สรุปแล้ว กก.ถกมติแพทยสภาส่งถึงมือ ‘สมศักดิ์’ วีโต้กลับ ปมลงโทษหมอ
วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรีนายพงษ์ศักดิ์ แก้วกมล กรรมการผู้แทนประธานคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณา ตามมาตรา 25 แห่งพ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 พร้อมด้วย นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข และ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะกรรมการ ร่วมยื่นรายงานความเห็นของคณะกรรมการฯ ต่อกรณีมติแพทยสภาให้มีการลงโทษแพทย์จำนวน 3 คนที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากรพ.ราชทัณฑ์ ไปรักษาตัวที่รพ.ตำรวจ โดยสรุปส่งถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา โดยนางปวีณ์ริศา สกุลเกียรติศรุต หัวหน้ากลุ่มงานสนับสนุนวิชาการ รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีเป็นผู้รับมอบ
นายธนกฤต กล่าวว่า คณะกรรมการฯ แต่ละคนมีความเห็นเป็นอิสระในการลงความเห็นเสนอสภานายกพิเศษฯ มีทั้งเหมือนและต่างจากกรรมการบางคน โดยพิจารณาความเห็นรายบุคคลตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย แต่คณะกรรมการฯ ทุกคนมีความเห็นว่าข้อมูลที่แพทยสภาส่งมานั้นยังไม่ครบ เพราะนอกจากกฎหมายของแพทยสภาแล้ว ยังต้องพิจารณากฎหมายของกรมราชทัณฑ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมด้วย เพราะกฎหมายแต่ละหน่วยงานมีศักดิ์ที่เทียบเท่ากันได้ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานต่างกัน จึงต้องเอาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา และข้อเท็จจริงอีกเรื่องที่ขอเอกสารเพิ่มเติมไป แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับ ซึ่งทางแพทยสภาอาจมองว่าไม่สำคัญหรือไม่ แล้วแต่ท่านพิจารณา ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องลงโทษหมอ ไม่ใช่เรื่องการเมือง หลายคนมองว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่ยังไกลเกินไปกับการทำหน้าที่ของตนที่พิจารณาข้อกฎหมายเป็นหลัก
“ผมทำหน้าที่ผู้ให้ความเห็นทางกฎหมายว่ามีองค์ประกอบบางอย่างที่ควรเข้ามาให้สมบูรณ์ แต่ไม่ได้หมายความสิ่งที่ผมพูด คือการเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสภานายกพิเศษฯ แต่เป็นมุมมองของตัวเองที่ทำหน้าที่ครบถ้วน หรืออย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ การให้สัมภาษณ์ข่าว มีอะไรที่ไม่ตรงกับเอกสารหรือข้อเท็จจริงที่เรามีอยู่ หรือที่เราไปพิสูจน์ทราบเอง เช่นบทสัมภาษณ์ของแต่ละคนตรงกับความเป็นจริงหรือไม่ อย่างคำว่า วิกฤตหรือไม่วิกฤต ที่มีความสำคัญ เพราะถ้าไม่ตรงกับข้อเท็จจริง มันเพราะอะไร หรือคลาดเคลื่อนเพราะอะไร เชื่อว่าขั้นตอนสุดท้ายสภานายกพิเศษฯน่าจะเอาความเห็นไปพิจารณาประกอบด้วย แต่ท่านไม่ใช่คนตัดสินคนสุดท้าย เป็นแพทยสภาตัดสินคนสุดท้าย” นายธนกฤต กล่าว และว่า ไม่ได้นำข้อมูลของผู้ร้องขอความเป็นธรรมมาพิจารณาด้วย
ด้านนายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า ความเห็นกรรมการแต่ละคนนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ จนกว่ารมว.สาธารณสุข จะอ่าน ซึ่งมีความหลากหลายมุม ทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ซึ่งประกอบแล้ว 9 คนนั้นน่าจะเกิดความเป็นธรรมพอสมควร ทั้งนี้อาจมีการโยงว่ากรรมการฯ อยู่ทางการเมืองบ้าง อยู่กับเสื้อแดงบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะเราตัดสินด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรม คือความถูกต้อง เนื่องจากมีเอกสารเข้ามาจากทั้งแพทย์ และแพทยสภา เหมือนตาชั่งที่มีข้อมูลทั้งซ้ายและขวา ฉะนั้นเราไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลย นอกจากดุลยพินิจเพื่อรายงานว่า ความเห็นของพวกเราเป็นอย่างไร แล้ววันนี้ครบถ้วน นอกจากนี้ผลดังกล่าวไม่ได้ไปมีผลต่อการตัดสินคดีของศาลฎีกาในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ เพราะเป็นคนละเรื่อง แต่การที่เราพิจารณาส่งถึงรมว.สมศักดิ์นั้น กระบวนการต่อไปก็ส่งกลับไปที่แพทยสภาที่ต้องมีการพิจารณาต่อและลงมติ 2 ใน 3 ถ้าเห็นว่าแพทย์ทำผิดก็ยืนยันตามเดิม ดังนั้นถือว่า เป็นความยุติธรรม ไม่ได้เกิดการเอื้อประโยชน์ต่อใคร แต่สังคมไม่มองจุดนี้
“แต่มองว่าวันนี้บ้านพวกผมเป็นคนเลวแล้ว แต่จริงๆไม่ใช่ เราเห็นปัญหาว่าบ้านเมืองขาดหลักไป เราไม่ใช่พวกใครจริงๆ แต่เรามีประสบการณ์ด้านนี้ คนที่กล้าหาญเท่านั้นที่จะมาพูดเรื่องนี้ เราช่วยปกป้องความยุติธรรม ถ้าท่านรัฐมนตรีเห็นอย่างไรก็เชื่อว่าเรื่องนี้กลับไป กลับมา ก็อยู่ในวันที่ 13 มิ.ย. อยู่แล้ว เพียงแต่จะสง่างามหรือไม่ หมอ 3 คนบอกว่า ตัวเองลงโทษก็ถือว่าแฟร์ ถ้าไม่ถูกลงโทษก็แฟร์ ดังนั้น ถ้าเราเปิดใจกว้างๆ ผมว่าดีนะที่คนให้ความสนใจและมองหลายมุม” นายนรินท์พงศ์ กล่าว
นายนรินท์พงศ์ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ตนเชื่อว่าศาลฎีกาที่จะมีการพิจารณาเรื่องชั้น 14 นั้น ศาลคงไม่ไปดูว่าผลการวินิจฉัยลงโทษจริยธรรมแพทย์ 3 เดือน 6 เดือน ของแพทยสภา แล้วนำผลไปพ่วงให้คนเหล่านั้นได้รับเคราะห์ ไม่ใช่แบบนี้แน่นอน แต่วันนี้มีการปลุกกระแสทางการเมืองให้เกิดความหวาดระแวงมากกว่า ขอย้ำว่าในฐานะที่เป็นทนายความมา 42 ปี ยืนยันว่าไม่เกี่ยวแน่นอน แต่ตนมั่นใจว่าผลจะเป็นอย่างไร แพทยสภาก็ต้องนำเรื่องนี้ไปประกอบ เพราะมีความเชื่อมโยงกับการส่งตัวของนายทักษิณ เข้าเรือนจำในวันแรก และเชื่อมต่อกลางคืนที่มีปัญหา และเชื่อมต่อวันที่ออกมา แต่ก็มั่นใจว่าไม่ได้เกี่ยวกันมาก ทั้งนี้การตัดสินคดีของศาล จะเอาใครลงโทษในคดีอาญาคงไม่ได้เอาเรื่องที่หมอโดนภาคทัณฑ์แล้วให้นายทักษิณกลับมาติดคุกนั้นคงไม่ใช่ แต่นายทักษิณก็ต้องมีเหตุผลว่าป่วยเพราะไร อยู่ยาวเพราะอะไร
เมื่อถามว่า กรณีแพทย์ที่ถูกลงโทษไม่ได้ส่งเอกสารบางอย่างถึงแพทยสภา พอถูกตัดสินโทษแล้วค่อยนำส่งเอกสารนั้นมาให้สภานายกพิเศษ แบบนี้ทำได้หรือไม่ นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า จะบอกให้ฟังว่าวันนี้ แพทย์ที่ถูกร้องเรียนทั้ง 4 คน จะใช้คำสั่งนี้ไปต่อสู้ที่ศาลปกครอง เขาจะเอาเรื่องราวที่มาทำที่นี่ไปอุทธรณ์ไว้ การที่เป็นหมอใหญ่แล้วโดนสั่งลงโทษพักใช้ใบอนุญาต 6 เดือนเสียชื่อที่ทำมาทั้งชีวิต ดังนั้นถ้าหมอในแพทยสภาก็ไปสู้กันที่ศาลปกครอง แต่ก็ไม่มีผลกับการพิจารณาของศาลฎีกาในวันที่ 13 มิ.ย.นี้อยู่ดี ซึ่งเป็นคนละเรื่อง หมอเขาไม่หมูหรอก แพทย์ให้การรักษาโดยไม่ปล่อยให้คนไข้ตาย
เมื่อถามว่า แพทย์ทั้ง 3 คนนี้ ได้มีการมาปรึกษาหารือเกี่ยวกับการฟ้องศาลปกครองหรือไม่ นายนรินท์พงศ์ กล่าวว่า ไม่มี ตนยืนยันได้ว่า ตนไม่ได้ถูกล็อบบี้จากใครเลย แต่เชื่อมั่นว่าถ้าพี่น้องไปป่วยอยู่ในคุก แล้วคนบอกว่าเอาออกไปทำไม เขายังไม่ตายเลย แต่สุดท้ายเขากลับตาย ดังนั้นแพทย์ต้องคำนึงถึงความเจ็บป่วย ไม่ใชว่าหัวใจเต้นแล้วไม่เอาเข้าไป แล้วพอตายก็ไปฟ้องหมอ แล้วหมอบอกว่าเขายังไม่วิกฤติ แต่พอคนตายแล้วใครรับผิดชอบ คือวันนี้ที่ต้องโดนด่าคือจริยธรรมของแพทยสภาไม่มี เพราะลืมนกหวีดไว้ข้างหลังตอนแถลงข่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี