พปชร.ประกาศเคียงข้างคนไทย ค้านเร่งทำให้ MOU 2544 เป็นโมฆะ

พปชร.ประกาศเคียงข้างคนไทย ค้านเร่งทำให้ MOU 2544 เป็นโมฆะ

วันจันทร์ ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2568, 17.37 น.

"ม.ล.กรกสิวัฒน์”ประกาศ พปชร.จะเดินเคียงข้างคนไทยคัดค้านและทำให้ MOU 2544 เป็นโมฆะโดยเร็วที่สุด ซัด รบ.อย่าเอาการพัฒนาปิโตรเลียมร่วมกันมาเป็นข้ออ้าง

วันที่ 20 ม.ค.เวลา 14.00 น.  พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  ได้จัดกิจกรรมสัมมนา ประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ “Now & Next พรรคพลังประชารัฐ“ณ โรงแรมซี แซนด์ ซัน หัวหิน รีสอร์ท โดย ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเรื่องผลกระทบจาก MOU 2544 ว่า การที่ไทยไม่เสียเอกราช เพียงชาติเดียวในอาเซียนต้องรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของบูรพกษัตริย์ที่นำพาชาติรอดปลอดภัย และนำแผ่นดินสยามที่ฝรั่งเศสยึดไปคืนมาในปี 2450 คือ จังหวัดจันทบุรี ตราด และเกาะทั้งหลายจนถึงเกาะกูด โดยแลกกับดินแดนพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ด้วยเหตุผลอันสำคัญ คือ คนจันทบุรี และตราด เป็นชาวสยาม ทำให้ประเทศได้ทะเลผืนใหญ่กลับคืนมา ด้วยพระปรีชานี้เองทำให้ไทยครอบครองแหล่งพลังงานขนาดใหญ่ในปัจจุบัน 


ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยได้ให้สัมปทานปิโตรเลียมกลางอ่าวไทยในปี 2514 แต่ปี 2515 กัมพูชาได้ขีดเส้นพรมแดนทางทะเลเข้ามาประชิดเกาะกูดและลากต่อมากลางอ่าวไทย ราวกับขัดขาไทยไม่ให้ขุดน้ำมันมาใช้ และกัมพูชาได้ประกาศให้สัมปทานปิโตรเลียมแก่บริษัทต่างชาติทับซ้อนบนพื้นที่สัมปทานไทย ทั้งที่ เส้นเขตแดนทางทะเลของกัมพูชานี้ขัดต่ออนุสัญญาเจนีวา 1958 ว่าด้วยทะเลอาณาเขต และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล 1982  

ต่อมาในปี 2516 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเส้นเขตแดนทางทะเลตามอนุสัญญาเจนีวา 1958 ว่าด้วยทะเลอาณาเขต เพื่อให้นานาประเทศรับรู้ถึงเส้นเขตแดนของไทย และเป็นการปฏิเสธเส้นที่ขัดกฎหมายสากลของกัมพูชา

แต่ในปี 2544 รัฐบาลนายกฯ ทักษิณ กลับไปทำบันทึกข้อตกลง MOU 2544 รับรู้เส้นเขตแดนของกัมพูชาปรากฎตามแผนที่แนบท้าย ทั้งที่ รัฐบาลก่อนหน้าทุกรัฐบาลจะไม่แสดงท่าทีรับรู้หรือแสดงเส้นเขตแดนกัมพูชาที่ขัดกฎหมายสากลของเลย  

ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า การที่ไทยเปลี่ยนท่าทีจากเดิมแบบหน้ามือเป็นหลังมือ โดยไม่รักษาสิทธิอันพึงมีของไทยตามกฎหมายสากล ที่จะต้องให้คู่เจรจาปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา 1958 ทำให้ MOU 2544 มีไทยเพียงฝ่ายเดียวที่ปฏิบัติตามกฎหมายทะเลสากล และยังยอมรับเส้นที่กัมพูชาขีดทับพระราชอาณาเขตตามประกาศพระบรมราชโองการ ปี 2516 จนเกิดพื้นที่ทับซ้อนที่ใหญ่โตมากถึง 26,000 ตร.กม. ที่สำคัญ คือ MOU นี้ไม่เคยได้รับความเห็นชอบจากสภาจึงต้องเป็นโมฆะตั้งแต่ต้น

”ปัจจุบันรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ได้สานต่องานของอดีตนายกฯ ทักษิณ เดินหน้า MOU 2544 โดยประกาศว่า หากตกลงกันไม่ได้ จะได้ขุดน้ำมัน และก๊าซแบ่งกับกัมพูชาคนละครึ่ง จะทำให้ราคาพลังงานจะได้ถูกลง ซึ่งไม่เป็นความจริง เนื่องจากไทยได้ให้สัมปทานปิโตรเลียมแก่เอกชนไปแล้ว สิ่งที่ไทยจะได้รับมีเพียง ค่าภาคหลวงและภาษีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น“ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว

ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลอ้างการพัฒนาปิโตรเลียมร่วมกันเพื่อบดบังสาระสำคัญที่ไทยเปลี่ยนสถานะจากผู้ที่เป็นฝ่ายถูกเพราะยึดมั่นในกฎหมายสากล กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที เพราะเปิดโอกาสให้กัมพูชานำพื้นที่ที่ได้มาโดยไม่มีกฎหมายสากลรับรองเข้ามาเจรจาได้ เท่ากับว่า น่านน้ำภายในของจังหวัดตราด และทะเลอาณาเขตของเกาะกูด จะกลายมาเป็นตัวประกันในการเจรจาดังนั้น หากมีการขุดปิโตรเลียมและแบ่งผลประโยชน์กันเมื่อใด จะเป็นหลักฐานให้กัมพูชาสามารถนำขึ้นสู่ศาลโลกเพื่อแบ่งพื้นที่ทะเลที่เป็นของไทยตามกฎหมายสากลไปครึ่งหนึ่ง จึงเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง ที่เราจพสูญเสียทั้งปิโตรเลียม เสียเขตแดน และมีความเสี่ยงด้านการเมืองภูมิภาค เพราะสัมปทานปิโตรเลียมที่ให้ไปในปี 2514 นั้นเกือบทั้งหมดเป็นของมหาอำนาจตะวันตก อาจเป็นเป้าหมายโจมตีทางการทหารได้หากเกิดสงครามระหว่างมหาอำนาจในอนาคต 

“เพื่อป้องกันความเสียหายของชาติและประชาชน จึงเป็นหน้าที่ของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะเดินเคียงข้างพี่น้องคนไทยในการคัดค้านการดำเนินการตาม MOU 2544 ของรัฐบาล และนำเรื่องเข้าสู่สภาเพื่อให้ MOU 2544 เป็นโมฆะโดยเร็วที่สุด”ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top