ระทึก!แพทยสภานัดถก8พ.ค.
เชือดหมอรักษา‘แม้ว’
‘อ.นิด้า’ห่วงลงคะแนนลับ
‘หมอวรงค์’งัดจริยธรรมเตือน
‘ทวี’โยน‘สมศักดิ์’แจงศาล
เคสส่งเทวดาไปรักษาชั้น14
วงการหมอหนาวๆ ร้อนๆ แพทยสภา นัดถก 8 พฤษภาคม พิจารณาจริยธรรมหมอรพ.ตำรวจ-ราชทัณฑ์ กรณีส่งอดีตนักโทษเทวดา ไปรักษาตัวชั้น 14 ด้าน “หมอวรงค์” ให้กำลังใจคณะกรรมการตัดสิน ยกคำสอนยึดมั่นใจจริยธรรม ฝ่ายอาจารย์นิด้า ห่วงลงคะแนนลับ หวันองค์กรนี้จะไม่เหลือความเชื่อถือศรัทธาใด ๆ ในสังคมไทย ขณะที่ “ทวี””ออกอาการ ยันเป็น รมว.ยุติธรรม หลังเทวดาไปนอนรพ.ตำรวจแล้ว โยนรัฐมนตรีคนก่อนชี้แจงกรณีศาลนัดไต่สวน
วันที่ 7 พฤาภาคม 2568 ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณี คณะกรรมการแพทยสภา จะพิจารณาจริยธรรมทางการแพทย์ ที่ส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ว่าข้อสอบวิชาจริยธรรมทางการแพทย์ ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ภาคการศึกษา 1 ปีการศึกษา 2567 หลังจากเดินทางไกลมาจากต่างประเทศ แล้วก้มกราบแผ่นดิน หลังจากนั้นเดินทางไปบ้านหลังที่ไม่เคยไป พอก้าวเข้าประตูบ้านมาก็เดินขึ้นบันไดไปตากแอร์ที่ชั้นสอง แล้วก็ป่วยกะทันหัน
คนไข้มาด้วยอาการแน่นหน้าอก ความดันโลหิตสูง 180/120 มี oxygen saturation ตกนิดหน่อย ที่ 93 ตรงนั้นมีแพทย์ แพทย์คิดว่าเป็น ischemic heart disease มีโรงพยาบาลที่ใกล้มาก แต่ไม่ส่ง ตัดสินใจส่งโรงพยาบาลที่ไกลออกไป 20 กว่ากิโลเมตร เส้นเลือดหัวใจตีบตามหลักต้องไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด พอไปถึงก็ไปห้องพิเศษ ไม่ได้ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG ไม่มีการตรวจ cardiac enzyme ซึ่งเป็น biomarker ของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด troponin เท่าไหร่ก็ไม่ได้ ตรวจ ไม่ได้สวนหัวใจด้วย cath ไม่ได้ทำนอนห้องพิเศษที่โรงพยาบาลอีกหลายเดือน มี degenerative ligament ที่เอ็นไหล่ สามารถผ่าตัดโดยการส่องกล้องได้ด้วย
แสดงว่าไม่ได้ป่วยหนัก ไม่ได้มีปัญหาโรคหัวใจแต่อย่างใด ไม่ได้ป่วยหนัก ผ่าเสร็จก็ไม่มีปัญหาอะไร คนไข้นอนเล่นห้องพิเศษโรงพยาบาลอยู่หกเดือน ระหว่างนั้นก็ออกไปนอนเล่นที่บ้านบ้าง มารับแขกที่ห้องพิเศษของโรงพยาบาลบ้าง ครบหกเดือนหลัง admit คนไข้ก็ออกมาเดินทางไปโน่นนี่นั่นได้ตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเลย ไม่ได้ป่วยหนักอะไรเลย แค่อยากเปลี่ยนที่นอนที่สะดวกสบายและมีเสรีภาพมากกว่ากันจงวินิจฉัยว่าคนไข้รายนี้ เป็นโรคอะไรกันแน่ คิดว่าแพทย์ที่ส่งตัวคนไข้ กับแพทย์ที่รับตัวคนไข้ ทำถูกหรือผิดจรรยาบรรณทางการแพทย์หรือไม่ ควรมีบทลงโทษอย่างไรหรือไม่
ปล. ที่นี่ประเทศไทย และทั้งสองโรงพยาบาลเป็นโรงพยาบาลของรัฐ ที่อัตราการครองเตียงสูงมาก แทบจะแย่งเตียงคนไข้กัน
ผศ.ดร.อานนท์ โพสต์อีกว่า ถ้าการลงมติของแพทยสภา ในวันพุธที่ 8 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ หากใช้วิธีการลงคะแนนด้วยวิธีลับ กรรมการแพทยสภาบางคนจะปลอดภัยครับ แต่แพทยสภาจะไม่เหลือความเชื่อถือศรัทธาใด ๆ ในสังคมไทยต่อไปอีกครับ นี่คือสิ่งที่ต้องฝากให้กรรมการแพทยสภาคิดให้รอบคอบครับ
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า #ให้กำลังใจกรรมการแพทยสภาทุกท่าน ผมนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม สมาชิกแพทยสภา หมายเลข12497 อยากจะสื่อสารไปยังท่านอาจารย์ ในฐานะกรรมการแพทยสภาทุกท่าน
อาจารย์คงทราบดีว่า วิชาชีพแพทย์ เป็นวิชาชีพที่ต้องรับผิดชอบสูง บนเป็นความเป็นความตายของเพื่อนมนุษย์ วิชาชีพแพทย์ จึงได้รับความน่าเชื่อถือจากประชาชน ผมจำได้เสมอตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนแพทย์ เมื่อผู้ป่วยมีปัญหา สิ่งที่อาจารย์สอนพวกเราคือต้องตรวจคือ vit al sign (สัญญาณชีพ) เพื่อประเมินผู้ป่วย ว่าอยู่ในสภาพวิกฤติหรือไม่ อาจารย์จะย้ำเรื่องทุกอย่างต้อง knowledge base และ ให้discussกับอาจารย์ได้ แต่ต้องมี reference สิ่งนี้จึงทำให้พวกเรา กล้าที่จะถกกับอาจารย์ บนฐานของเหตุผลที่เป็นวิทยาศาสตร์ ผมจำได้ว่า นักเรียนแพทย์ในช่วงนั้น อาจารย์จะปลูกฝังคำสอนของสมเด็จพระราชบิดา ให้พวกเรายึดถือผลประโยชน์ของเพื่อนมนุษน์ รวมทั้งการปลูกฝังจริยธรรมทางการแพทย์ ให้กับพวกเรา
ที่เกริ่นมาเสียยาว เพราะคนไทยทั้งประเทศ รอคอยสิ่งที่ท่านอาจารย์จะต้องตัดสินใจ ที่มีเพื่อนแพทย์บางคน ทำให้วงการแพทย์ของเราเสื่อมเสีย โดยอาจจะหวังลาภ ยศ สรรเสริญสิ่งที่เพื่อนแพทย์เหล่านี้ทำ ในทางวิชาการผมเชื่อว่า สิ่งที่อาจารย์สอนมา เพื่อนแพทย์ 100ทั้ง100ดูออกหมด ว่ามีการนำวิชาชีพแพทย์ ไปช่วยนักการเมือง โดยหาเหตุผลต่างๆนาๆ เพราะมีนักการเมือง ไม่ต้องการอยู่ราชทัณฑ์
ผมสังเกตดูว่า รอบนี้ เพื่อนแพทย์เรา ซึ่งล้วนถูกปลูกฝังมาคล้ายไปกัน จึงมีความตื่นตัวมาก ที่ต้องการรักษาเกียรติยศแห่งวิชาชีพ ไม่ต้องการไปปกป้องผู้ใด ตัดสินตรงไปตรงมา อธิบายประชาชนได้ทุกอย่าง
จึงอยากให้กำลังใจอาจารย์ ดำเนินการแบบที่อาจารย์เคยสอน อิงหลักวิชาการ ข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ ผมเชื่อว่าความศรัทธา ความน่าเชื่อถือ เกียรติยศ ศักดิ์ศรี ของอาจารย์ทั้งหลายในฐานะกรรมการแพทยสภา จะอยู่ในความรู้สึกที่ดีของคนไทยทั้งประเทศ
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนเพื่อดูข้อมูลในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ กระทรวงยุติธรรมมีเรื่องใดต้องกังวลหรือไม่ เนื่องจากศาลมีคำสั่งให้โจทก์และคู่ความเดิมส่งหลักฐาน และขยายมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และโรงพยาบาลตำรวจ รวมถึงกรมราชทัณฑ์ ว่า ในส่วนนี้ได้เตรียมข้อมูลไว้แล้ว โดยกรมราชทัณฑ์ได้เตรียมการไว้แต่ต้น ซึ่งจะรายงานให้ศาลทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรมราชทัณฑ์ยังมั่นใจขั้นตอนว่าได้ทำถูกต้องใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เป็นขั้นตอนที่ปฏิบัติมาตั้งแต่กฎหมายเก่า และกฎหมายใหม่ เรื่องนี้มีคำพิพากษาศาลฎีกาวางไว้ โดยกรมราชทัณฑ์จะทำอะไรต้องดูเจตนารมย์ของกฎหมาย โดยดูร่างกฎหมายแต่ละมาตรา เราทำได้แค่ไหน เพราะเรื่องการบริหารโทษในราชทัณฑ์ เราต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมยังมีข้อกังขาในเรื่องนี้ทั้งที่มีการอธิบายมาอย่างต่อเนื่อง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สังคมมีสิทธิ์กังขา ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่สังคมจะเชื่อศาลเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุด
เมื่อถามถึง การประชุมแพทยสภาในวันที่ 8 พ.ค.นี้ อาจมีการนำเสนอผลการตรวจสอบว่านายทักษิณมีการป่วยจริงหรือป่วยทิพย์ ถ้าผลออกมาในทางลบต่อนายทักษิณ จะส่งผลกระทบกับรัฐมนตรี มีข้อกังวลหรือไม่ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เราต้องรับฟัง และตนเคารพการตรวจสอบ ตอนที่ตนเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี นายทักษิณไปอยู่ที่โรงพยาบาล 1 เดือนแล้ว และเมื่อไปดูเนื้อหาข้างในทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอนหมดไม่มีอะไรผิดปกติ
เมื่อถามย้ำว่า หากศาลเรียกพร้อมที่จะชี้แจงใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า น่าจะถามรัฐมนตรีคนก่อน เนื่องจากตนไม่ได้อยู่ในช่วงเหตุการณ์นั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี