เศรษฐกิจสะดุด!
‘ขุนคลัง’ย้ำกู้5แสนล.กระตุ้น
อ้างนาฬิกาปท.เดินไม่เต็มที่
“ขุนคลัง” “พิชัย” แจงเหตุต้องกู้เงิน 5 แสนล้านบาท อ้างนาฬิกาประเทศเดินครึ่งๆ ชี้กู้ที่ไหน ต้องดูโครงการก่อน อ้ำอึ้ง! แจกเงินหมื่นวัยรุ่นบอก ใจเย็นๆ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 เมษายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุนหวชิระ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงแผนการกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ว่า อย่าเพิ่งเรียกว่าแผนการกู้เงินเลย วันนี้สิ่งที่จะทำทุกคนเห็นหมด โดยเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นกว่า จะแก้จบได้ จะมีสองเรื่อง ซึ่งการแก้ไขต่อให้จบในทางที่ดีที่สุด ช่วงนี้ทุกคนคิดไม่ออก เหมือนนาฬิกาหยุดเดินไปครึ่งๆ เดินบ้างไม่เดินบ้าง การค้าหยุดชะงัก บางส่วนเรื่องซื้อ บางส่วนไม่ซื้อ บางส่วนไม่ลงทุนเลย ขอหยุดดู ซึ่งมันมีผลต่อจีดีพีแน่นอนในโลกนี้และนั่นก็ขึ้นอยู่ว่ามันจะแรงไม่แรงอีก ดังนั้นเราขอเดาว่ามีผลต่อจีดีพีแน่นอน และระดับของความรุนแรงขึ้นอยู่กับสิ่งที่มันจะออกมา
“ฉะนั้นวันนี้เราต้องประเมินว่าถ้าระดับธรรมดาเป็นอย่างไร ปานกลาง หรือหนัก เป็นอย่างไร เราก็จะนำมาประเมิน และถ้าเป็นอย่างนั้น คำว่าจีดีพีไม่ดี แปลว่าไม่กินดีอยู่ดี คือ ไม่มีกำลังซื้อ ก็คือไม่มีเงิน ไม่มีการจ้างงาน ก็คือไม่มีการผลิตและบริการที่จะมีเพื่อการส่งออก และบริโภคภายในประเทศ ดังนั้น มันไล่ตามมา เราจึงถามว่าเมื่อต้นเหตุเป็นอย่างนี่จะทำอย่างให้คนมีรายได้น้อยกลับมามีรายได้ ทำให้ประเทศกลับมามีเศรษฐกิจ เพื่อเกิดการจ้างงาน เรื่องนี้ต้องคิด”
เมื่อมาถามเราว่าขนาดของมันเท่าไหร่ ตนคิดว่าไม่ใช่ลงทุนขนาดย่อมๆในควรจะเป็นอะไรที่เราเรียกร้องหามานาน ประเทศไทยเรียกร้องหลายๆอย่างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน การส่งออก ปัญหาโครงสร้างที่ทุกคนพูดถึง เราจะหยิบมาวางถูก ซึ่งก็มีอยู่แล้วหลายส่วน แต่หยิบมาดูอย่างน้อยสื่อให้สังคมทราบว่าน่าจะเป็นความจำเป็นของหลายประเทศที่ต้องดูสิ่งเหล่านี ซึ่งเราก็ติดตามความเคลื่อนไหวของอาเซียนตลอด ที่จากการพูดคุยทุกคนลำบากด้วยกันทั้งนั้น เราจะดูแนวทางนี้ประกอบด้วย
“เรื่องนี้ถามว่าไปกู้ที่ไหน ก็ดูเป็นโครงการก่อน และโครงการนั้นต้องตอบโจทย์ว่าจะดีต่ออนาคตประเทศไทย ในเชิงประสิทธิภาพ และเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ ก็ขอบอกแค่นี้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการบอกสิ่งที่เกินสถานการณ์ไป”นายพิชัย ย้ำ
เมื่อถามว่า จากสภาพเศรษฐกิจอย่างนี้ เรื่องของเงินหมื่นที่จะแจกกลุ่มวัยรุ่น จะยังอยู่ใช่หรือไม่ นายพิชัย ไม่ตอบคำถามดังกล่าว โดยระบุว่า”ใจเย็นๆ ครับ ขออนุญาตครับ”
นายพิชัย ให้สัมภาษณ์กรณีน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตุถึงการเลื่อนเยือนสหรัฐอเมริกาเพื่อเจรจาเรื่องกำแพงภาษีของทีมไทยแลนด์ ว่าไทยอยู่ในลิสต์ที่สหรัฐฯจะเจรจาด้วยหรือไม่ ว่า เราเลื่อนหรือเขาเลื่อนตนว่าไม่ใช่ประเด็น แต่อยู่ที่ว่าเวลาที่เหมาะสม นั่นคือคำตอบ ถ้าเวลาไม่เหมาะสมเราก็อยากขอเลื่อน เพราะวันนี้เราได้ดูแล้วเวลาและโอกาสที่เหมาะสม ข้อแรกเราไม่ได้เป็นคู่ค้าที่ใหญ่ใน 10 อันดับแรก ถึงแม้เราจะได้เปรียบดุลการค้า ดังนั้นถ้าเขาจะเจรจาอะไรเขาจะมีกรอบ ก็คงต้องเดินตามกรอบของรายใหญ่ ฉะนั้นถ้าเรารู้ว่ารายใหญ่เขาตกลงอะไรได้ในกรอบเราจะได้หันมาปรับเพื่อให้เท่ากัน ดั้งนั้นจังหวะเวลาตนดีใจที่เราไม่รีบไป เพราะยังไงเขาก็ต้องเอากรอบใหญ่และเดี๋ยวจะไม่มีข้อยุติ
นายพิชัย กล่าวว่า ข้อที่สอง เมื่อมีการทำ เราจะได้พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของสิ่งที่เกิดการเจรจา ทางเราได้รักษาสภาพการอย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางการในโลกว่ามีการขอพูดคุยเรื่องที่เกี่ยวกับ Tariff และ Non - Tariff และบวกขึ้นไปมากกว่านั้น ซึ่งเงื่อนไขทางการค้าที่เปลี่ยนไป นำมาซึ่งเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ และการเงินที่เปลี่ยนไปและวันนี้ก็เกิดผลกระทบทุกคน ดังนั้นการคุยอาจจะมีเรื่องเงื่อนไขทางการเงินประกอบเงื่อนไขทางการค้าด้วย ก็ต้องเตรียมการเรื่องเหล่านี้ ว่าเราต้องทำอย่างไร ทั้งเรื่องค่าของเงิน อัตราดอกเบี้ย และหลายๆอย่างที่เกี่ยวข้อง เราต้องเตรียมตัวไป ซึ่งแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน
“ฉะนั้นผมคิดว่าใครจะเลื่อน หรือไม่เลื่อน จังหวะเวลาวันนี้เราต้องดูว่าครบถ้วนไหม ถ้าเขาคิดว่าเขาได้กรอบแล้ว เขาอยากคุยกับเรา เขาคงส่งสัญญาณมา และถ้าเราเห็นว่ากรอบครบแล้ว เราก็จะบอกว่าเดี๋ยวจะไปนะ เพราะจริงๆแล้วผมคิดว่าทั้งหมดเลยเป็นร้อยประเทศ สุดท้ายแล้วจะแยกเป็นสองประเภท คือประเภทหนึ่งอยู่ในกรอบที่อธิบายได้ว่าอยู่ในกรอบเดียวกัน แต่เงื่อนไขอาจจะต่างกันบ้างตามสถานะของแต่ละประเทศ” นายพิชัย กล่าว
เมื่อถามว่า ต้องดูท่าทีของจีนกับสหรัฐฯที่จะพูดคุยกันด้วยใช่หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ถามว่าสำคัญไหม ก็สำคัญ ตนก็เฝ้าจับตาเงื่อนไขนี้ตลอด ก็เห็นพัฒนาการไปในทางที่เราแอบคาดเดาไว้นิดๆอยู่แล้ว ว่ามาทางนี้ ก็ดูอยู่เรื่อยๆ ฉะนั้นก็ภาวนาหวังว่าจะพัฒนาไปทางที่ดีขึ้น คลื่นลูกนี้ก็จะเล็กลง เราก็จะทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งจำเป็นมากที่จะต้องดูควบคู่กันไป
ถามต่อว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลอะไรที่ช่วยได้มากหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า เรื่องตนไม่ค่อยแตะ เพราะมีอยู่ในเงื่อนไขหนึ่งถ้าอ่านให้ดีจากรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เขามีกติกาอยู่ตั้งนาแล้ว เวลาจะทำอะไรไม่อยากเห็นการแทรกแซงค่าเงิน ฉะนั้นเมื่อพูดถึงอัตราดอกเบี้ยจะมีผลต่อค่าของเงิน ฉะนั้นตนคิดว่าไม่ควรพูด แต่ก็เป็นหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นทุกอย่าง ทั้งเศรษฐกิจ สภาพคล่อง ท่านจะต้องไปคิดเองว่าจะทำอย่างไร
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) กล่าวถึงการรับมือมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้รายประเทศของ “โดนัล ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่า ตนได้รับฟังปัญหาจากภาคเอกชนด้านส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ หลายแห่ง ต่างมีความกังวลและต้องการให้รัฐบาลมีความชัดเจนถึงมาตรการการรับมือก่อนจะเข้าสู่ช่วงการเจรจากับ ทรัมป์ แม้ว่าจะอยู่ในช่วง 90 วันที่ไทยยังไม่ถูกเก็บภาษีก็ตาม แต่ผู้ประกอบการภาคส่งออกต่างส่งสัญญาณว่า จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนในอนาคต ซึ่งถือเป็นวาระระดับชาติและไม่เพียงไทยที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น แต่ทั้งอาเซียนและทั่วโลก ต่างก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน รัฐบาลจึงต้องมีแผนสำรองเพื่อรับมือและแก้ปัญหาใหญ่ด้านเศรษฐกิจครั้งนี้
ทั้งนี้ นายธนกร เสนอให้ทุกฝ่าย นำโดยรัฐบาล ฝ่ายค้านและภาคเอกชนผู้ประกอบการส่งออก ร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันใช้วิกฤตสงครามการค้าครั้งนี้หารือเพื่อร่วมกันหาแนวทางรับมือที่เป็นทางออกที่ดีที่สุดให้แก่ประเทศไทย ขอให้เตรียมการรับมือไว้หลาย ๆ ด้าน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับภาคส่งออกซึ่งเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจไทย โดยส่วนตัวยอมรับว่า รู้สึกเป็นห่วงกับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนอย่างมาก เพราะทำให้ทั่วโลกได้รับผลกระทบไปทั้งหมด หากทรัมป์ ยังคงยืนยันว่าจะเดินหน้าเก็บภาษีตามที่ได้ประกาศไว้ คาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกจะตกต่ำอย่างหนักมากกว่าที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และโดยเฉพาะประเทศไทยจะเข้าขั้นวิกฤตอย่างมาก อาจจะแย่ยิ่งกว่าช่วงปี 2563 ที่เกิดการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ด้วยซ้ำ
“ภาคส่งออกขอให้นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในนามของรัฐบาลไทย รวบรวมข้อมูลทุกด้าน ขอให้ใช้โอกาสนี้ เปิดรับฟังความคิดเห็นให้รอบด้าน และระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายค้านและภาคเอกชนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาร่วมกันเสนอแนวทางในการรับมือ กับปัจจัยความเสี่ยงด้านภาษีครั้งนี้ ถึงเวลายุติความขัดแย้งทางการเมืองแต่ให้เป็นโอกาสทุกฝ่ายจะร่วมด้วยช่วยกันช่วยเหลือประเทศไทยของเรา สามารถฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจใหญ่ครั้งนี้ไปให้ได้” นายธนกร ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี