เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 เพจเฟซบุ๊ก "ปราชญ์ สามสี" ได้โพสต์บทความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า ไม่มีประเทศใดเจรจาสันติภาพกับฆาตกร— แล้วไทยจะยอมลดศักดิ์ศรีทำไม?
บทโต้กลับแนวคิด “สันติภาพปลอม” ที่เสนอให้คุยกับผู้ใช้ความรุนแรง โดย ปราชญ์ สามสี
ข้าพเจ้าเขียนบทความนี้ขึ้นด้วยความไม่เห็นด้วยอย่างถึงที่สุด — หลังจากได้อ่านบทความของ ดร.รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช ที่เสนอแนวทางให้รัฐไทยเจรจากับกลุ่ม BRN เพื่อสร้างสันติภาพในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้
เหตุผลที่ข้าพเจ้าคัดค้านไม่ใช่เพราะอคติหรือความเกลียดชังใด ๆ แต่เป็นเพราะแนวคิดดังกล่าว ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะ “สิทธิเด็ก” — เพราะการเจรจากับผู้ที่มีส่วนในการสังหารเด็กและผู้บริสุทธิ์ ไม่ใช่ทางออก ไม่ใช่สันติภาพ และไม่ควรได้รับการยอมรับในสังคมประชาธิปไตยที่มีหัวใจ
........
ในขณะที่เสียงกรีดร้องของผู้บริสุทธิ์ยังคงดังก้องจากภาคใต้ — เด็กเล็ก คนชรา และชาวบ้านธรรมดา ถูกสังหารด้วยความโหดเหี้ยมแบบไร้มนุษยธรรม — กลับมีบางกลุ่มบางคน ออกมาเรียกร้องให้รัฐไทย “เปิดโต๊ะเจรจา” กับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายเหล่านี้ โดยอ้างว่านั่นคือ “ทางออกแห่งสันติภาพ”
หากนี่คือสันติภาพที่พวกเขาเสนอ — ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า นี่คือสันติภาพที่แลกมาด้วยศพของคนบริสุทธิ์
ดร.รุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช นักวิชาการด้านสันติศึกษา ได้แสดงทัศนะว่ารัฐไทยควรเจรจากับกลุ่ม BRN เพราะ “เคยพิสูจน์ตัวตน” มาแล้วในอดีต และการเจรจาจะช่วยลดความรุนแรง แต่ข้าพเจ้าขอตอบโต้แบบชัดเจน ตรงไปตรงมา — เพราะข้อเสนอเช่นนี้ ไม่เพียงอ่อนต่อหลักยุทธศาสตร์ หากยังอ่อนต่อหลักศีลธรรมอีกด้วย
ข้อหนึ่ง: ใครกันแน่คือ “ตัวจริง”?
ในความเป็นจริง พื้นที่ชายแดนใต้มีขบวนการหลายกลุ่ม ไม่ใช่แค่ BRN — กลุ่มพูโล(PULO)เองก็เคลื่อนไหวอยู่ และต่างฝ่ายต่างแข่งกัน “เคลมผลงาน” เมื่อมีการวางระเบิดหรือยิงเจ้าหน้าที่ หากรัฐเจรจากับ BRN แล้วเกิดเหตุจากอีกกลุ่ม เราจะต้องตั้งโต๊ะใหม่ไปเรื่อย ๆ หรือไม่?
โต๊ะเจรจาไม่ใช่เวทีประกวดว่าใครฆ่าได้แม่นกว่ากัน และการให้พื้นที่แก่กลุ่มที่อ้างสิทธิ์จากความรุนแรง ก็เท่ากับรัฐไทยยอมรับว่าสิ่งที่เขาทำคือ “ทางการเมือง” แทนอาชญากรรม
ข้อสอง: ความยุติธรรมถูกลดค่า เมื่อรัฐยอมเปิดโต๊ะให้ฆาตกร
ไม่มีประเทศใดในโลกที่นำฆาตกรซึ่งยังคงก่อเหตุ เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ มานั่งโต๊ะเจรจาแบบมีเกียรติ โดยเฉพาะเมื่อยังไม่มีการยุติความรุนแรงอย่างจริงจัง
ดร.รุ่งรวีเสนอว่า การเปิดโต๊ะจะเป็นการ “พิสูจน์” ว่าใครควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ข้าพเจ้าขอกลับถามว่า — แล้วเหตุระเบิดล่าสุด ใครรับผิด? ถ้าพวกเขาควบคุมไม่ได้ หรือไม่ยอมควบคุม แล้วเรายังจะยอมเจรจาไปเพื่ออะไร?
ข้อสาม: แผน JCPP เป็นกับดักที่ลดศักดิ์ศรีรัฐ
ร่าง JCPP ที่กล่าวถึงนั้น เต็มไปด้วยข้อเสนอให้ “รัฐไทยลดมาตรการความมั่นคง” ไม่ว่าจะเป็นการลดด่าน, หยุดเก็บ DNA, ยุติการปิดล้อมตรวจค้น — ขณะที่อีกฝ่าย “ให้สัญญา” ว่าจะหยุดยิง (ชั่วคราว)เท่านั้นซึ่งเป็นสัญญาปากเปล่าและสามารถฉีกทิ้งได้โดยง่าย...โดยมีตัวประกันเป็นผู้บริสุทธิ์ก็คือประชาชนทั่วไปซึ่งเรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อรอง
ถามจริงเถิด — ถ้าอีกฝ่ายผิดสัญญา ใครรับผิด?
เราเห็นมาแล้วว่าการหยุดยิงในอดีตมีความพยายามจาก BRN บ้างก็จริง แต่ยังมีกลุ่มอื่นก่อเหตุซ้อนตามหลัง แล้วสุดท้ายประชาชนที่ตาย ก็ยังตายโดยไม่มีใครรับผิดชอบ
ข้อสี่: ถ้าอยากได้สันติภาพ — จงวางปืน ไม่ใช่วางแผนเจรจา
ข้าพเจ้าเชื่อว่าสันติภาพที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายเคารพหลักนิติรัฐ และพร้อมเข้าสู่กระบวนการทางการเมืองอย่างเปิดเผย ไม่ใช่ด้วยเงื่อนไขของกระสุนหรือระเบิด
หากเรายอมให้เสียงปืนกลายเป็นใบเบิกทางสู่โต๊ะเจรจา — วันหนึ่งเราจะไม่มีคำตอบให้คนรุ่นหลังว่า เราเคยปกป้องอะไรไว้ได้บ้าง
---
บทส่งท้าย:
การเปิดโต๊ะเจรจาในเวลาที่ผู้บริสุทธิ์ยังคงล้มตายจากการก่อเหตุร้ายแรง ไม่ใช่ความกล้าหาญ ไม่ใช่การสร้างสันติภาพ แต่คือการ “ประนีประนอมกับอาชญากรรม” ภายใต้หน้ากากแห่งความเข้าใจ
ประเทศไทยต้องกล้าปฏิเสธ “สันติภาพปลอม” ที่ใช้ความตายของประชาชนเป็นเดิมพัน และเดินหน้าสร้างสันติภาพที่แท้จริงด้วยหลักนิติธรรม ไม่ใช่ด้วยความกลัว
เราจะไม่มีวันเจรจากับฆาตกร — และประวัติศาสตร์จะยืนอยู่ข้างเราที่กล้ายืนยันเช่นนี้
โดย ปราชญ์ สามสี
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี