นายกฯชี้ปมภาษีสหรัฐฯเป็นสัญญาณบวก พร้อมคุยต่อ แม้ศาลการค้าระหว่างประเทศฯสั่งระงับการขึ้นภาษีฯของ“โดนัลด์ ทรัมป์” ด้านผู้ช่วยรมต.ต่างประเทศไทย ยันเดินหน้าเจรจาไทย-สหรัฐฯต่อไป
เมื่อวันที่ 29พฤษภาคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาสั่งระงับการขึ้นภาษีศุลกากรกับประเทศที่ส่งสินค้ามายังสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ โดยให้เหตุผลว่าเป็นการกระทำเกินอำนาจประธานาธิบดี ว่าได้เห็นข่าวดังกล่าวแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้จะมีผลอย่างไรกับประเทศไทยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คงเป็นกระบวนการทางฝั่งนั้นว่าสุดท้ายจะมีผลอย่างไร แต่ในส่วนของเราก็ต้องทำต่อ ต้องเตรียมความพร้อมต่อ จะหยุดชะงักไม่ได้ และตอนที่อยู่ประเทศมาเลเซีย ในระหว่างประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ได้คุยกับทุกประเทศเรื่องของภาษีสหรัฐฯ ทุกคนพูดตรงกันว่าตอนนี้ทุกประเทศอยู่ในระดับเดียวกับประเทศไทย และเราก็ส่งข้อเสนอไป และรอคำตอบว่าจะได้นัดพูดคุยเมื่อใด“ยืนยันเราไม่ได้ช้าไป เพราะอยู่ระหว่างการรอวันพูดคุยเหมือนกันซึ่งอยู่ในกรอบ 90วัน เพราะฉะนั้นสบายใจได้” น.ส.แพทองธาร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรอบ 90วันที่เราส่งข้อเสนอไปได้วันที่จะนัดพูดคุยหรือยัง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่ได้วัน โดยต้องรอทางสหรัฐฯ นัดมา แต่จริงๆแล้วในทีมทำงานที่ไม่เป็นทางการยังติดต่อได้อยู่ เมื่อถามว่า ตอนนี้ถือเป็นสัญญาณบวกใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นสัญญาณบวก ไม่มีเรื่องลบว่าเขาไม่คุยแล้ว ไม่มี และตนเคยโดนถามเรื่องวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ก็ไม่มีอะไร เข้าใจกันได้
ด้านนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีศาลการค้าสหรัฐอเมริกามีคำพิพากษาสั่งยับยั้งภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บทั่วโลกของนายโดนัลด์ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นการใช้กฎหมายฉุกเฉินโดยมิชอบ และคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ละเมิดอำนาจรัฐธรรมนูญในการมอบอำนาจเกี่ยวกับภาษีนำเข้าแก่รัฐสภา ว่าเพิ่งได้เห็นข่าวนี้ ต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร แต่เรื่องการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯจะต้องดำเนินการต่อ คาดว่าจะมีความคืบหน้าในเร็วๆนี้ และขณะนี้กำลังหารือกันอยู่ ขณะเดียวกัน ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ต้องเร่งเจรจา แม้ไทยมีดุลการค้ากับสหรัฐฯ แต่ยังไม่ได้เป็นผู้ค้าที่มีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ เหมือนเกาหลี ญี่ปุ่น จีน อินเดีย เป็นต้น แต่สหรัฐฯยังเป็นมิตรประเทศที่สำคัญอย่างยิ่งของไทย ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะมาดูว่าจะมีความร่วมมือที่จะต้องปรับด้านเศรษฐกิจกันอย่างไร เพื่อให้ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้ ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯสั่งระงับการขึ้นภาษีศุลกากรกับประเทศที่ส่งออกสินค้ามายังสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มจากประเทศที่มีการส่งออกมายังสหรัฐมากกว่าปริมาณสินค้าที่ซื้อจากสหรัฐ โดยระบุว่า ทรัมป์ ใช้อำนาจเกินขอบเขต ศาลระบุว่ารัฐธรรมนูญของสหรัฐให้อำนาจพิเศษแก่สภาคองเกรสในการควบคุมดูแลการค้ากับประเทศอื่นๆ ซึ่งไม่ถูกลบล้างโดยอำนาจฉุกเฉินของประธานาธิบดี แม้จะอ้างว่า เป็นสถานการณ์เพื่อการปกป้องเศรษฐกิจของสหรัฐฯศาลไม่อาจตัดสินถึงความเหมาะสมหรือประสิทธิภาพที่เป็นไปได้ในการที่ประธานาธิบดีใช้ภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือต่อรอง แต่การใช้อำนาจนั้นไม่สามารถทำได้ ไม่ใช่เพราะไม่เหมาะสมหรือไม่เกิดผล แต่ประเด็นคือกฎหมายของรัฐบาลกลางไม่ได้ให้อำนาจที่จะทำเช่นนั้น หลังศาลอ่านคำพิพากษาไม่นาน รัฐบาลทรัมป์ ได้ยื่นอุทธรณ์และตั้งคำถามถึงอำนาจของศาลในการตัดสินคดีนี้ โดยศาลการค้าระหว่างประเทศซึ่งตั้งอยู่ในแมนฮัตตัน เป็นศาลที่พิจารณาคดีเกี่ยวกับกฎหมายการค้าและภาษีศุลกากรระหว่างประเทศ โดยสามารถอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์กลางและสุดท้ายคือศาลสูงสุดของสหรัฐต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี