วันอาทิตย์ ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
พปชร.ลุยค้าน‘MOU44’ ฟาดรัฐบาลทำขั้นตอนผิด คาใจมีประโยชน์ซ่อนเร้น

พปชร.ลุยค้าน‘MOU44’ ฟาดรัฐบาลทำขั้นตอนผิด คาใจมีประโยชน์ซ่อนเร้น

วันศุกร์ ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567, 13.00 น.
Tag : กัมพูชา เกาะกูด ธีระชัย นายกฯอิ๊งค์ พปชร พลังประชารัฐ แพทองธาร หม่อมกร อุ๊งอิ๊งค์ MOU44
  •  

พปชร.ไม่หยุด เดินหน้าค้าน"MOU44" ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง"นายกฯอิ๊งค์" "ธีระชัย-หม่อมกร"ยืนยันเป็นโมฆะ ฟาดรัฐบาลทำขั้นตอนผิด น่าสงสัยมีประโยชน์ซ่อนเร้น ท้าเปิดเวทีสาธารณะคุยให้กระจ่าง 3 ต่อ 3

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานร่วมศูนย์นโยบายและวิชาการ พร้อมด้วย ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ที่ปรึกษาศูนย์นโยบายและวิชาการ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (MOU) ปี 2544 ภาคต่อ EP 3


โดย นายธีระชัย กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยจะส่งไปยังรัฐบาลในวันนี้ เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับข่าวที่ปรากฏว่า รมว.ต่างประเทศ จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคชุดใหม่ (JTC) เพื่อเจรจากับกัมพูชาในกรอบเอ็มโอยู 2544 ซึ่งการแต่งตั้งเช่นนี้อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ โดยตนมีข้อมูลที่เป็นพยานหลักฐาน 2 อย่าง คือ 1.มีพยานเอกสารหลักฐานราชการ ซึ่งมีบทความที่เขียนโดยนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ผู้ที่ลงนามเอ็มโอยู และ 2.แถลงการณ์ร่วมที่ลงนามโดย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน โดยมีข้อความสำคัญที่ปรากฏคือ ข้อความบรรยายว่าทั้งสองไปทำหน้าที่เป็นประธานในพิธีลงนามเอ็มโอยู 2544 รวมถึงมีข้อความที่ระบุชัดเจนว่าทั้งสองฝ่ายให้การรับรองเอ็มโอยู 2544 ดังนั้น จึงเป็นการยืนยันว่าเอ็มโอยู 2544 มีสถานะเป็นสนธิสัญญา

นายธีระชัย กล่าวต่อว่า ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาตรา 24 บัญญัติไว้ว่าพระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาต่างๆ กับนานาประเทศ ดังนั้น การที่เอ็มโอยู 2544 ไม่ได้มีการกราบบังทูลต่อพระมหากษัตริย์ก็ไม่ตรงกับข้อบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2540 และหนังสือใดที่มีการเปลี่ยนแปลงบทอำนาจแห่งรัฐต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งในเอ็มโอยู 2544 มีแผนที่แนบด้วย ซึ่งแผนที่แนบนั้นมีการกำหนดสิ่งที่เราเรียกว่าพื้นที่พัฒนาร่วม รวมถึงมีการกำหนดไว้ด้วยว่าพื้นที่พัฒนานั้น มีการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ในเรื่องของปิโตรเลียมในพื้นที่สีเขียว แต่ไม่ได้กำหนดให้ไปขยับเส้นอานาเขตพื้นที่สีเขียว ดังนั้น เอ็มโอยู 2544 จึงเป็นเอ็มโอยูที่ทั้ง 2 ประเทศยอมรับพื้นที่สีเขียวเป็นพื้นที่พัฒนาร่วมกันทางปิโตรเลียม

นายธีระชัย กล่าวต่อว่า การยอมรับเช่นนั้นทำให้เกิดผลคือ ทำให้พื้นที่สีเขียวตรงนั้นแหว่งออกไป และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายพื้นที่ ลักษณะเช่นนี้จึงควรต้องมีการนำเสนอต่อรัฐสภา แต่ในเมื่อเอ็มโอยู 2544 ไม่ได้มีการกราบบังคมทูลต่อพระมหากษัตริย์และนำเสนอต่อรัฐสภา ตนจึงมีความเห็นว่าเป็นส่วนที่สัญญาซึ่งเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับมาตั้งแต่ต้น รวมถึงประชาชนเกิดความสงสัย เพราะมีข้อพิรุธสำคัญว่า ทำไมรัฐบาลในปี 2544 จึงทำขั้นตอนกลับทางจากกรณีไทย-มาเลเซียที่การกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมเป็นผลสุดท้ายจากการเจรจา แต่เอ็มโอยูกลับไปให้กำเนิดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมตั้งแต่ต้น อันเป็นกรอบที่บีบการเจรจา ทั้งที่จะทำให้ไทยเสี่ยงเสียดินแดน

นายธีระชัย กล่าวว่า การเจรจาความเมืองต้องใช้ทางราชการเป็นหลัก ไม่ใช่เอาคนที่มีผลประโยชน์ เป็นภาคเอกชนเข้าไปร่วม ซึ่งประชาชนมีความกังวลว่าเอ็มโอยูที่ไม่มีการเจรจาอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมให้เสร็จเสียก่อน น่าสงสัยว่ามีประโยชน์ซ่อนเร้น  และน่าสงสัยว่าเหตุผลแท้จริงของแถลงการณ์ร่วมนั้นอาจเพื่อมุ่งเรื่องปิโตรเลียมเป็นสำคัญ ทำไมอยู่ดีๆไปทำเอ็มโอยู แล้วเอาแผนที่ไปใส่ ถือเป็นข้อพิรุธ และทำให้กัมพูชาดีใจเพราะได้ประโยชน์ แต่กลับทำให้ประเทศไทยเกิดความเสี่ยงในการเสียดินแดน และยังไปยอมรับเส้น ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตยของเกาะกูด ประชาชนจึงกังวลว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ และที่สำคัญในตอนนั้นปรากฎว่านายทักษิณ ก็เดินทางไปที่กัมพูชา เพื่อไปเป็นประธานในพิธีลงนามร่วมกับ นายฮุนเซ็นด้วย

"ยืนยันว่าเราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่รัฐบาลและรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล มีหน้าที่ต้องทำทุกอย่างให้กระจ่างต่อประชาชน ซึ่งวิธีที่สุดคือการจัดเวทีสาธารณะขึ้นมาพูดคุยกันฝ่ายละ 3 คน รัฐบาลก็ส่งคนที่ได้รับอำนาจเต็มในการชี้แจงเรื่องนี้ มาพูดคุยกับตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ โดยมีผม ม.ล.กรกสิวัฒน์ และนายสนธิรัตน์ ประชาชนจะได้เกิดความกระจ่าง" นายธีระชัย กล่าว

ด้าน ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า การที่นายสุรเกียรติ์บรรยายเรื่องเอ็มโอยู 2544 เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น ผิดพลาดคลาดเคลื่อนอยู่มากถึงสาเหตุของการเกิดพื้นที่ทับซ้อน โดยนายสุรเกียรติ์ ระบุว่าเนื่องจากกฎหมายทะเลสากลให้ทุกประเทศประกาศเขตเศรษฐกิจออกไปได้ 200 ไมล์ทะเล แต่อ่าวไทยมีความกว้างไม่ถึง 200 ไมล์ทะเล เมื่อไทยและกัมพูชาต่างฝ่ายต่างประกาศเขตเศรษฐกิจ 200 ไมล์ทะเล จึงทับซ้อนกัน ซึ่งขณะที่นายสุรเกียรติ์ เซ็นเอ็มโอยู 2544 กับกัมพูชานั้น น่าจะเข้าใจกฎหมายทะเลสากลไม่ถูกต้องทั้งเรื่องทะเลอาณาเขต และการลากเส้นเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเล ปรากฎตามอนุสัญญาเจนีวา 1958 ข้อ 12 และอนุสัญญาสหประชาชาติ 1982 ข้อ 15 ที่บัญญัติว่ากรณีที่ฝั่งทะเล 2 รัฐประชิดกัน ถ้าไม่ได้ตกลงเป็นอย่างอื่น รัฐใดย่อมไม่มีสิทธิขยายทะเลอาณาเลยเลยเส้นมัธยะ

ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวต่อว่า กรณีไทย-กัมพูชา เส้นมัธยะ คือ เส้นที่มีจุดเริ่มต้นจากหลักเขตที่ 73 สุดแดนจังหวัดตราดลากลงทะเล แบ่งกึ่งกลางระหว่างเกาะกูดกับเกาะกง เพื่อความเป็นธรรมในการเดินเรือ ดังนั้น การขีดเส้น 200 ไมล์ทะเลจึงต้องลากต่อออกไปจากเส้นมัธยะนี้ ไม่ใช่แบบที่นายสุรเกียรติ์ อธิบายทำให้ผู้ฟังเข้าใจผิดได้ว่า ทุกประเทศมีสิทธิไปลากเส้นจากฝั่งทะเลไปทิศทางใดก็ได้ 200ไมล์ ตามอำเภอใจแบบที่กัมพูชาทำ พื้นที่ทะเลรอบเกาะกูดของไทยจึงถูกกัมพูชาลากเส้นทับซ้อน ตั้งแต่ชายฝั่งไปชนเกาะกูด ซึ่งกรณีเช่นนี้ไม่ปรากฏแบบนี้ที่ใดในโลก

นอกจากนี้ นายสุรเกียรติ์ยังขาดข้อมูลเกี่ยวกับการเจรจาระหว่างไทยกับมาเลเซีย พม่า และเวียดนาม ที่ประสบผลสำเร็จมีลำดับขั้นตอน ดังนี้ 1.คณะรัฐมนตรีตั้งคณะเจรจาขึ้นก่อน 2.กรอบการเจรจา คือ กฎหมายทะเลสากล 3.ทำเอ็มโอยูเพื่อบันทึกผลสำเร็จของการเจรจา และ 4.ประกาศพระบรมราชโองการ รองรับเส้นเขตแดนใหม่ที่เป็นผลของการเจรจา ซึ่งทุกกรณีจะใช้กฎหมายทะเลสากลเป็นกรอบในการเจรจาทั้งสิ้น ตามที่นายประจิตต์ โรจนพฤกษ์ อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ผู้แทนการเจรจากรณี ไทย-มาเลเซีย ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ให้ฟัง ส่วนเอ็มโอยูจะเกิดขึ้นเป็นขั้นตอนเกือบสุดท้าย เพื่อบันทึกผลสำเร็จของการเจรจานั้นๆ ซึ่งการเจรจาทุกประเทศมีเป้าหมายสำคัญสูงสุดคือ การกำหนดเส้นเขตแดนให้ถูกต้องเป็นอันดับแรก ไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ปิโตรเลียม

"กรณีไทย-กัมพูชา จึงผิดแผกแตกต่างจากทุกกรณีที่เคยมีมา เรียกว่าเกิดขึ้นแบบย้อนเกล็ด คือ เกิดเอ็มโอยูขึ้นก่อน แล้วอ้างว่าเอ็มโอยูเป็นกรอบการเจรจา และอาจขัดพระบรมราชโองการ เพราะนำเส้นเขตแดนทางทะเลที่ผิดกฎหมายสากลของกัมพูชามาใส่ไว้ในแผนที่แนบท้าย แม้จะเขียนไว้ในข้อ 5 ของเอ็มโอยูว่าไม่ได้ยอมรับเส้นของกัมพูชา แต่การรับรู้ถึงเส้นอ้างสิทธิที่ผิดกฏหมาย ก็ถือว่า ขัดกับหลักการเดิมโดยสิ้นเชิง" ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว

ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวอีกว่า การที่ระบุว่าเอ็มโอยูจะไม่กระทบต่อการอ้างสิทธิของไทยและกัมพูชา หากการเจรจาล้มเหลว ข้อนี้ถือว่าเสียเหลี่ยมให้กัมพูชา เพราะเส้นเขตแดนทางทะเลของกัมพูชานั้น นำไปอ้างที่ไหนในโลกไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายสากล แต่กลับปรากฏขึ้นในเอกสารราชการไทยที่ลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย นำมาลงนามในแถลงการณ์ร่วมก็จะกลายเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ให้กัมพูชานำมาอ้างในอนาคตได้เช่นกัน

ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราพูดแน่ละฝ่ายมาเยอะแล้ว จึงอยากให้มีการจัดเวทีให้ทุกฝ่ายส่งคนที่สามารถพูดเรื่องนี้ได้มาคุยกัน 3 ต่อ 3 เรายินดีเจอทุกเวที ประชาชนจะได้เห็นว่า เรากับรัฐบาลใครที่ถือตัวจริงกันแน่

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเคลื่อนไหวเรื่องนี้ ได้มีการพูดคุยกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตร ที่จะมายื่นหนังสือเรื่องนี้กับนายกรัฐมนตรีในวันจันทร์ที่ 9 ธ.ค.นี้ด้วยหรือไม่ นายธีระชัย กล่าวว่า ไม่มีการประสานกันเลย

- 006

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ปรับครม.ยังวุ่นไม่เลิก รทสช.ข่ถอนตัว ขวาง‘สุชาติ’นั่งรมช.มท. ปรับครม.ยังวุ่นไม่เลิก รทสช.ข่ถอนตัว ขวาง‘สุชาติ’นั่งรมช.มท.
  • ดังกึกก้องอนุสาวรีย์ชัย! \'กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน\' อ่านแถลงการณ์ ไล่บี้\'แพทองธาร\' ลาออกจากนายกฯ ดังกึกก้องอนุสาวรีย์ชัย! 'กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน' อ่านแถลงการณ์ ไล่บี้'แพทองธาร' ลาออกจากนายกฯ
  • ‘สมชาย’จวก ‘อิ๊งค์’ ด้านได้อายอด ไร้ภาวะผู้นำ ทำประเทศเสียศักดิ์ศรี ‘สมชาย’จวก ‘อิ๊งค์’ ด้านได้อายอด ไร้ภาวะผู้นำ ทำประเทศเสียศักดิ์ศรี
  • \'เรวัช\'ร่วมม็อบปกป้องอธิปไตย ลั่นให้\'กัมพูชา\' รู้ว่าอย่ามา \'ส.ใส่เกือก\' กับประเทศไทย 'เรวัช'ร่วมม็อบปกป้องอธิปไตย ลั่นให้'กัมพูชา' รู้ว่าอย่ามา 'ส.ใส่เกือก' กับประเทศไทย
  • \'พิชิต\'เปิดหัวปราศรัย \'รวมพลังแผ่นดินฯ\' ตะเพิดไล่ \'อุ๊งอิ๊งค์\' ทำชาติล้มเหลว 'พิชิต'เปิดหัวปราศรัย 'รวมพลังแผ่นดินฯ' ตะเพิดไล่ 'อุ๊งอิ๊งค์' ทำชาติล้มเหลว
  • ‘นายกฯอิ๊งค์’ขึ้นดูน้ำท่วมเชียงรายแนะนำตัว‘ลูกพ่อทักษิณ’ บอกโดนด่า-โดนว่า แต่ได้กำลังก็โอเค ‘นายกฯอิ๊งค์’ขึ้นดูน้ำท่วมเชียงรายแนะนำตัว‘ลูกพ่อทักษิณ’ บอกโดนด่า-โดนว่า แต่ได้กำลังก็โอเค
  •  

Breaking News

ปะทะเดือดสุคิริน 15โจรใต้ลอบกัด ซุ่มกราดยิงยามเช้า เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ2

ฮีลใจสุดๆ ‘นิโคล เทริโอ’เปิดมินิคอนเสิร์ตขนเพลงดัง พบปะแฟนคลับอย่างอบอุ่น

‘หนุ่มแท่ง อารามทัวร์’พาทัวร์ ‘วัดจุกกระเฌอ’ จ.ชลบุรี กราบเกจิดัง สุดยอดสายเหนียว

‘เอ-แป้ง’นั่งรถอีแต๋นพาหาของเด็ด จ.กาญจนบุรี

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved