‘หนู’โวรบ.อยู่ครบเทอม
การันตีพรบ.งบผ่านฉลุย
พรรคร่วมไม่ขัดแย้ง
ไร้สัญญาณปรับครม.
“อนุทิน”แจงเปลี่ยนเลนส์ตา เห็นอะไรชัด ใสปิ๊ง ยันแพ็กทุกพรรค หลังโชว์“พีระพันธุ์” เยี่ยมไข้ผนึก"ภท.-รทสช."เชื่อ"กล้าธรรม"ระดมคนการเมือง ต้องการเติบโต ไม่ใช่คานอำนาจ ยันพูดคุย’ธรรมนัสงประจำ ชี้คดี"ทักษิณ"ไม่สะเทือนรบ.มั่นใจนายกฯบริหารครบเทอม ย้ำไร้สัญญาณปรับครม.พร้อมปฏิเสธกระแสคว่ำงบ69 อ้างรบ.ร่วมกันทำงบล้านล้านบาท ล้มไม่ได้ประชาชนเสียประโยชน์
เมื่อเวลา 1.17น.วันที่ 19พฤษภาคม2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ได้เดินทางมาร่วมภารกิจต้อนรับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ถือเป็นการกลับมาปฎิบัติหน้าที่ครั้งแรกหลังจากพักรักษาตัวจากการผ่าตัดเลนส์ตา ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคมโดยผู้สื่อข่าวพยามขอสัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้ โดยนายอนุทิน ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ พร้อมบอกว่า “No News” ก่อนจะเดินขึ้นตึกบัญชาการ1พร้อมทำท่าทางตวัดลายเซ็น เพื่อส่งสัญญาณว่า จะไปขึ้นไปเซ็นเอกสาร
‘อนุทิน’ยันพรรคร่วมรบ.ไร้ขัดแย้ง
นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่ถูกวิจารณ์ว่ากำลังตึงเครียดระหว่างสีแดง และ สีน้ำเงินว่า ทุกอย่างเป็นปกติและรัฐมนตรีทุกคนก็เดินทางมาให้การต้อนรับประธานาธิบดีแห่งสาธาณรัฐอินโดนีเซียกันพร้อมหน้าพร้อมตา ทำไมสื่อถึงไปมองว่าตึงเครียด สถานการณ์ในขณะนี้ไม่มีอะไรเลย เมื่อถามว่า ส่วนสถานการณ์การเมืองตอนนี้พรรคเพื่อไทยแพ็กกับพรรคกล้าธรรม เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทยจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังโพสต์ภาพ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มาเยี่ยมขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาล นายอนุทิน กล่าวว่า “พรรคภูมิใจไทยแพ็กกับทุกพรรค แม้กระทั่งพรรคฝ่ายค้าน หากทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศบ้านเมืองและประชาชน ก็พร้อมหมดทุกอย่าง เราเอาประชาชนเป็นหลัก”
‘กล้าธรรม’มุ่งโต-ไม่ใช่คานอำนาจ
เมื่อถามว่า การเติบโตของพรรคกล้าธรรม เป็นการคานอำนาจพรรคภูมิใจไทยในรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี ทุกพรรคการเมืองต้องการเติบโต และหากพรรคไหนรับใช้ประชาชน และทำให้มั่นใจได้พรรคนั้นก็จะเติบโต เหมือนพรรคภูมิใจไทย เมื่อถามว่า นายอนุทิน สามารถพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส. พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรมได้ดีอยู่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ได้คุยกัน คุยกันตลอดเวลา และทำงานด้วยกัน เมื่อถามย้ำถึงกระแสการปรับ ครม.ขณะนี้ยังมีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า“ไม่มี ผมขอตอบเป็นครั้งที่11ว่าไม่มี”
คดีชั้น14ไม่สะเทือน-อยู่ครบเทอม
เมื่อถามว่าสถานการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีผลกระทบอะไรกับรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลมีความเข้มแข็ง วันนี้ก็ 320 กว่าเสียงแล้วและยิ่งมีสมาชิกในพรรคกล้าธรรมมาเพิ่ม ยิ่งทำให้รัฐบาลเข้มแข็งขึ้น จึงทำให้ตนไปผ่าตัดรักษาเลนส์ตาได้อย่างสบายใจ เมื่อถามว่า สถานการณ์ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเกี่้ยวกับคดีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนคดีชั้น14ในวันที่ 13มิ.ย.จะกระทบรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เพราะเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ส่วนรัฐบาลเป็นเรื่องฝ่ายบริหาร ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นรัฐบาลก็ต้องอยู่บริหารประเทศไป เรามี 3 เสาหลักซึ่ง ประกอบด้วย ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ซึ่งแยกหน้าที่กันอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ความเป็นพ่อลูกของนายทักษิณ กับนายกฯ ก็ต้องถูกมองว่าเกี่ยวพันกันอยู่แล้ว นายอนุทิน กล่าวว่า คนที่เติบโต และมีภาระการรับผิดชอบระดับบริหารประเทศได้ ทุกคนก็ต้องแยกแยะถูกว่า อะไรเป็นเรื่องส่วนรวมของประเทศ ประชาชน และเรื่องส่วนตัวนำมารวมกันไม่ได้ หากนำมารวมกันก็ทำงานไม่ได้ และตนยังไม่เคยเห็นใครในรัฐบาลเอาเรื่องส่วนตัวและเรื่องส่วนรวม มารวมกันในการทำงาน
เปลี่ยนเลนส์ตาใหม่มองอะไรใสปิ๊ง
เมื่อถามว่ามองสัญญาณบวกของสีน้ำเงินเป็นอย่างไรหลังศาลต่างๆมีท่าทีต่างๆออกมา นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มองอะไรเลย เพราะตนมองเรื่องการทำงาน“สายตาที่เคยขุ่นมัว ตอนนี้เปลี่ยนเลนส์ตาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เห็นอะไรได้ชัด ใสปิ๊งๆทำงานได้แล้วและกลับมาใส่แว่นก็หล่อเหมือนเดิม”เมื่อถามว่ามองเห็นอนาคตรัฐบาลชัดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า“ชัดครับ ครบเทอม”เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคภูมิใจไทย จะคว่ำร่างงบประมาณร่ายจ่ายประจำปี69 นายอนุทิน ปฏิเสธพร้อมยืนยันไม่มี ข่าวที่ออกมาไม่รู้ว่าใครเอาไปพูด เพราะในเรื่องงบประมาณรัฐบาลก็ทำมาด้วยกันและผ่านความเห็นชอบจากครม.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ก่อนอธิบายเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทย ที่ตนรับผิดชอบอยู่ งบประมาณ 4 แสนล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการ ก็ 5 แสนล้านบาท กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และ นวัตกรรม ก็ 2 แสนล้าน กระทรวงแรงงาน ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงเฟล่นี้ที่ตนกับกับดูแล งบประมาณ เกือบล้านล้านบาท ดังนั้นหากไม่เห็นชอบหรือไปโหวตคว่ำ มันจะผ่านมติจากครม.ได้อย่างไร รวมถึงกระทรวงอื่นๆด้วย เพราะนี่เป็นเรื่องของรัฐบาล และประชาชนเราก็ให้การสนับสนุน
เรื่องไร้สาระ’ณฐพร’ยื่นยุบ’ภท.’
‘นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณี นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยว่า ตนไม่รู้จักนายณฐพรมายื่นยุบพรรคภูมิใจไทยได้อย่างไร เป็นใครก็ไม่รู้ ตนไม่ได้มองอะไร ไร้สาระ เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า พรรคภูมิใจไทยไม่เข้าข่ายความผิด คำร้องยื่นยุบพรรคนายอนุทินกล่าวว่า เราไม่เคยทำอะไรผิด สมาชิกพรรคทุกคน ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารและในฝ่ายนิติบัญญัติก็ทำหน้าที่สส. เขาก็ทำงานในส่วนของเขา ขอย้ำว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า นายณฐพร ยื่นกล่าวหาว่า พรรคภูมิใจไทยล้มล้างการปกครอง นายอนุทิน หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ฝันกลางวัน”เมื่อถามอีกว่านายณัฐพร เคยยื่นยุบพรรคก้าวไกลในกรณีเดียวกัน นายอนุทิน กล่าวว่า”เป็นใครยังไม่รู้จักเลย ปัดโธ่ ยุบพรรคใครจะไปยุบได้ ใครทำผิดมา ทุกคนก็ยื่นได้ ไม่ใช่ฝีมือ หรือผลงานอะไรทั้งสิ้น”เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองใช่หรือไม่นายอนุทิน กล่าวว่า “ไม่มีครับ มั่นใจไม่เคยทำอะไรที่ไม่ดี”
‘อนุดิษฐ์-การุณ’ย้ายซบ‘กล้าธรรม’
เวลา 15.00น.ที่พรรคกล้าธรรม (กธ.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม.เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรค กธ.โดยมี นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา นายทะเบียนพรรค และนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เลขาธิการพรรค ให้การต้อนรับ จากนั้นเวลา 15.25น.นายอรรถกร และนายไผ่ พร้อมด้วย น.อ.อนุดิษฐ์ และนายการุณ แถลงข่าวร่วมกันภายหลังสมัครสมาชิกพรรคเสร็จสิ้น
โดยนายอรรถกร กล่าวว่า บุคลากรทั้งสองคนถือเป็นการเสริมทัพพรรค กธ.ที่ตรงจุด เชื่อว่าทั้งสองคนจะทำให้พรรค กธ.มีความพร้อมที่จะทำงานให้ประชาชนทั่วประเทศได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ตนได้รับมอบหมายจากนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค กธ. ว่าหลังจากกระบวนการสมัครเป็นสมาชิกพรรคเสร็จสิ้น ให้เตรียมเสนอเอกสารไปยังหัวหน้าพรรคให้มีคำสั่งเร่งด่วนแต่งตั้ง น.อ.อนุดิษฐ์ เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค เพื่อช่วยวางแผนยุทธศาสตร์ให้พรรค โดยหลังจากนี้จะขึ้นรถด่วนไปยังหัวหน้าพรรค เพื่อมอบหมายภารกิจสำคัญให้กับทั้งสองคน
นายกฯบินอังกฤษ-โมนาโก 21-25พค.
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะมีกำหนดการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักร และราชรัฐโมนาโก ระหว่างวันที่ 21 – 25 พ.ค. 68 โดยนายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางในคืนวันที่ 20 พ.ค.นี้ และจะเดินทางถึงกรุงลอนดอนช่วงเช้าของวันที่ 21 พ.ค. เวลา 07.30 น โดยการเดินทางครั้งนี้ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งส่วนราชการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ เปิดช่องทางขยายตลาดและเพิ่มมูลค่าสินค้าไทย ผ่าน Soft Power ด้านอาหาร กีฬา การท่องเที่ยว ซึ่งสหภาพยุโรปเป็นตลาดที่สำคัญของสินค้าของไทย
ทั้งนี้ หลังเดินทางถึงกรุงลอนดอน ในเช้าวันที่ 21 พ.ค. นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีเปิดตราสัญลักษณ์ Thai SELECT โฉมใหม่ ซึ่งภายในงาน มีการจัดแสดงสินค้าอาหารไทย ผลไม้ ข้าวหอมมะลิ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ศิลปวัฒนธรรม การนวดแผนไทย และการแสดงมวยไทย และนายกรัฐมนตรีจะร่วมประชุมกับ “ทีมไทยแลนด์” และผู้นำเข้าสินค้าอาหารรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร ต่อด้วยสมาคมธุรกิจไทยในสหราชอาณาจักร (Association of Thai Businesses in the UK) เพื่อหาแนวทางขยายตลาดและเพิ่มมูลค่าการค้าสินค้าอาหารไทย โดยเฉพาะผัก ผลไม้สดและข้าวหอมมะลิ ในสหราชอาณาจักร และยุโรป จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะมอบประกาศนียบัตร Thai SELECT แก่ร้านอาหารไทยที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน จำนวน 115 ร้าน และรับฟัง แนวทางในการพัฒนากับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารไทยในสหราชอาณาจักร
ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะเยี่ยมชมค่ายมวยไทยที่มีชื่อเสียงในกรุงลอนดอน เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือด้านกีฬาระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร รวมถึงการผลักดันระบบการรับรองมาตรฐานเทรนเนอร์ ผู้ฝึกสอนมวยไทยในต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งมิติของ Soft Power ด้านกีฬา
เปิดประตูการค้าในสหภาพยุโรป
จากนั้นวันที่ 22 พ.ค.นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมกิจกรรม In-store Promotion และประชาสัมพันธ์สินค้าไทย ณ ห้างค้าปลีก Wing Yip Superstore สาขา Cricklewood ซึ่งเป็นซูเปอร์สโตร์รายใหญ่ของสหราชอาณาจักรที่นำเข้าสินค้าอาหารจากเอเชียกว่า 4,500 รายการ และกว่า 1,000 รายการจากประเทศไทย โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งออกสินค้าอาหารไปยังสหราชอาณาจักรมูลค่ากว่า 33,000 ล้านบาท คิดเป็น 72% ของการส่งออกสินค้าไทยไปยังสหราชอาณาจักร และในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะหารือร่วมกับผู้อำนวยการด้านการท่องเที่ยวภาคพื้นยุโรป เพื่อมอบนโยบายและแลกเปลี่ยนมุมมอง และผลักดันการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของไทยให้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน
นายจิรายุ กล่าวว่า ในวันที่ 23 พ.ค. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางจากกรุงลอนดอน ไปยังเมืองมอนติคาร์โล ราชรัฐโมนาโก เพื่อร่วมหารือกับผู้บริหารระดับสูงของการแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่ง Formula 1 เพื่อศึกษาความเป็นไปได้สำหรับการจัดการแข่งขัน F1 รูปแบบในเมือง (City Circuit) ในประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรียังได้รับเชิญให้เยี่ยมชมสนามแข่งและร่วมรับชมการแข่งขัน Formula 1 Tag Heuer Monaco Grand Prix ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามแข่งรถที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ที่สามารถสร้างรายได้ในรูปแบบที่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้น
“การเดินทางครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีเป็นการผลักดันนโยบายเชิงรุก ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การส่งออก การท่องเที่ยว และ Soft Power เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในสายตานานาชาติ โดยเฉพาะในตลาดสหราชอาณาจักรและยุโรป ซึ่งมีศักยภาพสูง โดยนายกรัฐมนตรีมุ่งมั่นดึงดูดและส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ในไทย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญในการเปิดทางให้ผู้ประกอบการของไทยได้ขยายพื้นที่ทางการค้าบนเวทีโลกอย่างยั่นยืน” นายจิรายุ ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี