กกต.เรียกลอต4
16สว.รับข้อกล่าวหาคดีฮั้ว4มิ.ย.
‘ณฐพร-เจ๊แมว’โดนแล้ว
ภท.ยื่นฟ้อง2ข้อหาหนัก
กกต.เรียกสว.ลอต 4 จำนวน 16 คน รับทราบข้อกล่าวหาคดี“ฮั้วเลือกสว.” รอบนี้“หมอเกศ”โดนด้วย ด้าน “ทักษิณ”ชี้ปมฮั้วเลือกสว. เป็นไปตามกระบวนการ เชื่อหากบริสุทธิ์ก็อธิบายให้บริสุทธิ์ ไม่มีปัญหา บอก เรื่องหยุดกลางกระบวนการไม่ได้ ไม่งั้นคดีค้าง ส่วน “นภินทร”ระบุพร้อมไปชี้แจงกกต.28พฤษภาคมนี้ มั่นใจพยานหลักฐานแน่น ขณะที่“ณฐพร-กุสุมาลวตี” โดนแล้วภูมิใจไทยฟ้อง2ข้อหาหนัก“หมิ่นประมาท-แจ้งความเท็จ”ซัดมือไม่สะอาด ยอมตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง “เสี่ยหนู”เมิน“เจ๊แมว” จ้องดับซ่าเล่นงานยื่นสอบจริยธรรม ขอปล่อยตามกระบวนการ ไม่ชี้นำอะไร
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจากวุฒิสภา ว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา สว.ลอต 4 จำนวน 16 คน ได้รับหนังสือเชิญจากคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะที่ 26 ลงวันที่ 22 พ.ค.ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา(สว.) โดยให้ชี้แจงข้อกล่าวหาในวันที่ 4 มิ.ย.นี้
โดย สว.ทั้ง 16 คน ประกอบด้วย 1.นายภมร เชาว์ศิริกุล 2.พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ 3.นายจรุณ กลิ่นตลบ 4.นายประเทือง มนตรี 5.นายนฤพล สุคณธนชาติ 6.นายอะมัด อายุเคน 7.น.ส.สายฝน กองแก้ว 8.นายชาญชัย ไชยพิศ 9.นายนิรุตติ สิทธินนท์ 10.นายศุภโชค ศาลากิจ 11.นางอารีย์ บรรจงธุรการ 12.นายจำลอง อนันตสุข 13.น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย 14.นายขจรศักดิ์ ศรีวิราช 15.นายอเนก วีระพจนานันท์ และ 16.นางวลีรักษณ์ พัชระเมธาพัฒน์
ด้าน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการฮั้วสว. ว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพราะมีการร้องเรียนไปที่กกต. จึงตั้งกรรมการขึ้นมาโดยมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าร่วมด้วยโดยมีพยานหลักฐานต่างๆไหลไปที่ดีเอสไอ เขาจึงทำตามหน้าที่ ไม่ต้องมีใครไปสั่ง ถ้าไม่ทำเขาอาจจะโดนมาตรา 157 เมื่อเขามีพยานหลักฐาน ส่วนสว. หรือผู้ถูกกล่าวหาก็แก้ไปตามประมวลกฎหมาย ทุกอย่างเมื่อมีกระบวนการเข้าไปแล้ว ก็ต้องจบที่กระบวนการ เหมือนตนที่ถูกทหารเกี่ยวเบ็ดไว้ 112 ตอนสมัยปฏิวัติ เมื่อตนกลับมาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการให้จบ เราบริสุทธิ์ก็อธิบายให้บริสุทธิ์ ไม่มีปัญหาอะไร เรื่องนี้เมื่อมีกระบวนการแล้ว การจะหยุดกลางกระบวนการไม่ได้ ไม่งั้นทุกคนก็ยังมีปัญหาหรือคดีค้างอยู่
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกหมายเรียกให้ชี้แจงคดีฮั้ว สว.ว่า กกต.ออกหมายเรียกให้ตนไปชี้แจงรับทราบข้อกล่างหาในวันที่ 28 พ.ค. ก็ยืนยันว่าไป พร้อมอำนวยความสะดวก พร้อมในกระบวนการยุติธรรม
เมื่อถามว่า มั่นใจในหลักฐานใช่หรือไม่ นายนภินทรกล่าวว่า ทราบคร่าวๆว่าเป็นเรื่องของพยานบุคคล ซึ่งตนเองนั้นก็มีพยานเป็นผู้ใหญ่ในภาคเอกชนจำนวนมาก พร้อมให้การยืนยันว่าข้อความที่ใส่ร้ายตนไม่เป็นความจริง เพราะฉะนั้นตนมั่นใจในข้อมูล มั่นใจในพยานหลักฐานของตน ถ้าถามว่าข้อหาที่โดนแจ้งมีอะไรบ้าง นายนภินทรกล่าวว่า มาตรา 77 (1) ซึ่งตนมีพยานหลักฐานพร้อม เพียงแต่ว่าจะไปขอทราบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมบางอย่าง เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกันในพรรค ถึงผลกระทบของเรื่องนี้บ้างหรือไม่ นายนภินทร กล่าวว่า ก็ไม่มีผลกระทบอะไรเพราะตนเองก็พยายามทำงานในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์อย่างเต็มที่ เมื่อถามต่อว่า ได้มีการคุยหรือไม่เพราะเพราะว่าเป็นรัฐมนตรีคนเดียวที่โดน นายนภินทร กล่าวว่า ก็แล้วแต่ อย่าไปคิดอะไรมาก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน และตนมั่นใจในพยานหลักฐานที่ตนมีอยู่ว่าสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้ เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันได้ว่าไม่ได้อยู่ในขบวนการฮั้วเลือกสว.ใช่หรือไม่ นายนภินทรกล่าวว่า ยืนยันว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฮั้วเลือกสว. แต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าการที่โดนเรียกไปนี้เป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายนภินทรกล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องแบบนี้ให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ และวิเคราะห์เอา แต่อยากให้สังคมคิดอย่างมีสติว่า สิ่งเหล่านี้มีทั้งโทษการตัดสิทธิ์ทางการเมืองและโทษคดีอาญา ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ขอให้ดูเรื่องของพยานหลักฐานเป็นหลัก อย่าวินิจฉัยด้วยกระแสหรือความรู้สึก
นายศุภชัย ใจสมุทร ทีมกฎหมายพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา ฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทยได้ยื่นฟ้องนายณฐพรโตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัครสว.และอดีตสส.พรรคเพื่อไทย ต่อศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองแล้ว
พรรคภูมิใจไทยไม่ได้กระทำผิดตามที่จำเลยทั้งสองได้ร้องเรียน ทั้งคู่ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต มือไม่สะอาด มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายพรรคภูมิใจไทย อันเป็นสถาบันทางการเมืองเพื่อประโยชน์ทางการเมืองให้กับพรรคการเมืองอื่น บุคคลใด องค์กรใด โดยมีกลุ่มใดได้ประโยชน์จากการทำลายล้างพรรคภูมิใจไทย จึงจำต้องฟ้องคดีทั้งสองคดี ส่วนสมาชิกพรรคที่ได้รับความเสียหายจากการกล่าวหาระบุในคำร้อง สมาชิกนั้นๆ ก็จะยื่นฟ้องแยกเป็นคดีอื่นต่างหาก
นายศุภชัย เปิดเผยว่า จากการติดตามข้อมูลพบว่าสำนักงานอัยการสูงสุดได้หนังสือจากนายไวยกาญจน์ จามิกรณ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 จำนวน 2ฉบับ ถึง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อนำตัวผู้ต้องหา มาดำเนินคดี ฟอกเงินการขายที่ดิน ของนายศุภชัย ศรีศุภอักษรอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น วงเงิน477 ล้านบาท โดยมี นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็น 1ใน 14 ผู้ถูกกล่าวหาด้วย โดยหนังสือฉบับแรกลงวันที่ 4ก.พ.2568 เรื่อง “ขอให้จัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหา” โดยมีรายละเอียดว่า พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 ได้พิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวแล้วมีคำสั่งฟ้อง นายณฐพร ผู้ต้องหาที่ 2 และ ผู้เกี่ยวข้อง ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และประมวลกฎหมายอาญา แต่เนื่องจากนายณฐพร มีพฤติการณ์หลีกเลี่ยงไม่มารายงานตัวต่อพนักงานอัยการตามกำหนดนัด
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงขอให้ท่านจัดการติดตามให้ได้ตัวนายณฐพร มาฟ้องต่อศาล หากไม่สามารถติดตามตัวนายณฐพร มาได้ให้ดำเนินการขอออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว เพื่อให้ได้ตัวมา ยื่นฟ้องต่อศาล ภายในกำหนดอายุความ15 ปี นับแต่วันกระทำความผิด และหากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ต้องหา ดังกล่าวอยู่ต่างประเทศให้จัดการให้ได้ตัวมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยเคร่งครัด และตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดให้ครบถ้วน อนึ่ง คดีนี้มีกำหนดขาดอายุความในวันที่ 15มิถุนายน2568
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า จากนั้นมีหนังสือฉบับที่สอง ลงวันที่ 1 พ.ค. 2568 ถึง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่อง “เตือนให้จัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหาและขอออกหมายจับ” ที่ได้ขอให้ ดำเนินการจัดการให้ได้ตัวนายณฐพร และ ผู้เกี่ยวข้อง มาดำเนินคดี “ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน” หรือขอออกหมายจับ เพื่อพนักงานอัยการจะได้นำตัวผู้ต้องหาฟ้องต่อศาลต่อไปและบัดนี้ระยะเวลาได้ล่วงเลยมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว แต่พนักงานสอบสวนมิได้ดำเนินการ อย่างหนึ่งอย่างใด้ ทั้งมิได้รายงานหรือแจ้งผลการดำเนินการให้พนักงานอัยการทราบ เนื่องจากคดีนี้จะครบ กำหนดอายุความในการกระทำความผิดตามบทกฎหมายข้างต้นในวันที่15 มิ.ย. 2568 ดังนั้น จึงขอให้ท่านดำเนินการจัดการให้ได้ตัว นายณฐพร และผู้เกี่ยวข้อง มาเพื่อฟ้องต่อศาล
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า จากเอกสารดังกล่าว ที่สำนักงานอัยการพิเศษ 4 สอบถามถึง2 ครั้ง แสดงว่าดีเอสไอ เพิกเฉยที่จะนำตัวนายณฐพร มาให้อัยการ ดำเนินคดีฐานฟอกเงิน ทั้งที่คดีดังกล่าวจะหมดอายุความในวันที่ วันที่15 มิ.ย.2568 และทั้งๆที่ดีเอสไอก็พบเห็นบุคคลดังกล่าวอยู่ตลอด โดย นายณฐพร มาปรากฎตัวยื่นร้องเรียนเรื่องตามสถานที่ต่างๆ เป็นที่รับรู้โดยตัวไป นอกจากนี้นายณฐพรยังยืนยันด้วยว่าได้ข้อมูลเรื่องการสอบสวนคดีฮั้วสว. มาจากดีเอสไอ โดยแสดงเอกสารให้เห็น จึงชี้ให้เห็นว่า อธิบดีเอสไอ หรือพนักงานสอบสวน ดีเอสไอพบกับ นายณฐพรดังนั้นการที่มีเหตุการดังกล่าวขึ้น แต่ไม่ดำเนินจับกุมตัวมาดำเนินคดี จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอ
“ขอเรียกร้องนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ดีเอสไปนำตัว นายณัฐพร เพื่อส่งให้อัยการเพื่อดำเนินคดีฐานฟอกเงิน ขณะเดียวกันให้เรียกร้อง กระทรวงยุติธรรม สั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้ในทันทีและแถลงให้ประชาชนทราบ หากยังมีการเพิกเฉยอยู่ตนก็จะไปร้องทุกข์กล่าวโทษอธิบดีดีเอสไอในฐานความผิดปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ในทันที’
ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานอำนวยพรผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ผู้สื่อข่าวได้พยายามเข้าไปสอบถามถึงกรณีนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัครสว. ยื่นสอบจริยธรรมนายอนุทิน โดยทันทีที่นายอนุทิน ได้ฟังคำถาม ได้เดินฝ่าออกจากวงสัมภาษณ์ทันที พร้อมระบุว่า ที่นี่สุวรรณภูมิ มางานบุญ ไม่คุยเรื่องงานบาป
ผู้สื่อข่าวจึงพยายามมาดักสัมภาษณ์นายอนุทินบริเวณหน้าประตูทางออกสนามบิน โดยถามว่าทางฝ่ายของนางกุสุมาลวตี มีท่าทีแข็งกร้าว โดยระบุว่า จะทำให้นายอนุทินหายซ่าให้ได้ นายอนุทิน จึงกล่าวว่า ทุกอย่างพอมันเข้ากระบวนการ เราก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ มีขั้นตอนของมันอยู่ เราไม่ควรไปชี้นำอะไร
เมื่อภามถึงกรณีที่มีสำนักข่าวหนึ่งออกมาวิเคราะห์การเมือง ภายหลังการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) หากผลักพรรคภูมิใจไทย ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล จะมีทฤษฎีอกแตก สส. ส่วนหนึ่งของพรรคภูมิใจไทย ไปสังกัดพรรคใหม่ และร่วมรัฐบาลทันที นายอนุทิน กล่าวว่า คนที่ทำข่าวก็มีหน้าที่วิเคราะห์ไปเรื่อย การวิเคราะห์ก็มีฉากทัศน์ที่ดีที่สุด กับที่แย่ที่สุด เป็นเรื่องปกติ เราไปห้ามเขาไม่ได้ แต่คนที่รู้เรื่องที่สุดคือคนที่ทำงานอยู่ ที่เป็นครม. และครม.ก็มีความสมัครสมานสามัคคีกันดี เมื่อคืนยังได้มีการรายงานเรื่องเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติจากฝนและน้ำท่วม
เมื่อถามว่าในฐานะเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยทฤษฎีอกแตกพาภูมิใจไทยเป็นสองฝั่งเป็นไปได้หรือไม่ นายอนุทินในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวย้อนว่า“เคยไหมล่ะ ผ่าแล้วมีแต่ใหญ่ขึ้น ไม่ได้กังวลอะไร ภูมิใจไทยไม่เคยเล็กลง มีแต่ใหญ่ขึ้น”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี