โวยแพทยสภาวินิจฉัยข้อมูลไม่ครบถ้วน
‘หมอใหญ่’ร้อง‘สมศักดิ์’
ถูกพักใบอนุญาตคดีชั้น14
ส่งข้อมูลขอความเป็นธรรม
‘อิ๊งค์’ยืนกรานพ่อป่วยจริง
พร้อมขึ้นศาลไต่สวน13มิ.ย.
แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ ส่งทนายยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจาก รมว.สาธารณสุข กรณีถูกแพทยสภาสั่งเชือดข้อหาช่วย “แม้ว” ป่วยทิพย์ โต้ปม “ไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์ว่ามีอาการป่วยวิกฤต” อ้างแพทยสภาวิฉัยจากข้อมูลไม่ครบถ้วน ด้าน“ทวี”ยันส่งเทวดาไปชั้น14 ทำถูกต้องตามระเบียบ เพราะป่วยเป็นโรคเฉพาะทาง ฝ่าย’อุ๊งอิ๊งค์’ท่องจำ’พ่อป่วยจริง’
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายเนติธร หลินตะกูล ทนายความ ผู้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กับ ว่าที่นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข จากกรณีที่ประชุมแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ คดีจริยธรรมที่เกี่ยวกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ารับการรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยมีแพทย์ 1 คน ถูกว่ากล่าวตักเตือน ส่วนแพทย์อีก 2 คน ถูกพักใช้ใบอนุญาต เนื่องจากพบให้ข้อมูลทางการแพทย์ไม่ตรงกับความเป็นจริง
นายเนติธร ทนายความ กล่าวว่า ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมต่อนายกสภาพิเศษ เพื่อให้ทบทวนในคำสั่งของแพทยสภา ขอชี้แจงตามรายละเอียดในหนังสือที่ยื่นร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจาก พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เกิดความไม่สบายใจที่ได้เห็นข่าวจากสำนักต่างๆ เลยขอใช้สิทธิ์ในการร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งข่าวที่ออกไปกระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณของท่าน เคสนี้ท่านมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว จึงได้มอบหมายให้ทนายความมายื่นเรื่องแทน
โต้แย้งไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์
ด้าน ว่าที่นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นผู้แทน รมว.สาธารณสุข รับเรื่องร้องทุกข์จากกรณีที่แพทยสภามีความเห็นลงโทษบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยโรคของนายทักษิณ โดยเอกสารคำร้องมี 2 หน้า ส่วนเอกสารอื่นๆ ตนยังไม่เห็น แต่หลักๆ เป็นการโต้แย้งกรณีที่อุปนายกแพทยสภา คนที่หนึ่ง ระบุว่า ไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์ว่ามีอาการป่วยวิกฤต โดย พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ ระบุถึงประเด็นการรักษาที่มีการวินิจฉัยตามเวชระเบียนที่มีอยู่
อ้างไม่ได้พิจารณาจากข้อมูลทั้งหมด
ว่าที่นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวว่า ดังนั้น การพิจารณาว่าผู้ป่วยวิกฤตหรือไม่ในช่วงเวลานั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ผู้ป่วยอาจอาการดีขึ้นตามลำดับ จึงมองว่าไม่ได้เป็นการพิจารณาจากข้อมูลการวินิจฉัยในช่วงนั้นทั้งหมด จึงมาขอความเป็นธรรม ส่งเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ให้ รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษฯ นำไปประกอบการพิจารณา
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ท่าน รมว.สาธารณสุข ก็ยังไม่ได้รับหนังสือจากทางแพทยสภา แต่ถ้าได้รับวันไหนก็จะมีกรอบเวลาดำเนินการภายใน 15 วัน ตนก็จะเสนอให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาช่วยพิจารณาข้อมูลต่างๆ แต่เป็นคณะทำงานที่ไม่ได้ตั้งขึ้นตามระเบียบกฎหมาย เป็นการตั้งขึ้นมาส่วนตัว รมว.สาธารณสุข เท่านั้น คาดว่าจะได้เห็นรายชื่อคณะทำงานเร็วๆ นี้
“ตนได้รับการติดต่อมาจากทีมงานของ พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ ว่าจะมายื่นเรื่อง ดังนั้น ทนายเป็นผู้รับเอกสารมาให้ แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดกับทนายความไว้ แต่เป็นการยื่นหนังสือร้องทุกข์ ลงเลขรับเอกสาร แต่พูดคร่าวๆ ได้ว่าท่านรับทราบจากสื่อว่ามีการลงโทษแพทย์ เชื่อว่าท่านจะทราบ เพราะกระบวนการที่จะลงโทษได้ จะต้องมีการไต่สวน ที่จะพอรู้ว่าใครจะถูกไต่สวนบ้าง ดังนั้น ไม่ยากที่เจ้าตัวจะพออนุมานได้ว่าน่าจะเป็นท่านที่จะถูกดำเนินการเรื่องนี้” กล่าวและว่า ประเด็นที่ร้องขอความเป็นธรรมมา สืบเนื่องจากอุปนายกแพทสภาแจ้งเรื่องข้อมูลเชิงประจักษ์ เรื่องการรักษาท่านนายกทักษิณ ว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่อย่างไร เป็นสิ่งที่ท่านมีสิทธิอธิบายต่อสภานายกพิเศษฯ ว่าท่านมีอีกหนึ่งชุดข้อมูล เพื่อใช้ในการพิจารณาว่าท่านจะมีความเห็นชัดเจน ในมุมที่ท่านคิดว่ายังไม่ได้มีการชี้แจ้งต่อแพทยสภาหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องที่วันนี้มีการยื่นเรื่องเพิ่มเติม
แพทยสภาดูข้อมูลไม่ครบ
มีรายงานจากสำนักข่าวไทย ว่าในหนังสือร้องขอความเป็นธรรมได้ชี้แจงถึงกรณีที่อุปนายกแพทยสภาท่านหนึ่งแจ้งไว้ในเรื่องของข้อมูลไม่เชิงประจักษ์ ช่วงเวลาที่มีการรักษา มีการวินิจฉัยตามเวชระเบียนที่มีอยู่ว่ามีภาวะช่วงนั้นเป็นช่วงที่วิกฤตหรือไม่วิกฤต แต่กลับไม่ได้นำข้อมูลการวินิจฉัยในช่วงนั้นมาบอกทั้งหมด จึงนำข้อมูลเพิ่มเติมกรณีที่มีการวินิจฉัยโรคมายื่นขอความเป็นธรรม ต่อสภานายกพิเศษ โดยนำข้อมูลในเชิงประจักษ์มาให้รัฐมนตรี เพื่อประกอบการพิจารณาว่าไม่ได้ทำอะไรเกินกรอบ
ผลแพทย์สภายังมาไม่ถึง
ก่อนหน้านี้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงผลสอบแพทยสภา ว่า ขณะนี้ยังมาไม่ถึงตน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ และเมื่อผลสอบมาถึงก็จะดำเนินการต่อไป ซึ่งโดยปกติตนจะไม่ยับยั้ง แต่เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน ประกอบกับผูัที่ถูกลงโทษได้ประสานกับผู้ช่วยรัฐมนตรี ขอยื่นหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรม ตนก็ต้องพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไร ซึ่งตนอาจหาคนมาช่วยอ่านช่วยดูให้ครบถ้วนตามกำหนดระยะเวลา 15 วัน นับจากวันที่มติแพทยสภามาถึง ซึ่งรวมถึงหนังสือขอความเป็นธรรมด้วย เมื่อถามว่า รู้สึกกดดันหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่กดดัน แต่มีความตั้งใจทำให้ชัดเจนเพื่อตอบประเด็นคำถามต่างๆให้ได้ เมื่อถามว่า ส่วนตัวเป็นรมต.พรรคเพื่อไทย จะมีใบสั่งหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยิ่งต้องละเอียด ยืนยันว่า ตนทำงานด้วยเหตุด้วยผลตลอด ตนอยู่วงการการเมืองมาตั้งแต่ปี 2526 เป็นเวลา 40 กว่าปี อะไรที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลตนไม่กล้าทำ ขอให้สบายใจ และหากอะไรเปิดเผยได้ตนก็พร้อมเปิดเผย “ผมไม่คิดหนัก ตรงไปตรงมา ผมอยู่ตรงกลางต้องชี้แจงให้ได้สองทาง เพราะต้องทำงานร่วมกับแพทยสภา” นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อถามว่า หากมีความเห็นคล้อยตามไปฝั่งผู้ขอความเป็นธรรมเกรงว่าทัวร์จะลงหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเราตรงไปตรงมาอย่าไปกลัว ตนไม่เคยกลัวมาตลอดชีวิตการเป็นนักการเมือง
ทวีย้ำทำตามกฎหมาย
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแพทยสภาสั่งลงโทษหมอ 3 คน กรณีส่งตัวนายทักษิณ ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ว่า ตนยังไม่เห็นรายงานมติแพทยสภา แต่คาดเดาว่าแพทย์ที่ถูกว่ากล่าวตักเตือนเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่ขอดูรายละเอียดก่อน ในฐานะเป็น รมว.ยุติธรรม ขอชี้แจงว่า เรื่องของระเบียบกรมราชทัณฑ์ เป็นกฎหมายที่เพิ่งออกมาใหม่ ทั้งนี้การพิจารณากฎหมายใหม่ ต้องดูกฎหมายเก่าประกอบด้วย และมั่นใจว่ากระทรวงยุติธรรมได้ทำตามกฎหมาย และก็ทำเช่นนี้มาโดยตลอด ทั้งนี้ กรณีผู้ต้องขังป่วยโรคเฉพาะทาง ต้องใช้หลักที่ว่า หากเป็นโรคที่สถานพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ไม่มีศักยภาพในการรักษา ก็จะส่งไปรักษาโรงพยาบาลภายนอก ซึ่งในระหว่างที่ส่งไปรักษาตัวนั้น โรงพยาบาลดังกล่าวยังถือเป็นที่คุมขัง สถานที่หนึ่ง คือควบคุมดูแลไม่ให้หลบหนี หรือไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน
ยึดตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่าหลังจากแพทยสภา มีมติออกมาแล้ว ต้องมีหน่วยงานใดรับผิดชอบหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขอดูเนื้อหารายละเอียดก่อน เมื่อถามย้ำว่า แม้จะไม่ได้ป่วยวิกฤต แต่หากเป็นโรคที่สถานพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่สามารถรักษาได้ ก็มีสิทธิ์ส่งไปรักษาตัวภายนอกใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ในมาตรา 53 บัญญัติไว้ว่า รัฐต้องปฏิบัติตาม และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งเราก็ปฏิบัติตามลายลักษณ์อักษรในรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่า แพทยสภาระบุว่าไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่านายทักษิณ ป่วยวิกฤติ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ยิน และยังไม่มีใครพูดเรื่องนี้กับตน และคิดว่าแพทยสภาไม่ได้พูดอย่างนั้น เมื่อถามว่า จะมีการยื่นอุทธรณ์ มติแพทยสภาหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ใครที่เห็นว่ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องและชอบธรรม ก็มีช่องทางร้องเรียนได้ เช่น คณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือองค์กรอิสระอื่นฯ อย่างไรก็ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ได้ผ่าน การพิจารณา คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะที่11 ซึ่งขณะนั้นได้นำบทบัญญัติในมาตรา246 มาเทียบกับมาตรา55ด้วยและเห็นว่าไม่ขัดกัน เมื่อถามถึงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองร้อง ป.ป.ช.เอาผิดฐานฝ่าฝืน รธน.ม.234 ว่า มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า นายเรืองไกร มีสิทธิ์ไปยื่นร้อง แต่เมื่อเราปฏิบัติตามกฎหมายและพรบ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ซึ่งบังคับใช้ในขณะที่ตนไม่ได้เป็น รมว.ยุติธรรม บางครั้งการเคารพสิทธิเสรีภาพ หรือการเจ็บป่วย รัฐธรรมนูญก็ให้การคุ้มครองผู้ต้องราชทัณฑ์ด้วย เพราะถือเป็นประชาชน
“อิ๊งค์”ยัน’แม้ว’ป่วยจริง
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีแพทยสภามีมติ ลงโทษแพทย์จากกรณี นายทักษิณ ชินวัตร เข้าพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ปรากฏการณ์ดังกล่าว มองว่าเป็นการล้อมกรอบพรรคเพื่อไทยว่า ที่จริงแล้ว เรื่องนี้ยังไม่มีข้อยุติว่าเป็นอย่างไรและยังไม่มีแพทยสภาคนใด ที่ออกมาพูดว่านายทักษิณป่วยจริงหรือไม่จริง ยังไม่ได้มีข้อสรุปตรงนี้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ จะแปลว่าอย่างไรก็ไม่ทราบจริงๆส่วนจะเป็นชนชั้นอะไรอย่างไรก็ไม่ทราบ เพราะไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้นผู้สื่อข่าวถามว่า หลังแพทยสภามีมติออกมา จะมีผลอะไรตามมากับนายทักษิณหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่มี และคุณพ่อเตรียมที่จะชี้แจง ซึ่งเป็นการชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง เมื่อถามย้ำว่า ประเด็นนี้สามารถแจงสังคมได้ใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า แจงได้ และพูดมาตลอดว่านายทักษิณ อายุมากแล้ว และเคยเป็นโควิดตั้งแต่ ก่อนกลับประเทศไทยตอนอายุ 72 ปี ตนจำได้เพราะไม่สบายหนัก และมีประวัติเรื่องนี้ตั้งแต่การรักษาที่เมืองนอกและเกี่ยวเนื่องกันมา ที่ไม่เรื้อรังก็มี ซึ่งในทางการแพทย์ประวัติการรักษาชี้แจงได้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าประเด็นนี้ถูกหยิบมาโจมตีนายกฯและพรรคเพื่อไทย ว่าเป็นการป่วยทิพย์ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราชี้แจงตามข้อเท็จจริง ใครจะคิดอย่างไรไม่สามารถห้ามได้ ส่วนเรื่องผลกระทบต่อตน เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนเป็นนายกฯหลายเดือน ซึ่งชัดเจนด้วยกรอบของเวลา จึงไม่รู้จะชี้แจงอย่างไร
13มิย.ไปศาลไต่สวนแน่
เมื่อถามว่าในวันที่ 13 มิ.ย.นี้นายทักษิณ จะไปขึ้นศาล ตามกระบวนการใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ใช่ เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่งเจอกันก็บอกแบบนั้น
เมื่อถามย้ำว่าขณะนี้นายทักษิณ กับนายกฯ อาจจะยังไม่มีผลกระทบแต่คนที่ได้รับผลคือแพทย์ที่ทำการรักษาและได้รับผลกระทบแล้วทั้ง 3 คน นายกฯ กล่าวว่า ต้องชี้แจงกันต่อไป แต่ไม่ใช่ว่าตนไม่มีผลกระทบ เพราะกระทบมาตลอดอยู่แล้ว กระทบมาตั้งแต่มีคำตัดสินให้ติดคุก มาตั้งแต่ตอนนั้น ตรงนี้พูดถึงเรื่องความรู้สึกซึ่งรู้สึกมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่ถามว่าจะทำอะไรได้บ้างตอนนี้ คือเรื่องแรกต้องชี้แจงข้อเท็จจริง ตามหลักฐานและสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องเป็นไปตามนั้น เมื่อถามย้ำว่า นายกฯยืนยันใช่หรือไม่ว่า นายทักษิณ ป่วยจริงตามที่เคยพูดไว้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ ป่วยจริง เหมือนที่พูดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังยืนยันเหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่คำแถลงของแพทยสภาดูเหมือนสวนทาง น.ส.แพทองธาร ย้อนว่า แล้วเขาพูดว่าท่านป่วยจริงหรือเปล่า ผู้สื่อข่าวตอบว่าไม่ได้พูดชัดขนาดนั้น แต่มีการระบุว่าแพทย์ทั้ง 3 คนที่ถูกลงโทษมีความบกพร่อง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เขาก็ต้องมีการชี้แจงต่อไป
พท.ยัน’นายใหญ่’มีความสุข
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเรียกไต่สวนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ทำให้มีการวิเคราะห์อาจจะส่งผลกระทบทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยในอนาคตว่า มีคนพูดไป และบอกว่านายทักษิณมาแทรกแซง แต่จริงๆในพรรคไม่มี ตนเป็นประธานที่ประชุมทุกครั้ง ก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากนายทักษิณว่าให้ทำเช่นนั้นเช่นนี้ แต่ท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากมาย เป็นธรรมดาที่รัฐมนตรีอาจจะปรึกษาหารือกับคนที่มีความรู้ความสามารถ
เมื่อถามว่า ช่วงเวลาที่ศาลจะนัดยังมีคนจับตาเรื่องการงัดคานกันอยู่ระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในเรื่องการฮั้วสว. จะทำให้มีอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า คนทั่วไปก็พูดกัน ในเมื่อมีผู้สมัครที่เป็นสว.สำรอง ไปร้องกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่ามีการฮั้วเช่นนั้นเช่นนี้ หรือแม้กระทั่งการไปร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หาก กกต.และดีเอสไอไม่ทำหน้าที่ก็จะโดนมาตรา157 ซึ่งนี่ไม่ใช่การเมือง เขาทำตามหน้าที่เพราะมีคนไปร้อง ส่วนข้อเท็จจริงอย่างไรก็ไปว่ากันในชั้นศาล ยืนยันว่า นายทักษิณ สบายดี มีสส.ไปรับประทานข้าวด้วยเป็นประจำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี