เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2568 นายเอกณัฏฐ์ เรืองเดชธนาวุฒิ  ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวอิสระ (indy) เปิดเผยว่าได้หารือกับนางสาวกชพร เวโรจน์ หัวหน้าพรรคก้าวอิสระ ว่าพรรคมี

นโยบายสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพอยู่แล้ว จึงได้เสนอโครงการตรวจสุขภาพฟรี รู้โรคป้องกันได้ ทั่วประเทศ ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่หน่วยแพทย์อาสาดำเนินการ มา 15 ปีแล้ว และมีสมาชิกแพทย์อาสาอยู่ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้รู้โรคก่อน จะได้รู้วิธี และวางแผนป้องกัน ดูแลสุขภาพเบื้องต้น โดยเน้นกลุ่มโรคมะเร็ง เบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไต ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นสูงสุดของประเทศ  มีโครงการตรวจสุขภาพฟรี ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจาก ประชาชนดีมาก โดยวันที่ 9-10 ก.พ.นี้ จะมีการจัดอาสาสมัครดีเด่น 5 พันคนที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ จ.นครราชสีมาและจะมีการขยายผลต่อไปอีก 5 ภาค ภาคละ 5 พันคน

 

“การที่จะมีความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศได้ ต้องเข้าใจในเรื่องของสุขภาพเป็นอย่างดีก่อน ไม่ใช่ทำไปแบบเช้าชามเย็นชาม ไม่มีคุณภาพ ไม่มีประโยชน์ต่อประชาชน นโยบายนี้ป้องกันการป่วยของประชาชน เพื่อลดสถิติลดอย่างเป็นรูปธรรม”

 

นายเอกณัฏฐ์ กล่าวว่า การที่เราจะทำอะไรให้ประเทศเกิดความมั่นคงได้ ต้องเริ่มที่ความมั่นคงด้านสุขภาพก่อน ถ้าคนยังเจ็บป่วยอยู่ แล้วจะให้คนอยู่ดีกินดีมันเป็นไปไม่ได้ และถ้าจะเปรียบกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ถือว่าต่างกันโดยสิ้นเชิง  30 บาทรักษาทุกโรค จะได้ในระดับหนึ่งแต่เอาเข้าจริงๆ ส่วนใหญ่ยาที่ประชาชนได้รับไร้คุณภาพ ผิดกับสิ่งที่เราทำ เราลงไปช่วยผู้ป่วยที่กินยาเหล่านั้นจนเรื้อรัง มีการสะสมของยาหลากหลายที่กินเข้าไป ทำให้เกิดภาวะไตเสื่อม ไตวาย เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีมากเกือบ 15 ล้านคน จากยาที่รักษา กลายเป็นยาพิษไปแล้ว ดังนั้น ถ้าพรรคก้าวอิสระทำโครงสร้างเรื่องนโยบายเกี่ยวกับความมั่นคงด้านสุขภาพ ตนมั่นใจว่าจะได้พลังของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องแบกรับภาระดูแลผู้สูงอายุ เราจะไม่ทอดทิ้งทุกชีวิต โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่ตอนนี้เราเป็นสังคมผู้สูงอายุแล้ว แต่ยังไม่มีพรรคไหนพูดถึงปัญหาของผู้สูงอายุว่าจะป้องกันอย่างไรไม่ให้เขาพบกับโรคเหล่านี้ เราจะใช้วิธีการป้องกันให้เขาก่อน เพราะผู้สูงอายุจะเสี่ยงเป็นโรคหัวใจล้มเหลว เบาหวาน และโรคไต รวมถึงมะเร็ง ประมาณ 80% จึงเสนอให้พรรคทำนโยบายนี้ก่อน ส่วนคนที่เป็นแล้วเราก็จะฟื้นฟูให้ถูกสุขลักษณะของโรค ซึ่งถ้านโยบายของพรรคก้าวอิสระ สามารถสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพได้ โดยกำหนดให้เห็นผลได้ในกี่ปี ก็จะมีความชัดเจนขึ้น และถูกใจมวลชน