party  ชื่อย่ออินดี้ โดยเปลี่ยนชื่อพรรคจากรวมแผ่นดิน เนื่องจากที่ผ่านมาเราทำการเมืองแบบเดิมๆ แต่ในครั้งนี้ก็ได้ขอกับทางผู้ใหญ่ว่าอยากจะทำบ้านให้เป็นทางเลือกประชาชน  เพราะปีนี้ก็เป็นปี 2024 แล้ว เราควรที่จะมีอะไรใหม่ๆ และอยากที่จะ Transform ประเทศ อยากให้ทุกคนหันกลับมารักกัน และส่วนตัวเห็นว่ายังไม่มีพรรคการเมืองไหนที่เริ่มจริงจัง กับทุกเพศ ทุกวัย หลากหลายอาชีพ เพราะประเทศไม่ได้มีแค่วัยใดเพียงวัยหนึ่ง เพศใดเพศหนึ่ง ดังนั้นจึงเกิดพรรคก้าวอิสระขึ้น ซึ่งประกอบด้วยคนทุกเพศทุกวัย เราไม่อยากทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้น 

น.ส.กชพร กล่าวว่า เราเป็นพันธมิตรกับทุกพรรคการเมือง เพราะดูจากสีของโลโก้พรรคแล้วจะเห็นว่ามีทุกสี เป็นการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจว่าเราคบทุกพรรค รักทุกคน ไม่มีเหตุผลใด ที่จะต้องแบ่งสี แบ่งฝ่ายเพราะเป็นคนไทยด้วยกัน และเกิดในแผ่นดินเดียวกัน 

เมื่อถามว่าในพรรคมี Big name หรือ นักการเมืองที่มีชื่อเสียงร่วมด้วยหรือไม่ น.ส.กชพร กล่าวว่า อาจจะเป็นพรรคแรกของประเทศที่เชิญคนจากกลุ่มต่างๆ มาร่วมทำงาน โดยมีผู้ใหญ่ที่เป็นที่รู้จัก เช่น นายกสมาคมแพทย์อาสา อาจารย์จากสถาบันต่างๆ ส่วนตัวไม่อยากใช้ big name เพราะต้องการให้เป็นพรรคของประชาชนจริงๆ มีตัวแทนกลุ่มอาชีพต่างๆ เข้ามาร่วมงานเช่นตัวแทนของกลุ่ม Influencer ตัวแทน Freelance ตัวแทนเกษตรกรชาวนา ตัวแทนของผู้พิการ หรือกลุ่มเปราะบาง ตัวแทนกลุ่มผู้สูงวัย ตัวแทนของ LGBTQ และทุกกลุ่มอาชีพ  

อย่างไรก็ตามพรรคยังต้องการบุคลากรที่จะมาร่วมงานกับพรรค คือกลุ่มคนทำงานอิสระ คนขับขี่แท็กซี่ หรือ Platform delivery รวมถึงทุกอาชีพที่เป็นคนไทย 

เมื่อถามว่าที่มาของพรรคเป็นกลยุทธ์แตกแบงค์พันจากพรรคพลังประชารัฐ แกนนำเดิมยังคงอยู่หรือยังมีความเกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ น.ส.กชพร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ครั้งนี้ตนอยากมีพรรคที่มีความเป็นกลาง ให้เกิดประชาธิปไตยที่จริงใจในประเทศไทย ไม่ใช่วาทกรรมเป็นประชาธิปไตยแต่การกระทำสวนทาง  ซึ่งพรรคจะเน้นด้านศิลปวัฒนธรรม เน้นลงพื้นที่ไปอยู่กับประชาชน และทำวิสาหกิจชุมชนมาต่อยอดให้ออกไปสู่สายตาชาวโลก เป็นนวัตกรรมหรือสิ่งใหม่ๆ  ยืนยันว่าครั้งนี้ไม่ใช่พรรคที่แตกแบงค์พันแน่นอน เพราะมีความเป็นอิสระเหมือนชื่อของพรรค 

"ก้าวอิสระ ก็คือการที่เราต้องการที่จะ Transform thailand และ Step forwards to future for change"

เมื่อถามว่าจะสลายขั้วการเมืองที่คนมองว่าผูกติดกับขั้วใดขั้วหนึ่งแล้วมายืนอยู่ตรงกลางได้อย่างไร น.ส.กชพร กล่าวว่า เมื่อตอนที่ยังเป็นพรรครวมแผ่นดิน ส่วนตัวก็มีความเป็นกลาง เพราะใช้โลโก้พรรคเป็นสีรุ้งมาโดยตลอด ซึ่งแสดงถึงความเป็นกลาง โดยผู้ใหญ่ที่เคารพก็สอนมาโดยตลอด อยากให้มีพรรคที่เป็นกลางจริงๆ แต่ยังไม่มีใครกล้าก้าวออกมาทำ เพราะจะถูกมองว่าไม่มีความเป็นกลางจริง ทั้งนี้ส่วนตัวสามารถทำงานร่วมกับทุกพรรคการเมืองได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล  และมองว่าทำงานร่วมกับฝ่ายค้านก็สนุกดี หรือสามารถทำงานร่วมกับรัฐบาลก็ได้ เพราะจะมีโครงการไปช่วยเหลือประชาชน แต่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็เป็นคนไทยด้วยกัน 

ผู้สื่อข่าวถามถึงความพร้อมในการส่งผู้สมัครลงแข่งขันในการเลือกตั้งทั่วประเทศปี 2570 น.ส.กชพร กล่าวว่า ในการเลือกตั้งปี 2570 น่าจะมีความพร้อมกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นส่วนตัวลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรครวมแผ่นดินในพื้นที่ภาคเหนือ แม้จะเปิดตัวเพียงไม่กี่เดือน แต่คะแนนในพื้นที่ภาคเหนือก็สูงพอสมควร แพ้ให้กับภาคก้าวไกลเพียงไม่กี่คะแนน โดยพรรคเน้นพลังบริสุทธิ์จริงๆ และสำหรับครั้งนี้ก็เพิ่มนโยบายพลังงานสะอาด พลังงานทดแทนเข้ามาเป็นนโยบายแก้ไขปัญหาปากท้อง  ช่วยเหลือประชาชนในเรื่องปากท้อง ต้นทุนในครัวเรือน คาดหวังว่าจะได้มีโอกาสเข้ามาพัฒนาด้านการศึกษา เพราะต้องการพัฒนาเยาวชนของประเทศได้อย่างตรงจุด