“นายกฯอิ๊งค์-ทักษิณ”ทำบุญเปิดที่ทำการพรรคเพื่อไทยแห่งใหม่ ด้านโฆษกศธ.ดีดปาก“ทักษิณ”ใช้เทคนิคหาเสียง ด้อยค่ากระทรวงศึกษาฯ ด้าน “วิสุทธิ์” ปัด“นายใหญ่”หาเสียงหว่านเงินหมื่นให้ผู้สูงอายุรับตรุษจีน เสี่ยงผิดก.ม.เข้าข่าย“สัญญาว่าจะให้”อ้างเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะทำอยู่แล้ว
เมื่อ07.00น.วันที่ 27มกราคม2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารพรรคเพื่อไทย ถนนวิภาวดีรังสิต พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้มีพิธีทำบุญเลี้ยงพระเพื่อเปิดที่ทำการพรรคเพื่อไทยแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ โดยมี นายทักษิณ ชินวัตร อคีตนายกรัฐมนตรี, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ฯลฯ ร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง
โฆษกศธ.ออกโรงสวนกลับ’แม้ว’
ด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โฆษก ศธ. เปิดเผยกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยบนหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย (พท.) เมื่อวันที่ 25ม.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นห่วงการศึกษาเด็กไทย พร้อมชี้ว่า ศธ.ใหญ่เกินไปต้องปรับปรุง ว่า ตามที่ นายทักษิณ คอมเมนต์กระทรวงศึกษาธิการ ตนต้องขอบคุณที่ห่วงใยและใส่ใจการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการ แต่ตนคิดว่าสิ่งที่ นายทักษิณ พูดนั้น ไม่ใช่ปัญหาใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นปัญหาที่มีการพูดคุยกันมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ นายทักษิณ ยังเป็นนายกฯอยู่และผ่านมาหลายสมัย
ตนคิดว่าคนที่แก้ปัญหานี้ได้เป็นรูปธรรมที่สุด น่าจะเป็น พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เพราะถ้าไม่มั่นใจก็ไปถามคุณครูในปัจจุบันที่ไม่ต้องอยู่เวร แล้วถ้ายังไม่มั่นใจให้ลองไปถามครูที่ขอย้ายแล้วได้ย้ายโดยที่ไม่ต้องวิ่งเต้นจ่ายเงินและต้องไปถามคนที่ประเมินวิทยฐานะ ที่ครูไม่ต้องยื่นซองให้ใครและได้รับการประเมินวิทยฐานะอย่างตรงไปตรงมา
ยันศธ.ได้งบประมาณน้อยจึงพัฒนาช้า
แต่แน่นอนปัญหาก็ยังไม่หมด เพราะเราต้องยอมรับว่า ก็เป็นภาระของงบประมาณด้วย และอีกหลายอย่างทั้งการขาดบุคลากร ถ้าเป็นเรื่องในอดีตก็ถูกต้องที่จะต้องหางบประมาณมาเพิ่มเติม แต่อย่างหนึ่งที่เราควรต้องคิด ไม่ใช่แค่จ้างคนใหม่ แต่การเพิ่มสกิลให้กับบุคลากรที่มีอยู่แล้ว เพราะเราเชื่อว่าครูของเราไม่ได้ด้อย แต่ครูของเราต้องได้รับความรู้ใหม่ๆ ซึ่งเทคโนโลยีก็มีส่วนสำคัญในการช่วยครู ขณะนี้กระทรวงศึกษาก็กำลังทำและตนก็คิดว่าเรากำลังเฝ้ารอว่าเทคโนโลยีที่เราจะนำมาใช้ในปีการศึกษา2568 จะช่วยเปลี่ยนแปลงการศึกษาได้ในระดับใด ฉะนั้นสิ่งที่อดีตนายกฯพูด จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ ส่วนที่ นายทักษิณ บอกว่า ถ้าเก็บเงินจากพนันออนไลน์ได้ จะมีเงินไปจ้างครูต่างชาติมาช่วยสอนนั้น ตนคิดว่าไม่ควรนำ 2เรื่องมาเป็นเงื่อนไขเดียวกัน เพราะการจ้างครูตามความจำเป็น การพัฒนาศักยภาพครูเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทำ ส่วนการเก็บภาษีจากพนันออนไลน์ หรือการทำสิ่งผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องทำ ไม่ใช่นำเงื่อนไขว่า ถ้าทำพนันออนไลน์ถูกกฎหมายไม่ได้แล้ว จะไม่จ้างครูให้ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน ฉะนั้นไม่ควรที่จะเอา 2เรื่องนี้มาผูกกัน
แยกหน่วยงานออกทำแล้วยังไม่ดีขึ้น
นายสิริพงศ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ นายทักษิณ บอกว่า กระทรวงศึกษาธิการใหญ่เกินไปนั้น ปัญหานี้ในรัฐบาลสมัยก่อนเคยทำมาแล้ว โดยการแยกกระทรวง แยกกรมพลศึกษาออก แยกวัฒนธรรมออกไป ก็อยากให้ดูว่า วันนี้กระทรวงศึกษาฯกับเรื่องการกีฬาเป็นอย่างไร แทบแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง กลายเป็นว่าการแก้ปัญหา ณ วันนั้น ไม่ได้คิดไปให้สุดทาง คิดแค่ว่าใหญ่ก็ตัด แต่ไม่ได้คิดว่า ใหญ่แล้วจะทำให้มันแน่นเข้าอย่างไร ทุกวันนี้อย่าว่าแต่กระทรวงศึกษาธิการเลย การทำงานข้ามกระทรวงและไม่ว่าพรรคไหนกำกับดูแลเลย ต่อให้พรรคเดียวกันกำกับดูแล การทำงานข้ามกระทรวงก็ยังยากเลย ฉะนั้นสิ่งที่จะต้องแก้ไม่ใช่ว่าใหญ่แล้วตัด แต่คิดว่าจะทำอย่างไรการทำงานในองค์กรจะต้องมีการบูรณาการกันและกันให้มีประสิทธิภาพ ตอนนี้คิดว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน กำลังทำและคิดว่าวันนี้เราเห็นเป็นรูปธรรมแล้ว เพราะกระทรวงศึกษาฯมีความเป็นเอกภาพค่อนข้างสูงกว่าในทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ในรัฐบาลอื่นๆเนื่องจากกระทรวงศึกษาเป็นกระทรวงใหญ่และรัฐมนตรีช่วยก็จะมาจากต่างพรรคกัน กลายเป็นว่า พรรคหนึ่งมีประเด็นหนึ่ง อีกพรรคหนึ่งก็มีอีกประเด็นหนึ่ง จึงไปคนละทิศคนละทาง แต่วันนี้ทำงานขับเคลื่อนไปเป็นก้อนเดียวกัน ไปในทางเดียวกันหมด ซึ่งผมมองว่าเป็นรูปธรรมมากกว่า” นายสิริพงศ์ กล่าว
ซัดแค่ใช้เทคนิคหาเสียง-พูดแล้วก็จบ
นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า การที่ นายทักษิณ ออกมาพูดแบบนี้อาจเป็นเทคนิคในการหาเสียง หลังจากหาเสียงจบก็จบอะไรแบบนี้มากกว่า เพราะรัฐมนตรีเราก็ไม่ได้ทำอะไรที่เสียหาย ส่วนผลงานกระทรวงศึกษาฯ ตนเชื่อว่ามีออกมาเรื่อยๆ ถึงแม้รัฐมนตรีว่าการฯจะไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยให้ข่าว แต่ผลงานเห็นเป็นที่ประจักษ์ เช่น เรื่องนำเทคโนโลยีมาใช้ แต่ต้องใช้เวลาและต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการ ซึ่งวันนี้ที่อดีตนายกทักษิณ พูดมาทั้งหมด จะแก้ได้ง่ายมาก ถ้ากระทรวงศึกษาฯของบขึ้นไป แล้วไม่ถูกตัดสัก3ปี ตนเชื่อว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมแน่นอน ไม่ใช่ว่าปีที่แล้วขอคอมพิวเตอร์นักเรียนไป งบถูกตัดเหลือ0บาทและงบส่วนใหญ่ที่ได้มาก็จะเป็นเงินเดือนครูและบุคลากรการศึกษา80กว่าเปอร์เซ็นต์ ทำให้ไม่มีเงินนำไปพัฒนาในด้านอื่นแล้วยังจะแก้ปัญหาจ้างคนเพิ่ม ตึกที่พังก็ไม่ได้ซ่อม อุปกรณ์ที่ขาดก็ไม่ได้รับงบจัดซื้อทดแทน เป็นต้น
ฉะนั้นการแก้ปัญหาแน่นอนงบประมาณมีส่วน แต่ในทางแก้ปัญหาไม่ใช่ว่ามาพูดรวมๆแล้วเป็นปัญหาหมดไม่ใช่ เพราะดีก็มี ที่ยังต้องปรับปรุงก็มี คิดว่าการที่ คุณทักษิณ ไปลงพื้นที่แล้วครูไม่เอาด้วย สั่งครูไม่ได้ แต่เราไม่ได้สั่งใครเลยนะ
ปัด’แม้ว’สั่ง-เงินสูงวัยนโยบายรบ.
ขณะที่ นายวิสุทธิ์ ไชณยรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วยหาเสียงเวทีเลือกตั้ง อบจ.มีการพูดถึงนโยบายเงินหมื่นของรัฐบาล จะถึงมือผู้สูงอายุช่วงตรุษจีนนี้ จะกระทบเกี่ยวกับเรื่องสัญญาว่าจะให้หรือไม่ว่า เงินหมื่นของผู้สูงอายุ ไม่ใช่ออกเฉพาะในช่วงนี้ ซึ่งเป้าหมายรัฐบาลวางแผนไว้นานแล้ว พูดไว้หลายเดือน ไม่ใช่นายทักษิณไปบอกเท่านั้น แต่ท่านคงได้ยิน ทุกคนทราบ ตนก็บอกชาวบ้านตลอดว่าวันที่27ม.ค.ก็เป็นที่ทราบกันทั่วไป ตนและผู้สูงอายุในต่างจังหวัดก็ทราบ ไม่ใช่นายทักษิณสั่งให้จ่าย แต่เป็นนโยบายของรัฐบาล และรัฐบาลได้เตรียมการมานานแล้ว เป็นเรื่องปกติ และคนทราบทั่วไปอยู่แล้วทั้งประเทศ
เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าเรื่องนี้อาจจะนำไปสู่การร้องเรียนการหาเสียงเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น นายวิสุทธิ์กล่าวว่า “นักร้องมีทั่วไปอยู่แล้วเป็นปกติ นักร้องมีเยอะบ้านเรา มีหลายมุม อยากร้องอะไรก็ร้องไป แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ไปสัญญาว่าจะให้อะไร เพราะเป็นที่ทราบอยู่แล้ว ทุกคนโดยเฉพาะผู้สูงอายุก็รอ เรื่องนี้เราไปบอกชาวบ้าน 3-4 เดือนได้แล้วว่าเดือนนี้จะได้ เขาก็รอแล้วรออีก เราก็ถูกทวงถาม ท่านไปบอกเรื่องที่รัฐบาลจะทำอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ถูกต้องไม่ใช่โกหกหลอกลวงประชาชน เป็นข้อเท็จจริง”
ยก‘เฉลิมชัย’ทำงานเข้าตาประชาชน
นายเมฆินทร์ เอี่ยมสะอาด กรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงผลงานของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ในฐานะรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหัวหน้าพรรค ปชป.ว่า ตนขอยืนยันว่า การบริหารงานของ นายเฉลิมชัย ทั้งในฐานะรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯและหัวหน้าพรรคถือว่า เข้าตาประชาชนเป็นอย่างมาก จนผลสำรวจของLINE TODAY ก็ยังยกให้ นายเฉลิมชัย เป็นนักการเมืองที่มีผลงานสำคัญ เป็นที่จดจำมากที่สุด โดยเฉพาะแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แม้จะถูกบางกลุ่มการเมืองและสื่อในสังคมโซเซี่ยลพยายามดิสเครดิต แต่ประจักษ์พยานการทำหน้าที่ของ นายเฉลิมชัย ที่มุ่งประโยชน์กับประชาชนและสิ่งแวดล้อม ทำให้ได้รับความนิยมจากประชาชนเพิ่มมากขึ้น เช่น การลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วมภาคเหนือ ภาคใต้หลายจังหวัด แก้ปัญหาวิกฤติพะยูนเกยตื้น ตั้งวอร์รูมเร่งผลักดันช้างกลับเข้าป่า เพื่อความปลอดภัยของประชาชน เป็นต้น
ฟื้นศรัทธาปชป.กลับมาได้แน่นอน
“ผมเห็นว่า นายเฉลิมชัย ถือเป็นนักการเมืองที่เน้นทำงานมากกว่าการสร้างกระแสเพื่อมุ่งหวังคะแนนเสียง ขณะที่นายเฉลิมชัย ทำงานแก้ปัญหาประชาชนนั้น ปรากฏว่า ถูกกลุ่มการเมืองบางกลุ่มและสื่อโซเซี่ยลบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์เพื่อมุ่งหวังลดคะแนนความนิยมของพรรคและนายเฉลิมชัย แต่นายเฉลิมชัย ก็ใช้เวทีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงจนกระทั่งทุกฝ่ายเข้าใจถึงการทำงานที่ผ่านมา เพราะนายเฉลิมชัย ตระหนักดีว่า ตัวเองมาจากครอบครัวเกษตรกรชาวไร่ชาวนา ย่อมต้องมีความผูกพันกับธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพรอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสทำงานตรงนี้ จึงทุ่มเทเต็มที่เพื่อประโยชน์ประชาชนและทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนการบริหารพรรคปชป.ขณะนี้ถือว่า มีการปรับปรุงในหลายๆด้าน ทั้งเรื่องอาคารสถานที่ การรับสมัครสมาชิกพรรคที่ยังมีคนเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกตลอดชีพมากยิ่งขึ้น และการสร้างความสัมพันธ์อันดีที่เหนียวแน่นระหว่างสมาชิกในพรรค ซึ่งผมเห็นว่า นายเฉลิมชัย จะนำพาพรรคฯ กลับเข้าไปในจุดที่ประชาชนสามารถฝากความหวังความศรัทธาได้”นายเมฆินทร์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี