ขู่พยาน‘ฮั้วสว.’! อดีตผู้สมัครร้อง‘ดีเอสไอ’ช่วย ถูกกลุ่มบุคคลขวางให้ปากคำ จุ้นคดี

ขู่พยาน‘ฮั้วสว.’! อดีตผู้สมัครร้อง‘ดีเอสไอ’ช่วย ถูกกลุ่มบุคคลขวางให้ปากคำ จุ้นคดี

วันศุกร์ ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 13.03 น.

‘อดีตผู้สมัครสว.’ร้อง‘ดีเอสไอ’ช่วยคุ้มครอง อ้างถูกกลุ่มบุคคลข่มขู่ไม่ให้ความร่วมมือ เข้าให้ปากคำในฐานะพยานปม‘คดีฮั้วเลือกสว.’

2 พฤษภาคม 2568 ที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และนางจันทร์เพ็ญ ประเสริฐศรี ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย จ.อำนาจเจริญ เดินทางมายื่นเรื่องร้องขอความช่วยเหลือจากนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ต.วร ณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค หลังถูกคุกคามข่มขู่ กรณีเข้าแจ้งความข้อหาอั้งยี่ ที่ สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ในการเลือก สว.ประดับประเทศ


นางกุสุมาลวตี เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้สมัคร สว.ในกลุ่มสตรี โดยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในการเลือก สว.ระดับประเทศที่มีความผิดปกติ ไม่ชอบธรรม และมีกลไกที่ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นและเห็นการแทรกแซงของผู้บังคับบัญชาบางคน ซึ่งที่ผ่านมาตนได้เห็นเหตุการณ์หลายอย่าง จึงไปร้องเรียนหลายหน่วยงาน ทั้งศาล คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และถวายฎีกา รวมทั้งตนได้แจ้งความที่ สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม กรณีการเลือกตั้งที่มีพฤติการณ์อั้งยี่ ซึ่งหลังแจ้งความก็มีข้าราชการระดับสูงในอำเภอ โทรศัพท์มาหาตนเพื่อสอบถามว่า “ได้เดินทางไปแจ้งความมาหรือไม่และต้องการขอสำเนาแจ้งความ” ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะมาเกี่ยวข้อง แต่เขาบอกว่ากระทรวงมหาดไทยเป็นผู้สั่งให้มาดำเนินการ

นางกุสุมาลวตี เปิดเผยว่า ตนจึงตั้งคำถามว่ากระทรวงมหาดไทย ทำไมต้องมาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้อย่างไร เพราะคดีดังกล่าวเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ กกต. อัยการ จะส่งสำนวนไปยังศาล ทั้งนี้มองว่ามีพรรคการเมืองและกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือก สว.ที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม มันผิดกฎหมายและจริยธรรม ตนจึงมาขอดีเอสไอคุ้มครองเพราะเกรงว่าไม่ปลอดภัย โดยมีการใช้อำนาจอ้างว่าเป็นหัวหน้าส่วนราชการภายในอำเภอ มีสิทธิที่จะเข้าไปดูสำนวนการแจ้งความของใครก็ได้ โดยตนมาทราบภายหลังว่าเขาได้ไปขอข้อมูลกับตำรวจ สภ.โกสุมพิสัย แล้ว

“นอกจากนี้ ยังทราบมาด้วยว่ามีพยานหลายคนในคดีที่เคยให้การไปแล้วก็ถูกข่มขู่ให้แจ้งความกลับว่าถูกดีเอสไอบังคับมาให้ปากคำ จนพยานต้องไปแจ้งความกลับหลายคน เนื่องจากเกิดความหวาดกลัว อีกทั้งยังมีขบวนการสั่งการให้ข้าราชการระดับสูง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปพูดจาข่มขู่พยานด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง” นางกุสุมาลวตี กล่าว

ด้าน นางจันทร์เพ็ญ เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้แทนของกลุ่มผู้สมัคร สว. ภายใน จ.อำนาจเจริญ ซึ่งขณะนี้พบว่าถูกข่มขู่  โดย จ.อำนาจเจริญพบ สว. 5 คน ซึ่งการรับรองดังกล่าว ส่วนตัวมองว่าเป็นการรับรองบุคคลที่ขาดคุณสมบัติในสาขาอาชีพต่างๆ โดยให้นักการเมืองท้องถิ่นเป็นผู้รับรอง จึงมองว่าเป็นช่องทางที่นักการเมืองนำมาใช้ในการคัดเลือก สว. ซึ่งใน จ.อำนาจ เจริญ พบกลุ่มบุคคล 600 -  700 คน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการฮั้ว สว. โดยมีการถูกข่มขู่จากบุคคลบางกลุ่ม ตนจึงอยากให้กลุ่มบุคคลที่ถูกข่มขู่ให้เข้ามาร่วมเป็นพยานกับดีเอสไอ สำหรับลักษณะการข่มขู่เบื้องต้นพบ มีการส่งข้อมูลหรือข้อความไปถึงกลุ่มผู้สมัครและญาติ ห้ามไม่ให้เข้ามาให้ปากคำในฐานะพยานกับดีเอสไอ อ้างว่ามีการเคลียร์คดีกันแล้ว อีกทั้งยังมีการฝากข้อความมาบอกตัวเองไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับคดีดังกล่าว

ขณะที่ พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่า ผู้ที่เข้ามาร้องทั้ง 2 คน วันนี้ถือเป็นพยานในคดีพิเศษที่ดีเอสไออยู่ระหว่างทำการสอบสวนในคดีอั้งยี่ กรณีฮั้วเลือก สว. ระดับประเทศ ซึ่งหลังจากที่ นางกุสุมาลวตี ไปแจ้งความที่ สภ.โกสุมพิสัย แล้วสำนักตำรวจแห่งชาติก็ได้ส่งเรื่องมาที่ดีเอสไอ เพื่อพิจารณารับเรื่องเป็นคดีพิเศษแล้ว โดยวันนี้ผู้ร้องมีการมาร้องขอว่ามีพฤติกรรมที่อาจจะเกิดความไม่ปลอดภัย ซึ่งรัฐมีหน้าที่คุ้มครองพยานในคดีอาญา โดยคณะกรรมการกรมสอบสวนคดีพิเศษต้องพิจารณาว่ามีพฤติกรรมที่จะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยกับพยานหรือไม่ ผู้ร้องมีความประสงค์ขอรับการคุ้มครองพยานหรือไม่

ส่วนกรณีที่มีบุคคลอื่นมาร้องขอนำบันทึกประจำวันที่ผู้ร้องไปแจ้งความ ก็ต้องพิจารณาว่าบุคคลดังกล่าวมีอำนาจหรือสิทธิที่จะขอหรือไม่ ซึ่งการแจ้งความร้องทุกข์ถือเป็นเอกสารในสำนวนคดีอาญา ตามหลักกฎหมายแล้วก็มีข้อยกเว้นที่จะไม่เปิดเผยได้ เพราะอาจจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า สำหรับการข่มขู่พยานดังกล่าวไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสอบสวนแต่หากมีการมาข่มขู่คุกคามพยานก็ต้องมีการพิจารณาคุ้มครอง โดยเบื้องต้นมีพยานมาร้องว่าถูกข่มขู่หลายร้าย แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นใครบ้าง ส่วนการที่ฝ่ายปกครองไม่ค่อยให้ความร่วมมือตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ยังไม่พบอุปสรรคในการสอบสวนมากนัก รวมถึง ความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้มีการรวบ รวมพยานหลักฐานไปมากพอสมควรแล้วมีการเรียก ทั้งพยานบุคคล ประจักษ์พยาน และพยานที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารต่างๆ เพื่อพิสูจน์ว่ามีการกระทำจัดตั้งเป็นสมาชิก คณะบุคคล หรือมีการปกปิดวิธีดำเนินการเพื่อกระทำการมิชอบด้วยกฎหมายด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งหรือไม่ โดยหลังจากนี้จะมีการประสานขอความร่วมมือไปยังกระทรวงมหาดไทยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพนักงานสอบสวนอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร

ส่วนการจำลองเหตุการณ์วันเลือกตั้ง สว. ระดับประเทศที่เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.ต.ยุทธนา บอกว่าได้ข้อมูลรายละเอียดที่เป็นประโยชน์ เพราะนำภาพที่ได้จากการบันทึกภาพเคลื่อนไหวมาวิเคราะห์ว่าบุคคลใดอยู่ในกิจกรรมอะไรบ้าง การเลือก การกาลงคะแนน การแสดงบัตร มีความสอดคล้องกับพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานวัตถุอย่างไรบ้าง

-005

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top