ปปช.จ่อสอบ
รมต.ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม
ปมติดสติ๊กเกอร์ถุงยังชีพ
ถ้าผิดจริงถึงขั้นถอดถอน
‘พีระพันธ์ุ’โต้ถูกกลั่นแกล้ง
พร้อมไปชี้แจง-ไม่มีปัญหา
ป.ป.ช.ไต่สวน “รมต.กระทรวงใหญ่” ใน รบ.อิ๊งค์ ฝ่าฝืนจริยธรรม ติดชื่อถุงยังชีพ จ่อเรียกรับทราบข้อกล่าวหา 15 พฤษภาคมนี้ ฐานฝ่าฝืนจริยธรรม ด้าน “สนธิญา” ยื่นหลักฐานป.ป.ช.เพิ่มปม “พีระพันธุ์” ถือหุ้น 4 บริษัท ไม่แจ้งปปช.จี้นายกฯตรวจสอบหวั่นซ้ำรอย “เศรษฐา” “พีระพันธุ์” ลั่นพร้อมแจงหากถูกเรียก แต่ไม่ทราบ ปปช.แจ้งข้อกล่าวหาคดีแจกถุงยังชีพ
เมื่อวันที่ 2พฤษภาคม2568 รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ปปช.)แจ้งว่า ปปช.กําลังไต่สวนรัฐมนตรีระดับกระทรวงเกรดเอรายหนึ่งในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีถูกกล่าวหาว่า ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม กรณีแจกถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐวิสาหกิจหลายแห่งแต่กลับมีการติดสติ๊กเกอร์ป้ายชื่อตัวเอง พร้อมกับหน้าตัวเองข้างถุง นอกจากนี้ภายในถุงยังชีพดังกล่าว ยังใส่ถุงข้าวสารของตัวเองลงไปด้วย ขณะเดียวกันได้ลงพื้นที่ไปแจกถุงยังชีพนี้หลายพื้นที่ด้วยกัน โดยข้อร้องเรียนกล่าวหาระบุว่า กรณีนี้ส่อเข้าข่ายกระทำการตามมาตรา17แห่ง มาตรฐานทางจริยธรรมของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561ที่บัญญัติว่า ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เมื่อเร็วๆนี้หลังมีการร้องเรียนมา ปปช.ได้ไต่สวนเบื้องต้น พร้อมกับเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาโดยเห็นว่าข้อกล่าวหามีมูล โดยคณะไต่สวนคดีดังกล่าวได้เชิญรัฐมนตรีรายนี้ เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15พฤษภาคม2568 เพื่อประกอบข้อเท็จจริงในสำนวน ก่อนจะสรุปสำนวนเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการปปช.อีกครั้ง หากพบว่ามีมูลความผิดตามที่ถูกกล่าวหาจะส่งสำนวนฟ้องศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่และถอดถอนจากตำแหน่งต่อไป
ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)จะเรียกรัฐมนตรีรายหนึ่งไปรับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนจริยธรรม กรณีถูกกล่าวหาว่าแจกถุงยังชีพติดสติกเกอร์และรูปตัวเอง ว่า“ไม่มีปัญหาหรอก” เมื่อถามว่า ขณะนี้ปปช.ได้แจ้งมาแล้วหรือยัง นายพีระพันธุ์ กล่าว ไม่ได้แจ้ง ยังไม่ทราบ แต่รู้เรื่องแล้ว เพราะมันกลั่นแกล้งมาตั้งนานแล้ว เมื่อถามย้ำว่า จะไปตามที่ ป.ป.ช.เชิญใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เขาเชิญเราก็ต้องไป
วันเดียวกัน ที่สำนักงาน ปปช.นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางมายื่นหลักฐานเพิ่มเติมหลังจากที่เคยยื่นให้มีการตรวจสอบนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เนื่องจากเป็นกรรมการบริษัทและถือหุ้น บริษัท รพีโสภาค จำกัด และถือหุ้นในบริษัทอื่น รวม 4บริษัท อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ประกอบ พ.ร.บ.หุ้นส่วนและหุ้นของคณะรัฐมนตรี และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 โดยพบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในงบการเงิน รอบบัญชี วันที่ 1 มิถุนายน 2566-31 ธันวาคม 2567 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า นางโสภาพรรณ สาลีรัฐวิภาค มารดาเสียชีวิต ในส่วนของหุ้นเป็นมรดกไม่จัดการปันทรัพย์มรดก แต่เจตนายึดถือไว้เป็นประโยชน์ส่วนตน เกินระยะเวลา 5 ปี เป็นการครอบครองปรปักษ์ เพราะหุ้นเป็น สังหาริมทรัพย์ชนิดหนึ่ง ตรวจสอบทรัพย์สินเพิ่ม 21 ล้านเศษ ทั้งกู้ยืมเพื่อลงทุน 14 ล้าน ในขณะเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และคงสถานะกรรมการแล้วไปลาออกในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เฉพาะบางบริษัท ถือเป็นการกระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 และเป็นการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จหรือไม่ หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์สาธารณะ ข้อที่ 7 ข้อที่ 8 ข้อที่ 11 ข้อที่ 17 ข้อที่ 22 ข้อกำหนดจริยธรรมฯ 2561 เป็นจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ โดนส่งเอกสารเพิ่มเติมให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามหนังสือที่เคยยื่นไปแล้ว
นายสนธิญา กล่าวต่อว่า สำหรับ 2ประเด็นที่ตนไปยื่นให้ไต่สวน ไม่ว่าจะเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือ ป.ป.ช.และในสัปดาห์หน้าตนก็จะไปยื่น กกต.เพื่อพิจารณาวินิจฉัยและตรวจสอบ หาข้อเท็จจริงว่ารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังถือหุ้นอยู่ในทั้ง 4 บริษัทหรือไม่อย่างไร และขอให้คณะรัฐมนตรีตรวจสอบข้อมูลนี้ว่าจริงหรือเท็จอย่างไร เพื่อที่จะไม่ได้โดนบุคคลอื่นร้องเหมือนกับนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งหมดนี้ตนเองจะส่งเอกสารให้ครบถ้วนกระบวนความ แล้วจะไปส่งให้กับ กกต.ทั้งหมด 3ชุด ชุดที่1 ไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อนำไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ชุดที่ 2 มายื่นที่ ป.ป.ช. 2 เรื่อง แล้วชุดที่3จะยื่นให้ กกต. เมื่อถามว่า หากเรื่องนี้ผิดจริงนายกรัฐมนตรีจะโดนเหมือนนายเศรษฐาหรือไม่ นายสนธิญากล่าวว่า เห็นมีนักกฎหมายบางคนที่ออกมาเขียนกรณีของนายพีระพันธุ์ ถ้าเป็นไปตามกระบวนการเรียกร้องต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นนายกรัฐมนตรีก็จะอยู่สภาพเดียวกันกับอดีตนายกฯเศรษฐา แต่ในการร้องของตนนั้นร้องในลักษณะไต่สวนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี