สื่อนอกชี้ยิ่งลักษณ์จนมุม
เชื่อทำทุกทาง
รักษาอำนาจ/เอาตัวรอด
กบดานเซฟเฮ้าส์เงียบ
ผบ.สส.ปัดนั่งนายกฯ
ขาดคนกลางแก้ปัญหา
หึ่ง!ประยุทธ์ฉุนผบ.ตร.
สำนักข่าวเอพีประจำประเทศไทยรายงาน เมื่อวันที่ 18 มกราคม ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้วอร์รูมของกระทรวงกลาโหม เป็นสถานที่สังเกตการณ์และหารือแนวทางรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่ในเวลานี้กระจายกำลังกันปักหลักอยู่ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อโค่นรัฐบาลรักษาการของเธอโดยปิดกั้นถนนสายสำคัญหลายแห่ง พร้อมนำกระสอบทรายและแท่งคอนกรีตมาตั้งเป็นแนวป้องกัน ปฏิเสธการเจรจาทุกรูปแบบ ส่วนแผ่นป้ายหาเสียงของพรรครัฐบาลถูกปลดออกและถูกทำลายไปไม่น้อย ก่อให้เกิดความสงสัยว่า การเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ จะเกิดขึ้นได้จริงหรือ
เผย”ปู”กลัวถูกรัฐประหาร
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังคงไม่ออกคำสั่งใช้กำลังตำรวจในการสลายการชุมนุมนั้น เป็นเพราะเธอกำลังหวั่นเกรงว่าอาจเป็นการกระตุ้นให้กองทัพออกมาทำรัฐประหาร ขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) มีมติให้ไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าอาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งหากผลการตรวจสอบพบว่าเธอผิดจริง ก็อาจต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่มีการแถลงข่าว เธอยังคงขอให้ทุกฝ่ายใจเย็น และอย่างเพิ่งแตกตื่น
สำนักข่าวเอพี รายงานต่อไปว่า ประเทศไทยเผชิญกับเหตุไม่สงบทางการเมืองที่บานปลายกลายเป็นการปะทะและนองเลือดหลายครั้ง นับตั้งแต่กองทัพทำรัฐประหารรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อปี 2549 แต่ในครั้งนั้นคือจุดเริ่มต้นของความแตกแยกในสังคมไทยที่ร้าวลึกลงมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ระหว่างประชาชนในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ส่วนใหญ่สนับสนุนตระกูลชินวัตร กับชนชั้นกลางและผู้อันจะกินในเมืองหลวง ซึ่งมองว่าตระกูลชินวัตรคอร์รัปชั่นต่อประเทศ
ชี้“ยิ่งลักษณ์”ดิ้นเอาตัวรอด
เมื่อ 3 ปีที่แล้วแทบไม่มีใครรู้จักและสนใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่จากการเป็นนักธุรกิจหญิง สู่การเป็นนักการเมืองอ่อนหัดที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน ปัจจุบันเธอกำลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดทางการเมือง เธอและคณะรัฐมนตรีแทบไม่สามารถทำงานในทำเนียบและกระทรวงต่างๆ ได้ เนื่องจากไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะตามไปปิดล้อมและขัดขวางเธอทุกแห่ง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยอมรับว่า รัฐบาลต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานขนานใหญ่ ไม่ต่างกับการทำงานในระบบทางไกล เมื่อผู้สื่อข่าวซักถามว่าเธอกลัวหรือไม่ หลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำคนสำคัญของกลุ่มผู้ชุมนุม ประกาศกร้าวเมื่อกลางสัปดาห์ ว่าจะจับตัวเธอทันทีที่พบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า เธอใช้วิธีหลีกเลี่ยงการเดินทางไปตามสถานที่สุ่มเสี่ยงแทน
มองรัฐบาลกำลังเข้าตาจน
สำนักข่าวเอพี รายงานว่า นับตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยกระดับการชุมนุมโดยใช้มาตรการปิดกรุงเทพฯ เพื่อกดดัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ แม้บรรยากาศในภาพรวมจะเป็นไปอย่างสงบ แต่ก็มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น โดยคนร้ายโยนระเบิดใส่การเดินขบวนของกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ศพ และบาดเจ็บอีกกว่า 30 คน ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปฏิเสธอยู่เบื้องหลัง และยืนยันว่า เธอทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย ด้วยการนำประเทศให้ไปสู่การเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ให้ได้ แม้สถานการณ์ข้างหน้าเหมือนจะเข้าตาจนแล้วก็ตาม
ผบ.สส.แนะใช้พลังรักชาติ
วันเดียวกัน ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่บริเวณการชุมนุมว่า ทางกองทัพเป็นห่วงอยู่แล้ว เพราะหน้าที่ของทหาร คือการรักษาอธิปไตย ความมั่นคง ปกป้องชีวิต และทรัพย์สินของประเทศ แต่ทั้งหมดต้องอยู่ในขอบเขต คนไทยทุกคนรักประเทศ แต่ตนงงนิดๆว่า เมื่อทุกคนรักประเทศ แต่ทำไมไม่ทำความรักให้เป็นโอกาสที่ทำให้ประเทศเจริญขึ้น
ชี้ทุกฝ่ายต้องทำหน้าที่
ส่วนเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นบริเวณ ถ.บรรทัดทอง นั้น ผบ.สส.กล่าวว่า ทราบจากข่าวว่า ผู้ชุมนุมมีการเปลี่ยนเส้นทางเดินกะทันหัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย แต่ กปปส. ไม่อยากให้เข้าไปทำ ถ้าไม่มั่นใจว่า จะทำได้ดีก็ต้องจัดเจ้าหน้าที่มาสังเกตการณ์ ทั้งนี้ ทางตำรวจต้องทำหน้าที่เหมือนเดิม แต่ทางตำรวจบอกว่า ทางกลุ่ม กปปส.ไม่ให้ทำ แต่จะให้ทหารทำอยู่ฝ่ายเดียวก็ไม่ใช่หน้าที่ จึงต้องพาตำรวจหรือนำอาสาสมัครที่ดูแลความปลอดภัยไปด้วย เพราะหากไม่มีใครทำงานก็ต้องเลิกหมด
ค้านนำต่างชาติจุ้นปัญหาในบ้าน
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวถึงความพยายามให้สหรัฐฯ เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาว่า บ้านเราต้องแก้กันเอง ถ้าเอาคนอื่นเข้ามาจะเหมือนกับเป็นการสาวไส้ให้กากิน ทั้งนี้ ตนได้พูดคุยกับทางผู้นำทางทหารของต่างประเทศเป็นประจำ พยายามสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาติว่า ทหารจะปฏิบัติตามกติกา ไม่ให้มีใครเป็นอะไร ซึ่งต่างประเทศเข้าใจและชื่นชมว่าทหารวางตัวได้เหมาะสม
ให้แสวงหาจุดร่วมเดียวกัน
“บางทีทุกอย่างเสียหมดเลยทั้งรัฐบาล และกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ประเทศชาติได้ ผมมั่นใจว่า ทั้งรัฐบาลและม็อบก็เอา แต่จะทำอย่างไร ถ้าไม่คุยกันจะไม่เห็นวิธี ความจริง มองว่า การมาประท้วงก็เหมือนการมาเลือกตั้งที่บอกว่า อันไหนดีหรือไม่ดี แต่ระบบกฎหมายยังเดินหน้าอยู่ และการตรวจสอบดำเนินคดีต้องทำต่อไป เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นอำนาจของศาลเราไม่สามารถไปยุ่งได้ แต่เราสามารถตั้งคนเข้าไปสังเกตุการณ์ คอยดูได้ ความเห็นคน 100 คนไม่เหมือนกัน แต่ต้องมีย่านกลางที่ใกล้กัน และเป็นประโยชน์ต่อชาติ” พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าว
ไม่ขอเป็นนายกฯคนกลาง
เมื่อถามว่า เหล่าทัพจะเป็นคนกลางในการพูดคุยระหว่างสองฝ่ายได้หรือไม่ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ใครๆ ก็เป็นได้ ถ้าทุกคนยอมรับก็เป็นคนกลางได้ ทุกคนพร้อมให้ประเทศกลับมาสู่สิ่งดีๆ ตนมองโลกในแง่ดี ทุกคนอยากให้ประเทศดีจึงมีการแสดงออกมา ทั้งสองฝ่ายอาจอยากคุยกัน แต่ยังหาคนกลางไม่ได้ และเรายังตอบไม่ได้ว่า ใครจะมาเป็นคนกลาง ส่วนจะให้นายกฯลาออกเพื่อให้สถานการณ์ยุติหรือไม่นั้น ก็ต้องกลับไปถามกันอีกที เพราะขณะนี้ตัวละครมีมาก เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า จะให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า หากใครรู้จักตน ตนจะลาออกจากราชการเมื่อ 6 ปีที่แล้ว แต่ไม่สามารถลาออกได้ แล้วจะให้ตนมาทำงานหลังเกษียณจ้างให้ก็ไม่ทำ ตนจึงพูดว่าแมงโม้เยอะ
ชี้ทหารพูดคุยกับทุกฝ่าย
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างผบ.เหล่าทัพกับนายกฯถือว่าปกติ และมีการพูดคุยกันตลอด ซึ่งเราคุยกับทุกฝ่ายไม่ใช่เฉพาะนายกฯ ในส่วนของทหารมีการพูดคุยและประเมินกันทุกวัน แม้ทหารจะมีอาวุธแต่เรามีวินัย แต่ถ้าใครทำผิดวินัยต้องถูกลงโทษ ถ้าไม่มีวินัย ประเทศคงไม่พัฒนามาขนาดนี้ ตอนนี้คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้ประเทศและคนไทยได้ผลประโยชน์
“ปู”นิ่ง กบดานเซฟเฮ้าส์
ด้านความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พบว่า ไม่ได้เดินทางมายังสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อร่วมประชุมประเมินสถานการณ์ และไม่ได้ไปร่วมพิธีสวนสนามและกระทำสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพบก ที่กรมทหารราบที่ 11รักษาพระองค์ บางเขน และไม่ได้พักอยู่ที่บ้านซอยโยธินพัฒนา 3
โดยมีรายงานข่าวว่าเธอ ได้พักอยู่ที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งภายในกรุงเทพฯ ติดตามสถานการณ์การชุมนุม และรับฟังรายงานทุกระยะ โดยภารกิจทั้งหมดได้ปล่อยให้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ เป็นผู้รับผิดชอบแทน
ไร้เงา“บิ๊กตู่”ร่วมวันกองทัพไทย
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตุว่า ในงานถวายราชสักการะดวงวิญญาณนักรบไทยเนื่องในวันกองทัพไทยประจำปี 2557 เพื่อรำลึกพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช องค์วีรมหากษัตริย์ไทย และบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ตลอดจนเหล่าบรรพชนของไทยที่ได้สร้างวีรกรรมอันกล้าหาญ สละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องรักษาแผ่นดินไทยที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ นอกจาก นส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ไปร่วมพิธีแล้ว ยังมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่ติดภารกิจไม่ได้มาร่วมพิธี จึงมอบหมายให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. เดินทางมาร่วมพิธีแทน
ลือ ไม่พอใจตำรวจจับทหาร
มีรายงานข่าวแจ้งว่าที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มาร่วมงานหนนี้ เพราะไม่พอใจ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ตำรวจจับกุมทหารเรือสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) จำนวน 3 นายที่มีการพกพาอาวุธเข้าพื้นที่ชุมนุม กปปส.แต่ในประเด็นดังกล่าว พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวเพียงสั้นๆ พร้อมกับยิ้มว่า “ไม่มี ไม่มี”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี