‘อิ๊งค์’โวกระตุ้นศก.
แจกเงินหมื่นเฟส2
คลังยันเดินหน้าต่อ
แจกเฟส3ไตรมาส2
นายกฯ กดปุ่ม แจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ ย้ำช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านกระทรวงการคลัง เผยหนุนจีดีพีโต 0.1%แจงเพิ่มสภาพคล่องต่อเนื่อง เคาะไทม์ไลน์แจกเฟส 3 กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนใน 2 สัปดาห์
เมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานเปิดตัว (Kick Off) โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผู้สูงอายุ โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าร่วม โดยนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลนี้เน้นย้ำว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งเราทำกันมาอย่างต่อเนื่อง นโยบายต่างๆที่เกิดขึ้นโดยมากแล้วเป็นนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนมีกินมีใช้ ที่ผ่านมาเรามีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ โดยมีการมอบเงิน 10,000 บาทให้กับประชาชนกว่า 14.45 ล้านคน ซึ่งเกิดขึ้นแล้วในเฟสแรก ครั้งนี้เป็นเฟส 2 ให้กับผู้สูงอายุ
“ขอแสดงความยินดีกับประชาชนด้วย และหวังว่าจะมีการจับจ่ายใช้สอยเกิดขึ้น และเงินจำนวนนี้จะสามารถช่วยประชาชนในการบรรเทาทุกข์ แบ่งเบาภาระได้หลายอย่าง และสามารถต่อยอดหลายๆ อย่างในชีวิต และวันนี้ถือเป็นวันที่ดี ขอให้ทุกท่านที่รับไปได้ใช้กันอย่างเต็มที่และสบายใจ” นายกฯ กล่าว
ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการแจกเงินในระยะที่ 2 จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวได้ประมาณ 0.1% ซึ่งจากข้อมูลของการแจกเงินระยะที่ 1 ในปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นโครงการที่ช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ ประชาชนนำไปใช้จ่าย และลงทุนต่อยอดซึ่งทำให้เศรษฐกิจไทยมีโมเมนตั้มที่ดี เป็นการเตรียมความพร้อมของเศรษฐกิจทั้งในช่วงไฮซีซั่นและโลว์ซีซั่น
ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลได้โอนเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ลงไปในระบบเศรษฐกิจ โดยโอนเงินแล้ว 30,200 ล้านบาท ที่ผ่านมา ได้ให้ความสำคัญกับการเตรียมเม็ดเงินลงไปช่วยเหลือประชาชน และช่วยให้มีสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ โดยการแจกเงินวันนี้ซึ่งเป็นวันจ่ายในเทศกาลตรุษจีนให้กลุ่มผู้สูงอายุ ก็จะทำให้มีการใช้จ่ายเงิน ถือว่าเป็นการใส่เงินในช่วงที่ถูกต้อง ส่วนที่โอนไม่สำเร็จก็จะมีการโอนซ้ำให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ ในวันที่ 28 ของแต่ละเดือน คือเดือนกุมภาพันธ์-เมษายนนี้
ส่วนความคืบหน้าในการแจกเงินในระยะที่ 3 และการแจกเงินให้กับผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนนั้นจะได้ความชัดเจนในเรื่องของไทม์ไลน์ และขั้นตอนภายใน 2 สัปดาห์นี้ โดยการแจกเงินในเฟสที่ 3 ได้เตรียมเม็ดเงินไว้กว่า 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งอยู่ในงบกลางฯ ส่วนจะต้องใช้งบฯปี 2569 หรือไม่นั้นต้องดูอีกที โดยแนวทางการแจกเงินเฟสที่ 3 ยังยืนยันว่าจะแจกเงินได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ผ่านระบบแอปพลิเคชันที่เป็นการแจกเงินดิจิทัลและสมาร์ทคอนแท็ค ที่เป็นระบบบล็อกเชนอยู่เป็นระบบเบื้องหลัง โดยก่อนหน้านี้ได้ทำความเข้าใจกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐแล้วในการใช้งานระบบ Open Loop ร่วมกัน
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน รัฐบาลกำหนดรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ และจะแถลงให้ทราบเร็วๆ นี้ โดยสามารถทำคู่ขนานไปกับระยะที่ 3 ซึ่งกลุ่มนี้คาดว่ามีประมาณไม่เกิน 1 ล้านคน
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลยังยืนยันไทม์ไลน์เดิมเกี่ยวกับโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต หรือการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 จะอยู่ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2568 คือในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนนี้ แน่นอน หลังจากได้รับทราบขั้นตอนการดำเนินโครงการทั้งหมดแล้ว
“การทำโครงการเฟสต่อไป ยืนยันว่าจะเป็นช่วงไตรมาสที่สอง ไม่มีเปลี่ยนแปลง โดยตอนนี้มีการจัดเตรียมวงเงินรองแล้วแล้วไม่ต่ำกว่า 1.6 แสนล้านบาท ส่วนระบบก็เดินหน้าได้ตามที่มีการแจ้งไว้ ซึ่งไม่ได้มีการแจ้งว่าหลุดกรอบอะไร โดยจะเป็นการดำเนินการในรูปแบบของระบบเพย์เม้นท์ใหม่ในระบบวอลเล็ต โดยมีบล็อกเชนเป็นฐานข้อมูลหลัง” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในการเชื่อมต่อระบบเพย์เม้นท์ หรือระบบการชำระเงินนั้น ไม่นานนี้ได้หารือร่วมกับสถาบันการเงินทุกแห่ง เกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบ Open Loop ร่วมกัน ซึ่งทุกแห่งแสดงความพร้อมในการเข้าร่วมระบบแล้ว เหลือเพียงแค่ขั้นตอนในรายละเอียดปลีกย่อย และมีระยะเวลาในการทดสอบระบบ ซึ่งทั้งหมดนั้น ยืนยันว่า อยู่ในกรอบเวลาที่ตั้งไว้ และจะเสร็จทันในช่วงไตรมาสที่ 2 อย่างแน่นอน
ส่วนเงื่อนไขและคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการนั้น ยืนยันว่ายังไม่มีการปรับเปลี่ยน ที่ผ่านมาโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต นั้น กำหนดคุณสมบัติและข้อกำหนดของการเข้าร่วมโครงการสำหรับประชาชน เช่น ต้องไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาท และไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมกันเกิน 500,000 บาท รวมทั้งต้องไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ ผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการ/โครงการอื่นๆ ของรัฐ และผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่นๆ ของรัฐด้วย
อีกด้านหนึ่ง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทาบทามผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยกระทรวงการคลังจะเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมตามกำหนดภายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 ในส่วนของประธานคณะกรรมการสรรหา ที่มีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ต้องแต่งตั้งเพิ่มเติมอีกครั้ง อาจเป็นคนเดิมก็ได้ ยอมรับว่าคนที่ทาบทาม หากเอ่ยชื่อ จะเป็นที่รู้จักของสังคม แต่จะต้องรอให้เจ้าตัวตอบรับก่อนการเสนอชื่อให้คณะกรรมการสรรหา
ส่วนกระแสข่าวว่า ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อาจถูกเสนอชื่อเข้ามาด้วยนั้น ต้องรอให้เจ้าตัวคอนเฟิร์มก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี