วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
‘โฆษก ศธ.’ดีดปาก‘ทักษิณ’ใช้เทคนิคหาเสียง ด้อยค่ากระทรวงศึกษาฯ

‘โฆษก ศธ.’ดีดปาก‘ทักษิณ’ใช้เทคนิคหาเสียง ด้อยค่ากระทรวงศึกษาฯ

วันจันทร์ ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2568, 13.26 น.
Tag : กระทรวงศึกษา ทักษิณ ศธ. หาเสียง
  •  

‘โฆษก ศธ.’ดีดปาก‘ทักษิณ’ใช้เทคนิคหาเสียง ด้อยค่ากระทรวงศึกษาฯ

27 มกราคม 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โฆษก ศธ. เปิดเผยกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยบนเวทีหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ศรีสะเกษ ของพรรคเพื่อไทย  เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่าเป็นห่วงต่อการศึกษาเด็กไทยพร้อมชี้ว่าศธ.ใหญ่เกินไปต้องปรับปรุง ว่า ตามที่นายทักษิณ คอมเมนต์กระทรวงศึกษาธิการ ตนก็ต้องขอบคุณที่มีความห่วงใยและใส่ใจการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการ แต่ตนคิดว่าสิ่งที่นายทักษิณ พูดนั้นไม่ใช่ปัญหาใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นปัญหาที่มีการพูดคุยกันมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่นายทักษิณ ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ และผ่านมาหลายสมัย


นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าคนที่แก้ปัญหานี้ได้เป็นรูปธรรมที่สุด น่าจะเป็น พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เพราะถ้าไม่มั่นใจก็ให้ลองไปถามคุณครูในปัจจุบันที่ไม่ต้องอยู่เวร แล้วถ้ายังไม่มั่นใจก็ให้ลองไปถามครูที่ขอย้ายแล้วได้ย้ายโดยที่ไม่ต้องวิ่งเต้นจ่ายเงิน และต้องไปถามคนที่ประเมินวิทยฐานะ ที่ครูไม่ต้องยื่นซองให้กับใคร และได้รับการประเมินวิทยฐานะอย่างตรงไปตรงมา  แต่แน่นอนปัญหาก็ยังไม่หมดเพราะเราต้องยอมรับว่าก็เป็นภาระของงบประมาณด้วย และอีกหลายอย่างทั้งการขาดบุคลากร ถ้าเป็นเรื่องในอดีต ก็ถูกต้องที่จะต้องหางบประมาณมาเพิ่มเติม แต่อย่างหนึ่งที่เราควรต้องคิด ไม่ใช่แค่จ้างคนใหม่ แต่การเพิ่มสกิลให้กับบุคลากรที่มีอยู่แล้ว เพราะเราเชื่อว่าครูของเราไม่ได้ด้อย แต่ครูของเราต้องได้รับความรู้ใหม่ๆ ซึ่งเทคโนโลยีก็มีส่วนสำคัญในการช่วยครู ขณะนี้กระทรวงศึกษาก็กำลังทำ และตนก็คิดว่าเรากำลังเฝ้ารอว่าเทคโนโลยีที่เราจะนำมาใช้ในปีการศึกษา 2568 นี้จะช่วยเปลี่ยนแปลงการศึกษาได้ในระดับใด ฉะนั้น สิ่งที่อดีตนายกทักษิณพูดจึงไม่ใช่เรื่องใหม่

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ส่วนที่นายทักษิณ บอกว่าถ้าเก็บเงินจากพนันออนไลน์ได้ ก็จะมีเงินไปจ้างครูต่างชาติมาช่วยสอนนั้น ตนคิดว่าไม่ควรนำ 2 เรื่องมาเป็นเงื่อนไขเดียวกัน เพราะการจ้างครูตามความจำเป็น การพัฒนาศักยภาพครูเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทำ ส่วนการเก็บภาษีจากพนันออนไลน์ หรือการทำสิ่งผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องทำ  ไม่ใช่นำเงื่อนไขว่าถ้าทำพนันออนไลน์ถูกกฎหมายไม่ได้แล้วจะไม่จ้างครูให้ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน ฉะนั้นไม่ควรที่จะเอา 2 เรื่องนี้มาผูกกัน

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ส่วนที่นายทักษิณ บอกว่ากระทรวงศึกษาธิการใหญ่เกินไปนั้น ปัญหานี้ในรัฐบาลสมัยก่อนเคยทำมาแล้ว โดยการแยกกระทรวง แยกกรมพลศึกษาออก แยกเรื่องวัฒนธรรมออกไป ก็อยากให้ดูว่าวันนี้กระทรวงศึกษาฯกับเรื่องการกีฬาเป็นอย่างไร แทบจะแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง กลายเป็นว่าการแก้ปัญหา ณ วันนั้น ไม่ได้คิดไปให้สุดทาง คิดแค่ว่าใหญ่ก็ตัด แต่ไม่ได้คิดว่าใหญ่แล้วจะทำให้มันแน่นเข้าอย่างไร ทุกวันนี้อย่าว่าแต่กระทรวงศึกษาธิการเลย การทำงานข้ามกระทรวง และไม่ว่าพรรคไหนกำกับดูแลเลย ต่อให้พรรคเดียวกันกำกับดูแล การทำงานข้ามกระทรวงก็ยังยากเลย ฉะนั้นสิ่งที่จะต้องแก้ไม่ใช่ว่าใหญ่แล้วตัด แต่คิดว่าจะทำอย่างไรการทำงานในองค์กรจะต้องมีการบูรณาการกันและกันให้มีประสิทธิภาพ

“ตอนนี้ผมคิดว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน กำลังทำ และผมก็คิดว่าวันนี้เราเห็นเป็นรูปธรรมแล้ว เพราะกระทรวงศึกษาฯมีความเป็นเอกภาพค่อนข้างสูงกว่าในทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ในรัฐบาลอื่นๆเนื่องจากกระทรวงศึกษาเป็นกระทรวงใหญ่และรัฐมนตรีช่วยก็จะมาจากต่างพรรคกัน กลายเป็นว่าพรรคหนึ่งมีประเด็นหนึ่ง อีกพรรคหนึ่งก็มีอีกประเด็นหนึ่ง จึงไปคนละทิศคนละทาง แต่วันนี้ทำงานขับเคลื่อนไปเป็นก้อนเดียวกัน ไปในทางเดียวกันหมด ซึ่งผมมองว่าเป็นรูปธรรมมากกว่า” นายสิริพงศ์ กล่าว

นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า การที่นายทักษิณ ออกมาพูดแบบนี้อาจจะเป็นเทคนิคในการหาเสียง หลังจากหาเสียงจบก็จบอะไรแบบนี้มากกว่า เพราะรัฐมนตรีเราก็ไม่ได้ทำอะไรที่เสียหาย ส่วนผลงานกระทรวงศึกษาฯ ตนเชื่อว่ามีออกมาเรื่อยๆ ถึงแม้ว่ารัฐมนตรีว่าการฯจะไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยให้ข่าว แต่ผลงานก็เห็นเป็นที่ประจักษ์ อย่างเช่น เรื่องการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ แต่ก็ต้องใช้เวลาและต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการ ซึ่งวันนี้ที่อดีตนายกทักษิณพูดมาทั้งหมด จะแก้ได้ง่ายมาก ถ้ากระทรวงศึกษาฯของบขึ้นไปแล้วไม่ถูกตัดสัก 3 ปี ตนเชื่อว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมแน่นอน ไม่ใช่ว่าปีที่แล้วขอคอมพิวเตอร์นักเรียนไป งบถูกตัดเหลือ 0 บาท  และงบส่วนใหญ่ที่ได้มาก็จะเป็นเงินเดือนของครูและบุคลากรทางการศึกษา 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ ทำให้ไม่มีเงินนำไปพัฒนาในด้านอื่นเลย แล้วยังจะแก้ปัญหาด้วยการจ้างคนเพิ่ม ตึกที่พังก็ไม่ได้ซ่อม และอุปกรณ์ที่ขาดก็ไม่เคยได้รับงบเพื่อจัดซื้อมาทดแทน เป็นต้น 

นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ถ้าเปรียบเทียบว่าโรงเรียนเราสู้กับโรงเรียนเอกชนไม่ได้ ก็จริง เพราะต้นทุนต่อเด็กต่างกัน การแก้ปัญหาไม่ใช่การแก้ด้วยการจ้างครู  ปัญหามีมากกว่านั้น แต่ถ้าถามว่าโรงเรียนที่ดีในสังกัดกระทรวงมีไหม  ก็บอกเลยว่ามี  แต่ต้นทุนมันสูง เช่น โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ได้รับเงินอุดหนุน 600,000 บาทต่อหัว โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ฯ ได้เงินอุดหนุนประมาณ  300,000 บาทต่อหัว ในขณะที่เด็กโรงเรียนทั่วไปได้รับเงินอุดหนุน 10,000 กว่าบาทต่อหัว  แล้วคุณภาพจะเท่ากันได้อย่างไร  และถ้าเที่ยบกับโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ได้รับเงินอุดหนุน 1,000,000 กว่าบาทต่อหัวต่อปี  จึงไม่สามารถเทียบกันได้อยู่แล้ว และการเอาเด็ก 1 คนไปเทียบกับเด็นโรงเรียนนานาชาติ ค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติบางโรงเรียน 1 เทอม เด็กบางโรงเรียนเรียนได้ทั้งชีวิต แต่ถ้าถามว่าเด็กในระบบด้อยถึงขนาดสู้โรงเรียนนานาชาติไม่ได้เลยไหม ก็ไม่ใช่ เพราะเด็กโรงเรียนจังหวัดร้อยเอ็ด สอบติดแพทย์ทั้งห้อง ทั้งที่ต้นทุน 10,000 กว่าบาทต่อหัว

“ฉะนั้นการแก้ปัญหาแน่นอนงบประมาณมีส่วน แต่ในทางแก้ปัญหาไม่ใช่ว่ามาพูดรวมๆแล้วเป็นปัญหาหมดไม่ใช่ เพราะดีก็มี ที่ยังต้องปรับปรุงก็มี ผมคิดว่าการที่คุณทักษิณไปลงพื้นที่แล้วครูไม่เอาด้วย สั่งครูไม่ได้ แต่เราไม่ได้สั่งใครเลยนะ” นายสิริพงศ์ กล่าว

-005

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ตีแสกหน้า\'ทักษิณ\'!!! กลับมาไม่ถึง 2 ปี ทำ‘ลูกสาว-ครอบครัว-พท.’หายนะ ตีแสกหน้า'ทักษิณ'!!! กลับมาไม่ถึง 2 ปี ทำ‘ลูกสาว-ครอบครัว-พท.’หายนะ
  • \'ดร.อานนท์\'ฟันธง! \'ฮุนเซน\' แค้น \'ทักษิณ\' ปมธุรกิจบ่อนชนกัน 'ดร.อานนท์'ฟันธง! 'ฮุนเซน' แค้น 'ทักษิณ' ปมธุรกิจบ่อนชนกัน
  • \'ฮุน-ชิน\'แค้นแสนสาหัส ไขชนวนเหตุ-เกมร้ายกาจ ปล่อย\'2 ตระกูล\'ทำลายกันเอง 'ฮุน-ชิน'แค้นแสนสาหัส ไขชนวนเหตุ-เกมร้ายกาจ ปล่อย'2 ตระกูล'ทำลายกันเอง
  • ปูด! \'ฮุนเซน\' ต่อรองล้างหนี้ แลกคลิปลับ xxx ในบ่อน ปูด! 'ฮุนเซน' ต่อรองล้างหนี้ แลกคลิปลับ xxx ในบ่อน
  • \'พีระพันธุ์\'ย่องเข้า \'บ้านจันทร์ส่องหล้า\'กลางดึก หารือ\'ทักษิณ\'เปลี่ยนตัวนายกฯ 'พีระพันธุ์'ย่องเข้า 'บ้านจันทร์ส่องหล้า'กลางดึก หารือ'ทักษิณ'เปลี่ยนตัวนายกฯ
  • คนไทยจะได้ตาสว่าง! ปรารถนาให้\'ฮุน เซน\'เปิดโปงนักการเมืองไทย ยักยอกทรัพย์สินฝากไว้ที่เขมร คนไทยจะได้ตาสว่าง! ปรารถนาให้'ฮุน เซน'เปิดโปงนักการเมืองไทย ยักยอกทรัพย์สินฝากไว้ที่เขมร
  •  

Breaking News

'ผู้พันเบิร์ด'เผยสถานการณ์ไฟไทย-กัมพูชา พบตัดแค่ 3 จุด-ยังจ่ายอยู่ 6 จุด หลังประกาศ 17 มิ.ย. 68

'ฮุน มาเนต'ซัดไทยรุกราน! เปรียบ'กัมพูชา'เป็นเหมือน'งู'อยู่นิ่งๆแต่พร้อมกัดให้ตาย

'ปิยบุตร' เสนอ 3 หลักการ 7 ข้อเสนอ เมื่อนายกฯไม่ยุบสภา ไม่ลาออก

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ประกาศสำนักพระราชวัง เรื่องการโอนกิจการ ของสำนักงานพระคลังข้างที่

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved