จวกยับ‘ฝ่ายแค้น’  ที่ปรึกษานายกฯโวยแหลก  จ้องดิสเครดิตรัฐบาลทุกเรื่อง

จวกยับ‘ฝ่ายแค้น’ ที่ปรึกษานายกฯโวยแหลก จ้องดิสเครดิตรัฐบาลทุกเรื่อง

วันพฤหัสบดี ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

จวกยับ‘ฝ่ายแค้น’

ที่ปรึกษานายกฯโวยแหลก

จ้องดิสเครดิตรัฐบาลทุกเรื่อง

‘บิ๊กป้อม’พ้นปธ.โอลิมปิคฯแล้ว

“สงคราม”อัดฝ่ายค้าน เล่นการเมืองโบราณ หาเหตุโจมตีรัฐบาล ทำตัวเป็นฝ่ายแค้น ดิสเครดิตรัฐบาลทุกเรื่อง ย้ำ “อิ๊งค์”เดินหน้าแก้ปัญหา
ให้คนไทยทั้งประเทศ มั่นใจยกระดับรายได้คนไทยได้แน่ สว.พันธุ์ใหม่โชว์ชูจุดยืนประชามติเสียงข้างมากชั้นเดียว ‘จตุพร’ท้าอำนาจเอาแต่ได้ ลั่นถ้ามั่นใจก็แบ่งประโยชน์ 50:50 เอาตามลูกพี่สบายใจ แล้วจะได้วัดกัน ส่วน’กิตติรัตน์’วืดเข้าครม.เชื่อรัฐบาลลังเล หวั่นเป็นหัวเชื้อคนแห่ต้าน

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม2567 นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชนทุกภาคส่วน ไม่เคยทอดทิ้งพร้อมแก้ปัญหาให้ประชาชนทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลางหรือภาคใต้ เมื่อเกิดปัญหารัฐบาลพร้อมร่วมมือกับทุกหน่วยงานทั้งในพื้นที่หรือส่วนกลางลงไปแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน การที่พรรคฝ่ายค้านหยิบสถานการณ์น้ำท่วมใต้ในพื้นที่ภาคใต้มาโจมตีรัฐบาลว่าไม่ให้ความสำคัญ เป็นการเล่นการเมืองแบบโบราณย้อนแย้งกับที่ตัวเองประกาศว่าเป็นพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ เพราะการกล่าวหาที่เลื่อนลอยไร้สติ เป็นการตอกย้ำว่าพรรคการเมืองที่ชูตัวเองว่าเป็นคนรุ่นใหม่ใช้วิธีการโจมตีรัฐบาลแบบโบราณหลับหูหลับตาโจมตีแบบไร้เหตุผล นโยบายสำคัญของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกฯคือ เดินหน้ายกระดับรายได้ประชาชน หลังจากต้องทนทุกข์มายาวนาน9ปี พร้อมกับการปฏิรูปอุตสาหกรรมทั้งระบบเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมทั่วโลก ที่ผ่านมาพบว่าแนวโน้มการส่งออกสินค้าเกษตรไทยมีโอกาสขยายตัวมากขึ้น ดังนั้นถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะขยายส่งออกไปตลาดต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ อย่างเต็มที่


รบ.อัดฝ่ายแค้นคอยจ้องแต่ดิสเครติด

“ขอยืนยันว่ารัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายเพื่อวางรากฐานรายได้ที่มั่นคงให้กับประชาชน แก้ปัญหาทุกเรื่อง แต่พรรคฝ่ายค้านที่ผันตัวเป็นพรรคฝ่ายแค้น เกรงว่าหากรัฐบาลเดินหน้านโยบายแก้ปัญหาให้ประชาชนสำเร็จจะกระทบกับฐานเสียงและการเลือกตั้งครั้งหน้า ดังนั้นการออกมาโจมตี ฉุดรั้ง หรือการด้อยค่านโยบายรัฐบาล แม้กระทั่งการหยิบยกเอาสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาอุทกภัยทั้งภาคเหนือและภาคใต้มาโจมตีรัฐบาล จึงเป็นการกระทำที่น่าละอายมาก ในขณะที่รัฐบาลกำลังจับมือทุกหน่วยงานแก้ปัญหาแต่อีกฝ่ายจ้องจับผิดไม่มาร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนจึงเป็นการกระทำที่ไม่น่าเกิดขึ้นกับนักการเมืองยุคนี้” นายสงคราม กล่าว

สว.พันธุ์ใหม่หนุนประชามติชั้นเดียว

ด้าน น.ส.นันทนานันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา(สว.) กลุ่มพันธุ์ใหม่ แถลงจุดยืนถึงร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติว่า ไม่ว่ามติของกมธ.ร่วมเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติจะออกมาเป็นอย่างไร แต่สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ที่เป็นเสียงข้างน้อยมีจุดยืนให้ใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมากชั้นเดียวในการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ เพราะทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ ตอบสนองเรื่องมุมมองทัศนคติ และเจตจำนงประชาชนได้ ไม่ควรกำหนดใช้เป็นเสียงข้างมาก 2ชั้น การทำประชามติควรเป็นเจตนาประชาชนเช่นเดียวกับการออกมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ถ้าไปกำหนดว่าการเลือกตั้งทุกครั้งต้องเป็นเสียงข้างมาก 2ชั้น อาจจะไม่ได้ตามเจตนารมณ์ประชาชน เพราะคนที่ไม่สามารถออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งอาจมีเหตุผลมากมายที่ไม่ออกมา การใช้เสียงข้างมากชั้นเดียวจะผลักดันให้การแก้รัฐธรรมนูญบรรลุเป้าหมาย ถ้าเป็นไปควรมีกรอบเวลาเร็วพอในการทำประชามติ ให้เสร็จทันการเลือกตั้งปี2570

ขณะที่ นายพรชัย วิทยเลิศพันธุ์ สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ กล่าวว่า การทำประชามติด้วยหลักเสียงข้างมาก 2ชั้นในต่างประเทศ ทำให้ผลการทำประชามติบิดเบือน เพราะจะส่งผลให้ฝ่ายที่ไม่ต้องการให้ประชามติผ่านจะรณรงค์ให้ประชาชนมาใช้สิทธิน้อยที่สุด อาจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ประชาชน ขณะนี้ต่างประเทศพยายามล้มการใช้หลักเสียงข้างมาก 2ชั้นทำประชามติ ไม่จำเป็นที่ไทยต้องไปยึดปฏิบัติตาม

‘จตุพร’ ท้าอำนาจเอาแต่ได้ ลั่นถ้ามั่นใจก็แบ่งประโยชน์ 50:50 เลย เอาตามลูกพี่สบายใจ แล้วจะได้วัดกัน ส่วน ‘กิตติรัตน์’ วืดเข้าครม.เชื่อรัฐบาลลังเล หวั่นเป็นปัญหาหัวเชื้อคนค้านขย่ม แม้กฤษฎีการะบุคุณสมบัติไม่เข้าข่ายข้าราชการการเมือง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้อ้างในศาล รธน.จะชนะทุกกรณีไป

‘จตุพร’เย้ยรบ.ยังไม่ตั้ง’โต้ง’กลัวม็อบ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ตั้งคณะกรรมการร่วมเจทีซี (JTC) เพื่อเจรจาปักปันเขตแดนในพื้นที่อ้างสิทธิ และ รมว.คลังไม่เสนอชื่อ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ให้ ครม อนุมัติเห็นชอบเป็นประธานบอร์ดแบ่งชาติ แสดงถึงอาการลังเล คงหวั่นจะเกิดปัญหาแรงต้าน จึงยากจะทำตามในสิ่งที่ต้องการผลประโยชน์เอาแต่ได้ นอกจากนี้ ครม.ยังไม่อนุมัติเห็นชอบให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาตินั้น แม้ความเห็นของกฤษฎีการะบุคุณสมบัติไม่เข้าข่ายข้าราชการการเมือง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้อ้างในศาล รธน.และจะชนะทุกกรณีไป โดยสมัยยิ่งลักษณ์ ความเห็นกฤษฎีกายังแพ้ทุกคดี ดังนั้น ตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ เป็นข้าราชการการเมืองหรือไม่ ยังไม่เป็นที่ยุติชัดเจน ถ้าทุกอย่างง่ายดาย บัดนี้การแต่งตั้งกิตติรัตน์ ต้องเรียบร้อยมาตั้งแต่การประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่แล้ว และการประชุม ครม.ที่กรุงเทพ ยังไม่อนุมัติเห็นชอบอีก จึงสะท้อนว่า การแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติไม่ง่ายเลย เพราะฝ่ายคัดค้านเป็นระดับตัวเป้ง มีความพร้อมที่จะสอยให้พ้นตำแหน่งได้เหมือนกัน

สงสัยMOU44ไม่พูดถึง’เชฟรอน’

นายจตุพร กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการร่วมเจทีซี เพื่อเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า เรื่องนี้เป็นของร้อนและคนที่ประชาชนเชื่อมั่นก็ไม่อยากเป็น เพราะเหมือนกับการเอามือซุกหีบและสุ่มเสี่ยงถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา ส่วน MOU 44 นั้น ฝ่ายคัดค้านให้ข้อเท็จจริงอย่างมีระบบ แต่ฝ่ายรัฐไม่เคยชี้แจงอย่างเป็นระบบเลย ดังนั้น ถ้าตั้งเจทีซี ขึ้นมาแล้วจะทำตามเป้าหมายอะไร จะเดินตามทางของทักษิณ ต้องการให้แบ่งผลประโยชน์50:50 หรือจะเอาตามนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร กำหนดว่า เธอกับฉันตกลงกันไม่ได้ ก็แบ่งผลประโยชน์กัน”ถ้าเจทีซี ได้รับโจทย์อย่างนี้แล้ว สถานการณ์ข้างหน้าคืออะไร ดังนั้น ถ้าตราบใดไม่ยึดเจรจาดินแดนทั้งบนบกและทะเลก่อน แต่มุ่งไปตกลงเรื่องผลประโยชน์พลังงานเป็นจุดหมายหลัก ซึ่งพลังงานเป็นสัมปทานของเชฟรอนโดยประชาชนได้แต่ค่าภาคหลวง อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสงสัยว่า ทำไมรัฐบาลไม่พูดถึงสัมปทานเชฟรอนเลย

‘บิ๊กป้อม’พ้นปธ.โอลิมปิคโดยสมบูรณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้รับรองการจดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทยชุดใหม่แล้ว เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการบริหารชุดใหม่จะอยู่ในวาระระหว่างวันที่ 9พ.ย.67–8พ.ย.71 รายชื่อคณะกรรมการบริหาร มีดังนี้ พล.ท.บุญชัย เกษตรตระการ นายกสมาคมฯ ,พล.ท.สุพล จันทร์ผ่อง อุปนายก,พล.ต.รัตนะโชติ อ่างทอง, พล.ต.ธนนท์ แสงนาค, พล.ต.ทวีศักดิ์ วงศ์ทวีทรัพย์ (อุปนายกและเหรัญญิก)/กรรมการ นางศรสวรรค์ พันธุมะบำรุง, นายอิทธิรัตน์ พลเยี่ยม, นายอุดม อ้าย, นายจิระเมศร์ ธนกุลอธิโรจน์, นายอัศวิน พูลทวี, นายจุมภฎอินทรนัฏ, นายฐานันท์ ไหลวารินทร์, นายพรชัย เวศย์วิบุล / เลขาธิการ นายโชติวิทย์ ธรรมสุจิตร

จากการรับรองการตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมชุดใหม่ ทำให้“บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายกสมาคมฯ วาระเก่า และคณะกรรมการบริหารชุดก่อนหน้านี้หมดหน้าที่ลง ทำให้ตอนนี้ พล.อ.ประวิตรไม่มีคุณสมบัติในการลงชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ วาระใหม่ ที่จะมีการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม 2568 นอกจากว่าจะสามารถเข้าไปเป็นนายกสมาคมกีฬา “แห่งประเทศไทย” กีฬาใดกีฬาหนึ่ง และต้องผ่านการรับรองการจดทะเบียนก่อนเดือนมีนาคม2568

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top