'ปู'ออกคำสั่งลุย'กปปส.'

ห้ามชุมนุม

สลัดมวลชน-ปิดปากสื่อ

เหลิมคึกขู่จับแกนนำ-นายทุน

'เทือก'เมินพรก.ฉุนเฉินเถื่อน

กร้าวทำทุกอย่างล้ม'เลือกตั้ง'

ปชช.คึกแห่หนุนไล่ยิ่งลักษณ์

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 มกราคม ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาข้อกำหนดเพิ่มเติมในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) โดยมีรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ภายหลังการประชุม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบให้เพิ่มข้อกำหนดอำนาจหน้าที่ตามที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขต กทม. จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี เฉพาะ อ.ลาดหลุมแก้ว และ จ.สมทุรปราการ เฉพาะ อ.บางพลี เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมาตรา 7 วรรค 2 และวรรค 6 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ให้อำนาจ‘ปู’สั่งการเบ็ดเสร็จ

โดยครม.มีมติให้บรรดาอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมาย โอนมาเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี เฉพาะในสิ่งที่เกี่ยวกับการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชา หรือช่วยในการป้องกัน แก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือฟื้นฟู หรือช่วยเหลือประชาชนในเขตท้องที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือร้ายแรง

การรันตีไม่หนีความรับผิดชอบ

ด้าน นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การโอนอำนาจหน้าที่รัฐมนตรีให้กับนายกฯ ในการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อง่ายต่อขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ และเป็นการยืนยันว่าหากเกิดอะไรขึ้นนายกฯ ไม่หนีความรับผิดชอบขณะเดียวกันนายกฯได้ย้ำการปฏิบัติว่าอย่าใช้ความรุนแรง และห้ามใช้อำนาจเกินขอบเขต พยายามไม่สลายการชุมนุม

ขู่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องสลายม็อบ

“แต่ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ความรุนแรงได้ นายกฯได้สั่งให้ใช้ดุลพินิจให้รอบคอบที่สุด ส่วนบทบาททหารกับรัฐบาลขณะนี้ชัดเจน เพราะเท่าที่นายกฯหารือกับผู้นำหล่าทัพได้รับความร่วมมืออย่างดีพร้อมสนับสนุนรัฐบาล” นายสุรนันทน์ กล่าว

‘ปู’คลอดคำสั่งห้ามชุมนุมเกิน5คน

ต่อมาเวลา 16 .00 น. สำนักราชกิจจานุเบกษาได้ลงประกาศ และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามเพื่อให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 มกราคม ประกอบด้วยข้อ 1.ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือกระทําการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย

ทั้งนี้ภายในเขตพื้นที่ที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบประกาศกําหนด เว้นแต่เป็นการชุมนุมตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือการหาเสียงเลือกตั้งสส.หรือการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

ชัดเจนประกาศปิดปากสื่อ

ข้อ 2 ห้ามการเสนอข่าว การจําหน่ายหรือทําให้แพร่หลายซึ่งหนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันอาจทําให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทําให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชนในทั่วราชอาณาจักร

ห้ามใช้ถนน-บุกรุกสถานที่

ข้อ 3 ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ หรือกําหนดเงื่อนไขในการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ ทั้งนี้ตามที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบประกาศกําหนด ข้อ 4 ห้ามใช้อาคาร หรือเข้าไป หรืออยู่ในสถานที่ใดๆ หรือห้ามเข้าไปในพื้นที่ใดๆ ทั้งนี้ตามที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบประกาศกําหนด

ไม่ให้ประชาชนเข้าพื้นที่

ข้อ 5 ให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่กําหนดเพื่อความปลอดภัยของประชาชนหรือห้ามผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ ทั้งนี้ตามที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบประกาศกําหนด ข้อ 6 ในการดําเนินการตามข้อ 1 ถึงข้อ 5 หัวหน้าผู้รับผิดชอบจะกําหนดเงื่อนเวลาในการปฏิบัติตามข้อกําหนด หรือเงื่อนไขในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่เห็นสมควรเพื่อมิให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุก็ได้

รอผบ.ตร.กำหนดพื้นที่ห้ามชุมนุม

ขณะที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสมช. ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า การที่รัฐบาลไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการถึงข้อกำหนดเพิ่มในพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังครม.มีมติเห็นชอบ เนื่องจากมาตรา 9 ต้องรอให้ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการกำหนด
รายละเอียดเป้าหมายที่ชัดเจน ในการจำกัดสิทธิบางประการในบางพื้นที่การชุมนุมเพื่อความสงบเรียบร้อย ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีก 1-2 วัน จึงจะประกาศอย่างเป็นทางการได้

นายกฯสั่งไม่ให้ใช้กำลังรุนแรง

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงานในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.)กล่าวเพิ่มเติมว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สั่งการเป็นลายลักษณ์อักษรว่า เมื่อมอบให้ตนปฏิบัติหน้าที่ผอ.ศรส.แล้ว ต้องทำงานโดยยึดหลักกฎหมาย และอยู่ในกรอบของความถูกต้องไม่ให้ใช้กำลังโดยเด็ดขาด ยึดหลักการปฏิบัติหน้าที่ตามหลักของสากล และนานาอารยประเทศที่ปฏิบัติกัน ส่วนที่ตั้งของศูนย์บัญชาการ ศรส.นั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่สามารถเปิดเผยได้

เดือดด่ากปสส.ป่าเถื่อน-เกเร

ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ประณามการชุมนุมของกลุ่มกปปส. และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. อย่างดุเดือดว่า เป็นม็อบป่าเถื่อน อันธพาล เกเร แต่ยืนยันว่า จะไม่ใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมเพราะตนไม่บ้าอำนาจ ไม่มีการใช้อาวุธจริง

เตือนเทือกเชื่อคำพูดสนธิจะถูกฆ่า

ส่วนการทำงานของศรส.นั้น ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า จะใช้กำลังตำรวจเป็นหลัก ส่วนทหารก็จะช่วยเสริม แต่ขอบอกว่าอีกร้อยชาตินายสุเทพก็คว่ำตนไม่ได้ เพราะตนไม่แสดงความโง่เหมือน ศอฉ. และตอนนี้ให้นายสุเทพฟังคำเตือนของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าจะถูกฆ่าตาย นายสนธิพูดไม่เคยผิดเพราะนายสนธิดูหมอดูบ่อย

พร้อมกับยืนยันจะไม่มีการปิดกั้นการทำงานของสื่อมวลชน ยกเว้นสถานีโทรทัศน์บลูสกายที่ต้องพิจารณา แต่ตอนนี้ยังไม่คิดจะเข้าไปควบคุมต้องดูเนื้อหาก่อน

ขู่จับแกนนำ-เช็คบิลท่อน้ำเลี้ยง

นอกจากนี้ ขอเตือนไปยังนายทุน ถ้ายังไม่หยุดสนับสนุน อย่ามาหาว่าตนข่มขู่ ตนจะเช็คบิลแน่นอน มีรายชื่ออยู่แล้วแต่ขอไม่บอกว่ากี่ราย เพราะต้องตรวจสอบก่อน หากผิดก็จับในข้อหาให้การสนับสนุน หรือเป็นตัวการร่วม ซึ่งจะให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พิจารณายึดทรัพย์ ส่วนการจับกุมแกนนำกปปส. นั้น ตนจะไม่เชือดไก่ให้ลิงดู แต่คงจับหมด

ตบะแตกซัด‘ม็อบอัปรีย์’

เมื่อถามถึงกรณีที่ คปท. ลอกป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ออก ทั้งที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พวกนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เขาเรียกอันธพาล ไหนบอกว่าเรียกร้องประชาธิปไตย นี่ตนยังไม่เรียกว่าโจร

“นี่เขาหัวเราะกันทั้งโลก ไอ้ม็อบอัปรีย์ชุดนี้ ต้องเรียกว่าม็อบอัปรีย์ เพราะเช้าไปปิดหน่วยงานนู้นหน่วยงานนี้ แล้วเย็นมึงก็บอกปฏิรูป การเมือง โง่มันก็ไม่ใช่ เสือก ผมไม่ใช้คำหยาบคายสุภาพกว่าม็อบอีก” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

‘เทือก’ไม่สนเดินเย้ยพรก.ฉุกเฉิน

ทางด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มกปปส.นั้น ยังคงมีการชุมนุมกันอย่างคึกคัก โดยไม่หวั่นเกรงต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้นำมวลชนเดินรณรงค์ขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใช้เส้นทางจากเวทีลุมพินี แยกชิดลม เข้าถนนหลังสวน ถนนสารสิน ถนนวิทยุ เพลินจิต เข้าสุขุมวิทเพื่อกลับเข้าแยกอโศก รวมระยะทาง 6 กิโลเมตร ท่ามกลางการ์ด กปปส. ดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

ฮือฮา!เย็บแบงก์ยาว200ม.ให้กำนัน

ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางมีประชาชนที่ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานบริษัทเอกชนในย่านดังกล่าวออกมาให้กำลังใจและมอบเงินสนับสนุนเป็นจำนวนมาก ที่ฮือฮาที่สุดคือประชาชนบริเวณซอยหลังสวนร่วมนำธนบัตรมาต่อกันเป็นความยาวกว่า 200 เมตร เพื่อเตรียมมอบให้นายสุเทพ ซึ่งในเวลาต่อมาภาพธนบัตรดังกล่าวได้ถูกแชร์อย่างกว้างขวางในเครือข่ายสังคมออนไลน์

เทือกย้ำรัฐบาลไร้อำนาจออกพรก.

ทั้งนี้ นายสุเทพกล่าวกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ขณะนำขบวนมวลชนเคลื่อนจากเวทีอโศกโดยย้ำว่า รัฐบาลไม่มีอำนาจประกาศ
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการ และขณะนี้สถานการณ์ก็ไม่ได้มีความรุนแรงถึงต้องประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะผู้ชุมนุม ชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ

ท้าแน่จริงให้รัฐบาลมาจับ

“ถึงแม้ตอนนี้ทางรัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ก็จะยังดำเนินการปิดสถานที่ราชการต่อไปให้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ เมื่อทำสำเร็จครบถ้วน ต่อไปก็จะดำเนินการกดดันรัฐบาล โดยการตามไปปิดล้อมบ้านของเหล่ารัฐมนตรีต่อไปให้ลาออกจากการเป็นรัฐบาลรักษาการพร้อมท้าให้รัฐบาลมาจับแกนนำ ตนจะไม่หนีไปดูไบแน่นอน” นายสุเทพ กล่าว

ปูดเฉลิมส่งตร.ซุ่มรอจับสุเทพ

ขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยแกนนำ กปปส. เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันที่22 ม.ค.ที่ผ่านมา มีสายข่าวรายงานว่าร.ต.อ.เฉลิมได้ส่งตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ รถตู้ตำรวจ เข้ามาซุ่มอยู่ที่แยกอโศก และประตูน้ำ เพื่อเตรียมจับกุมนายสุเทพ ด้วยวิธีการรุนแรง จึงขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องให้คอยระมัดระวังและสังเกตคนที่มีลักษณะบุคลิกคล้ายตำรวจ หรือบุคคลที่มีท่าพิรุธ เพื่อแจ้งให้เวทีรับทราบและดำเนินการต่อไป

กคป.บุกอัยการจี้หยุดรับใช้แม้ว

ส่วนความเคลื่อนไหวของเวทีกปปส.อื่นๆ นั้น เมื่อเวลา 11.00 น. กลุ่มเครือข่ายกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย(กคป.)แนวร่วม กปปส. นำโดย นพ.ระวี มาศฉมาดล ซึ่งปักหลักชุมนุมอยู่ที่หน้ากระทรวงพลังงาน ได้นำมวลชนประมาณ 100 คน บุกปิดล้อมสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ถนนรัชดาภิเษกเรียกร้องให้ข้าราชการอัยการ หยุดทำงาน เพื่อไม่ให้รัฐบาลทำงาน หยุดรับใช้ระบอบทักษิณ

อัยการยอมหยุดงาน1วัน

อย่างไรก็ตาม นายกมล ธรรมเสรีกุล อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา และนายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้ออกมายืนยันว่าการพิจารณาคดีต่างๆ ของอัยการ ก็จะเป็นไปตามทำนองคลองธรรม สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ให้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับยอมข้าราชการที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่และส่วนงานที่จะไม่กระทบต่อประชาชนหยุดทำการ 1 วัน

กปปส.แจ้งวัฒนะบุยค้นดีเอสไอ

ในขณะที่พล.ต.สมเกียรติ วัฒนวิกิจ แกนนำ กปปส.ราชบุรี และหลวงปู่พระพุทธะอิสระนำมวลชนเวทีแจ้งวัฒนะขอเข้าตรวจค้นตึกกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)หลังมีข่าวว่ามีการซุกซ่อนกำลังคนซุ่มยิงไว้ในอาคาร โดยมีพ.ท.สิทธิพร เจริญพุฒ รองผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการพิเศษดีเอสไอ มาเจรจายอมให้ตัดโซ่เข้าไปตรวจสอบ โดยพ.ท.สิทธิพรยืนยันว่าไม่มีคนซุ่มซ่อนอยู่ภายใน และรับประกันว่ารับประกันความปลอดภัยชีวิตผู้ชุมนุมที่เวทีแห่งนี้ทุกคน ทำให้แกนนำผู้ชุมนุมพอใจและถอยกลับไปยังเวที

อนุสาวรีย์ฯจัดกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่ง

ที่เวทีกปปส.อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้ชุมนุมร่วมกันจัดกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ เพื่อร่วมกันทำความสะอาด ร่วมกับพนักงานรักษาความสะอาดของกทม. จากนั้นนายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส. ได้นำผู้ชุมนุมเดินทางไปยังโรงเรียนวิชูทิศ เขตดินแดง ซึ่งเป็นสถานที่อบรมคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเพื่อขอให้หยุติการอบรมเพราะไม่เกิดประโยชน์และสิ้นเปลืองงบประมาณ

พ่อค้าไล่ฟันชายการ์ดขโมยของ

ส่วนการชุมนุมของกลุ่มกปปส.ที่เวทีสวนลุมพินีเกิดเหตุวุ่นวายเมื่อพ่อค้าขายของที่ระลึกได้ใช้มีดพร้าวิ่งไล่ทำร้ายคู่กรณี หลังจากที่มีการชกต่อย โดยผู้ก่อเหตุอ้างว่า ชายคู่กรณีซึ่งเป็นการ์ด ได้ขโมยสิ่งของจากร้านของตน เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้แจ้งให้ทางการ์ดทราบแต่ไม่มีความคืบหน้า จนกระทั่งเกิดการขโมยขึ้นอีกครั้ง ทำให้เจ้าของร้านตัดสินใจหยิบมีดพร้าวิ่งไล่ทำร้ายก่อนที่การ์ดคนอื่นๆจะช่วยกันแยกทั้งคู่ออกจากกัน และสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

คนกรุงลงขันขึ้นป้ายช่วยเทือก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเพจเฟซบุ๊คของ “พลังประชาชน โค่นล้มระบอบทักษิณ” ได้โพสต์ภาพคัตเอาท์ที่มีข้อความสนับสนุนการต่อสู้ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. โดยข้อความดังกล่าวระบุว่า “ช่วย สุเทพปิดกรุงเทพ ก่อนประเทศพังพินาศ” ซึ่งข้อความดังกล่าวเหมือนเป็นการตอบโต้คัตเอาท์ที่โจมตีนายสุเทพมาก่อนหน้านี้ ซึ่งระบุว่า “หยุดสุเทพปิดกรุงเทพ ประเทศพังพินาศ”

ตร.ขู่ดำเนินคดี21คนรื้อป้ายสตช.

วันเดียวกันพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่เดินทางมารื้อทำลายป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)เบื้องต้นพบผู้กระทำความผิด 21 คน ขณะที่ผบ.ตร.ยังเน้นย้ำตำรวจทุกนายให้อดทนต่อการยั่วยุ ไม่เช่นนั้นจะเข้าทางผู้ชุนนุมที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลัง

“สุเทพ"เผยปชช.ไม่กลัวพรก.