‘จตุพร-สนธิ’เสื้อขาว! จับมือสวมกอดกลางเวที ประกาศก้าวข้ามขัดแย้ง หวังผนึกแรงฝ่ายประชาชนร่วมสร้างอนาคตบ้านเมือง ลั่นพวกการเมืองหลอกลวงไปจับมือข้ามขั้ว ได้ดีมีอำนาจกันแล้ว จะมาทะเลาะทำบ้าอะไรอีก ย้อนรู้ธาตุแท้‘ทักษิณ’คน 2 มาตรฐาน ทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชน ทอดทิ้งประชาชนต่อสู้ ล้มตาย ติดคุก จึงแยกทางกัน
26 พฤษภาคม 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อวันที่ 25 พ.ค.68 โดยเรียกร้องให้ประชาชนก้าวข้ามความขัดแย้งสีเสื้อในอดีต แล้วมาผนึกกำลังแรงกายและจิตใจเพื่อปกป้องและสร้างอนาคตของชาติบ้านเมืองของฝ่ายประชาชน
นายจตุพร กล่าวว่า การสวมกอดกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล บนเวทีอภิปรายความจริงมีหนึ่งเดียว ว่า ตนกับนายสนธิ แม้ในอดีตอยู่คนละฝ่ายการต่อสู้ทางการเมืองกัน แต่ไม่มีเรื่องส่วนตัวใดขัดแย้งกัน โดยต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง อย่างไรก็ตามเมื่อ 7 ปีที่แล้วขณะติดคุกอยู่ ตนได้เจอนายสนธิที่ รพ.ราชทัณฑ์ ได้คุยกันเรื่องชาติบ้านเมือง และหวังจะมีโอกาสได้แถลงถึงการกระทำสิ่งใดร่วมกันสักครั้ง
นายจตุพร กล่าวว่า กระทั่งตนออกจากคุก แล้วเวลาผ่านเลยมาถึงช่วงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาไทย ตนได้คุยกับทุกฝ่าย ซึ่งนายสนธิ เป็นคนหนึ่งที่ได้คุยกันด้วย และเข้าใจกันว่า ความขัดแย้งและต่อสู้กันระหว่างสีเสื้อได้จบลงไป เพราะตั้งแต่นายทักษิณ กลับไทย ได้ทำให้ธาตุแท้ของความจริงหลายอย่างกระจ่างชัดขึ้น
“ที่สำคัญนายทักษิณ ได้ผลักดันให้ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว อย่างไรก็ตาม หากแต่ละฝ่ายสีเสื้อรู้ว่าปลายทางการเมืองจะถูกหลอกลวงด้วยการผสมพันธุ์รัฐบาลแบบนี้ คงได้ตัดสินใจกันใหม่และขยาดกับการต่อสู้กับพรรคการเมือง” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า แม้เสื้อแดงบางส่วนสนับสนุนนายทักษิณ แต่เสื้อเหลืองก็ต่อต้านนายทักษิณข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่เพียงเท่านั้น นายทักษิณยื่นถวายฎีกาแล้วยอมรับได้ทำความผิดคดีทุจริตจริง แสดงว่าข้อหาคอร์รัปชั่นไม่ได้มาจากคณะยึดอำนาจเมื่อ ปี 2549 ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มายัดเยียดความผิดให้
“การได้รัฐบาลข้ามขั้วนั้น ถ้าประชาชนยังโง่ดักดานอยู่ก็ต้องทะเลาะกันต่อไป เพราะพวกเขาไปดีกันหมดแล้ว ได้ข้ามขั้วตั้งรัฐบาลไม่เห็นหัวประชาชนแล้ว ซึ่งประชาชนไม่ได้อะไรด้วยเลย ไม่ว่าชนะ-แพ้-ตายหรือติดคุกก็เป็นประชาชน แล้วจะไปบ้าทะเลาะกันอีกทำไม” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า ในฝ่ายประชาชนนั้นเคยเป็นพวกเดียวกันและได้ร่วมต่อสู้ในเหตุการณ์พฤษภา 2535 มาด้วยกัน ส่วนนายทักษิณ เมื่อตนไม่เห็นด้วยและแยกทางกัน ได้อธิบายต่อสังคมและย้ำมาอย่างชัดเจนแล้ว โดยไม่มีอะไรซับซ้อนหรือปิดบัง เพราะตนเห็นนายทักษิณเป็นคนใช้ไม่ได้ จึงร่วมทางกันต่อไปไม่ได้
ส่วนการร่วมเวทีกับนายสนธินั้น ตนกับนายสนธิต่อสู้กับสิ่งไม่ถูกต้องมาตลอด เมื่อมาถึงปลายทางชีวิตแล้ว อีกทั้งไม่ได้เป็นนักการเมือง จึงไม่ต้องการแสงอะไรมาจับตัวอีก ดังนั้นการกอดกันบนเวทีอภิปรายสาธารณะจึงไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องคะแนนเสียง แต่เป็นการแสดงออกอย่างเปิดเผยให้เห็นตามความจริงที่ต้องการทำเพื่ออนาคตของชาติบ้านเมือง
“ถ้าจะอับอาย ต้องเป็นฝ่ายนายทักษิณ เพราะตั้งแต่กลับมาไทย ได้จับมือกับฝ่ายยึดอำนาจ ทำตัวเป็นคน 2 มาตรฐาน เป็นพวกอภิสิทธิ์ชน ก้าวข้ามประชาชนที่เสียชีวิตนับร้อยจากการต่อสู้ที่เคยเรียกร้องหาความยุติธรรมให้นายทักษิณและประชาธิปไตย ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังหาเสียงอย่าง แล้วทำอีกอย่าง หรือไม่ทำอะไรเลย โดยเฉพาะการเรียกร้องความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง ซึ่งเป็นความหลอกลวงทั้งสิ้น” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า ภายใต้ผู้ปกครองและรัฐบาลในปัจจุบันนี้ ประชาชนต้องสามัคคีและร่วมมือกัน ผนึกกำลังให้แน่นหนา ขอประชาชนอย่าได้บ้าทะเลาะกัน โดยวันนี้หน้าที่ของประชาชนต้องให้มีความแข็งแรง เพราะยังมีอีกหลากหลายเรื่องราวที่กำลังทำให้บ้านเมืองเดินไปสู่ทางตัน
นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ความจริงบางเรื่องได้เปลี่ยนแปลงไป และคนที่เราเคยสนับสนุนได้สารภาพการทำผิดในคดีทุจริตจนสิ้นซาก แล้วเราจะทำสวนทางกับสิ่งที่เขาสารภาพทำบ้ากันเหรอ ดังนั้น ประชาชนควรตั้งหลักและคิดถึงทางออกของประเทศที่กำลังเข้าสู่ทางตันในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
“รัฐล้มเหลวได้ แต่ประชาชนต้องไม่ล้มเหลวตามรัฐ แม้คนยากลำบาก แต่ถ้าเรานอนรอชะตากรรมก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใดๆ ในแผ่นดินนี้ได้ เพราะเราเห็นแล้วว่า เรื่องที่พรรคแกนหลักของรัฐบาลได้หาเสียงนั้น เหลวไหลทั้งนั้น ฉะนั้นประชาชนต้องก้าวข้ามสีเสื้อให้ได้ โดยคิดและทำเพื่อคนไทยและประเทศไทย” นายจตุพร กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี