คดีฮั้วสว.ไม่สะดุด
DSIลุยต่อแม้‘ทวี’หยุดทำหน้าที่
‘อิ๊งค์’รอครม.เคาะคนคุมแทน
‘ฉัตรวรรษ’นัดถกเพื่อนสว.
ก่อนเข้าชี้แจงกกต.19พ.ค.นี้
กกต.เผยคดีคืบหน้ากว่า50%
นายกฯให้รอครม.เคาะคนกำกับดูแลดีเอสไอแทน “ทวี” ที่ถูกศาลรธน.สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ โฆษกดีเอสไอยันเดินหน้าทำคดีฟอกเงิน-อั้งยี่ กรณีฮั้วสว.ต่อไป ชี้การบริหารกับคดีเป็นคนละส่วนกัน ยืนยันไม่กังวลหาก สว.จะดำเนินคดีกลับ ขณะที่“สว.ฉัตรวรรษ” กลับลำขอโทษกกต.ใช้คำก้าวร้าว ยันไม่คิดเป็นการสัมภาษณ์สื่อ คิดแค่คุยธรรมดา เตรียมนัดคุยเพื่อน สว.ที่ถูกหมายเรียกเข้าชี้แจงในวันที่ 19พฤษภาคม ส่วน“กมธ.ป.ป.ช.”เผยกกต.แจงคดีฮั้ว สว.คืบหน้ากว่า50% ชี้ต้องรอบคอบ หวั่นสุกเอาเผากิน อาจต้องถูกดำเนินคดี
เมื่อวันที่ 15พฤษภาคม 2568 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่สั่งการกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะให้ใครทำหน้าที่ดูแลแทน โดย น.ส.แพทองธาร หันไปสอบถาม นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก่อนตอบคำถามว่า เรื่องนี้ต้องเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนเมื่อถามอีกว่านายกฯจะดูแลเองหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงต้องมอบหมายให้ใครดูต่อ
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะกระทบการทำงานหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงต้องให้ พ.ต.อ.ทวี คุยว่าจะส่งงานที่ค้างอยู่อย่างไร ไม่เป็นไรเดี๋ยวคุยกันในที่ประชุม ครม.แต่ก็จะหาคนแทนได้
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยถึงกรณีที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในส่วนกำกับดูแลดีเอสไอ จากกรณีคดีฮั้วเลือก สว.67 โดยระบุว่าเรื่องดังกล่าว เราดูจากเนื้อหาข่าวที่ออกมา เป็นเรื่องการหยุดปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจของรัฐมนตรีใน 2 หมวก คือ หมวกการบริหาร ในฐานะกำกับดูแล และหมวกที่ 2 คือ รองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (บอร์ด กคพ.) ซึ่งในกระบวนการสืบสวนสอบสวนเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ดำเนินการ ไม่ได้เกี่ยวโยงกับรัฐมนตรี ส่วนจะมีผลต่อการทำงานของดีเอสไอหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าไม่มีผล เพราะพยานหลักฐานยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน ทุกอย่างก็ต้องเดินไปตามปกติหลักการทำงานของดีเอสไอ คือ ฟังความทั้งสองฝ่าย ดีเอสไอต้องการให้ได้ข้อเท็จจริงที่นิ่งที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนจะผิดหรือไม่ และมีใครผิดค่อยว่ากันอีกครั้ง
ส่วนที่ฝั่ง สว. เริ่มเดินเกมกลับอย่างต่อเนื่องในการเอาผิดดีเอสไอนั้น มันเป็นเรื่องที่ทุกคนตรวจสอบกันได้ ย้ำว่าต้องแยกเรื่องบริหารในการกำกับดูแลกับเรื่องคดีเป็นคนละส่วนกัน ซึ่งไม่กังวลว่าจะถูกดำเนินคดี ส่วนฐานความผิดในคดีฟอกเงินและอั้งยี่ที่ดีเอสไอกำกับดูแลเป็นภารกิจประจำตามกฎหมาย ส่วนจะมีความคืบหน้าอย่างไรต้องรอคณะทำงานแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้ง เมื่อถามว่า ดีเอสไอต้องลดบทบาทตัวเองลงหรือไม่เพราะ สว. มองว่าดีเอสไอเข้าไปแทรกแซงกระบวนการของ กกต.พ.ต.ต.วรณัน ยืนยันว่า วันนี้เรายังใช้กระบวนการสอบสวนตามขั้นตอนของกฎหมาย
ที่รัฐสภา พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. แถลงชี้แจงกรณีที่ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลธรรมนูญ มีมติสั่งพ.ต.อ.ทวี หยุดปฎิบัติหน้าที่กำกับดูแลดีเอสไอ ว่า จากข่าวที่ถูกนำเสนอเหมือนการใช้คำรุนแรงนั้น ถือเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์กับสื่อมวลชนกันธรรมดา เป็นพี่เป็นน้องอาจใช้คำพูดในลักษณะหนึ่ง ที่มีนักข่าวผู้หญิงโทรศัพท์ หาตนซึ่งเพิ่งลงจากเครื่อง และสื่อไม่ได้บอกว่าจะขอเป็นข่าว ส่วนการแถลงข่าวคือการแถลงข่าว ต่อสาธารณะในรูปแบบหนึ่ง สิ่งที่เห็นว่าไม่สมควรคือการพูดคุยไม่น่าไปอัดคลิป และนำไปออกข่าวนำเสนอ ถ้าบอกก่อนว่าจะอัดคลิป ไปเสนอข่าวจะใช้คำพูดอีกแบบ แต่ถ้าพูดคุยกันธรรมดา จะพูดคุยตามประสาวันนี้จึงอยากมาชี้แจงและขอโทษโดยเฉพาะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทุกเรื่องพร้อมที่จะพิสูจน์ สว.ทุกคนก็พร้อม เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายทำด้วยความสุจริตและโปร่งใสเราพร้อมหมด แม้กระทั่งการไปชี้แจงต่ออนุกรรมการ กกต. หรือในส่วนที่เกี่ยวข้อง
“ในฐานะเป็นอดีตข้าราชการตำรวจ การเชิญกลุ่มคนมาให้ถ้อยคำหรือเป็นพยานต้องชี้แจงประเด็นว่าจะ สอบประเด็นใดบ้าง ไม่ใช่แจ้งข้อหาผิด เกี่ยวกับการกระทำ เท่าที่ได้อ่านเอกสารดู ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปตอบประเด็นใด ทั้งนี้อยากย้อนกลับไปยังผู้ตั้งคำถามที่กล่าวหา ว่ามีประเด็นที่จะให้ตอบหรือไม่อย่างไร และในเอกสารระบุว่าจะไปให้ถ้อยคำหรือไม่ไปก็ได้ พร้อมให้มีบุคคลหนึ่งบุคคลใดติดตามไปด้วยก็ได้ 1 คน ซึ่งถ้าสอบกันโดยเที่ยงธรรมก็ต้องสอบทั้ง 200 คน ไม่ใช่จะเอากลุ่มหนึ่งกลุ่มใดแล้วไปตั้งสีนั้นสีนี้ ตนไม่เข้าใจ ไปแล้วไม่สามารถไปตอบคำถามท่านได้ก็ไม่มีประโยชน์ ต้องดูเหตุและผล โดยจะหารือกับสมาชิกวุฒิสภาทุกคน ที่ถูกเรียกหรือที่จะต้องถูกเรียกในอนาคตให้เป็นรูปแบบเดียวกัน ยังมีเวลาอยู่ก่อนจะถึงวันที่ 19 พ.ค.” พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าว
ที่รัฐสภา นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังประชุมเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีการฮั้วตั้ง สว.โดยได้เชิญผู้ร้องเรียน ตัวแทน กกต.และ สว.สำรอง ผู้ร้อง มาให้ข้อมูล ว่า หลังจากประชุม 3 ชั่วโมงเศษ ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นถึงกรณีที่มีความล่าช้าในการพิจารณาตรวจสอบคดีฮั้วเลือก สว.ซึ่ง ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต.ในฐานะประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวนส่วนกลาง คณะที่ 26 ของ กกต.ซึ่งเป็นคณะที่ร่วมงานกับเอสเอสไอในการตรวจสอบคดีฮั้ว สว.ชี้แจงว่า เหตุที่ล่าช้าในการดำเนินคดีฮั้ว สว.เพราะต้องใช้กระบวนการหลายกระบวนการ มีหลายคณะ แต่ขณะนี้ก็ถือว่าคดีคืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งเดิมที่เคยมีกรอบเวลาวินิจฉัยภายใน 1 ปีนั้น ตามกฎหมายใหม่ ไม่ได้มีกำหนดเวลา แต่ยืนยันว่าใช้เวลาอีกไม่นาน
นายฉลาด กล่าวต่อว่า กกต.แจงว่าขณะนี้มีความคืบหน้าไปเกิน 50% แต่ยืนยันว่าจะต้องทำด้วยความรอบคอบ หากทำแบบสุกเอาเผาเผากิน กกต.คงไม่มีที่อยู่ อาจถูกดำเนินคดีในภายหลังได้ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความรอบคอบ บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย จึงต้องขอเวลา ซึ่ง กมธ.ฯ จะได้ติดตามความคืบหน้าต่อไป และตนขอย้ำว่าหากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็ส่งให้มาให้ กมธ.ฯ ได้ เพื่อส่งต่อไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ กกต.ดำเนินการต่อ และยืนยันว่าในการประชุมวันนี้ไม่มีเรื่องการเมือง เราประชุมด้วยการทำหน้าที่เป็นกลาง เพื่อหาข้อเท็จจริง ซึ่งผู้ร้องก็มีความพอใจในระดับหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายฉลาดได้หันไปจับมือกับกลุ่ม สว.สำรอง พร้อมกับบอกว่า สว.สำรอง จะได้นอนหลับแล้ว พร้อมกับหัวเราะ
ที่รัฐสภา ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในฐานะประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ของ กกต. ซึ่งเป็นคณะที่ร่วมงานกับเอสเอสไอในการตรวจสอบคดีฮั้ว สว. กล่าวภายหลังเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการปราบปรามการประพฤติมิชอบ(กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ถึงกระบวนการไต่สวนสอบสวน หลังจากที่ สว. เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ว่า รอให้มีการรับทราบข้อกล่าวหาก่อน ยืนยันว่ากระบวนการไต่สวนในเรื่องนี้ไม่ได้ล่าช้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี