‘สุทิน’ ชักแม่น้ำทั้ง5แจงยิบ! ‘4 กรอบ’จัด ‘งบฯ ปี69’ อวยรัฐบาลตีโจทย์แตก โต้ ‘ฝ่ายค้าน’ งบกองทัพไม่สามารถใช้ฐานเดิมพิจารณาได้ แต่ต้องดูเหตุตึงเครียดรอบด้าน ฉะอย่าดิสเครดิตประเทศตัวเองเป็น ‘รัฐล้มเหลว’ ยันรับได้รัฐบาลจัดงบประมาณ เหน็บ ‘มืออาชีพ’ กับ ‘มือสมัครเล่น’ เรื่องเดียวกัน แก้ปัญหาคนละแบบ
วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระแรก ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 เข้าสู่ช่วงท้ายของการอภิปรายฯนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวสรุปในฝั่งของรัฐบาลว่า การที่จะบอกว่างบประมาณแผ่นดินชอบหรือไม่ชอบ และควรที่จะยกมืออนุมัติหรือไม่นั้น มี 4 กรอบ คือ 1.ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งการทำงบประมาณมีกฎหมายเกี่ยวข้อง รัฐบาลไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้ 2.มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศที่ตั้งไวหรือไม่ 3.สามารถตอบโจทย์ประเทศได้หรือไม่ และ 4. ตรงใจ สส.ตรงใจสภาฯหรือไม่เพราะเป็นตัวแทนประชาชน และเชื่อว่าเป็นคนที่รู้ปัญหาของประชาชนมากที่สุด สำหรับหน้าตาของงบประมาณฉบับนี้มียอดเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นตามปัจจัย แต่ส่วนตัวตนไม่พอใจกับงบนี้ เพราะอยากได้เยอะกว่านี้ แต่ติดที่สถานะการเงินของประเทศ และประมาณการรายรับ ซึ่งจะไปชนกรอบวินัยการเงินการคลัง ส่วนหากมีการตั้งงบน้อยกว่านี้จะไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจพัฒนาได้ ดังนั้นการตั้งงบประมาณจำนวนนี้ อยู่บนความจำเป็นและข้อจำกัด
นายสุทิน กล่าวต่อว่า รัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีใครอยากกู้เงิน แต่มันมีความจำเป็นตามปัจจัยที่เกิดขึ้น ซึ่งการกู้เงินไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับการจัดทำงบประมาณ เพื่อมาฟื้นฟูเศรษฐกิจและมีความคุ้มค่าในการดำเนินการหรือไม่ และการกู้เงินไม่ใช่ครั้งแรก ในประเทศไทยไม่มีการกู้เงินมีแค่ 2 ปี คือปี 48-49 ในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ทำงบประมาณแบบสมดุล และที่ผ่านมาได้เห็นการทำงบประมาณของภาครัฐที่ลดลง โดยค่อนข้างเป็นทุกข์กับรายจ่ายประจำที่ค่อนข้างสูง และไม่มีผลไปถึงชาวบ้านและการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งปีนี้รายจ่ายประจำลดลงแม้จะไม่มากเป็นการเริ่มที่ดีและปีต่อๆ ไปต้องลดลงเรื่อยๆ
นายสุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องของงบการลงทุน ก็พบว่าลดลง ซึ่งความเป็นจริงต้องเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเกิดความเสียหายหากไม่รู้ว่าลดลงแล้วไปอยู่ไหน จากข้อมูลคือการไปชดใช้หนี้เงินคงคลัง ที่จะทำให้สถานะทางการคลังของเราดีขึ้น ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในส่วนนี้ ซึ่งหน้าตาโดยรวมของงบประมาณฉบับนี้ ถือว่าสอดคล้องกับสถานะของประเทศปัจจุบันแลปีต่อไป ซึ่งถือว่ารับได้ ส่วนงบประมาณนี้จะสอดคล้องกับกฎหมายหรือไม่นั้น ที่ผ่านมามีหลายรัฐบาลที่ตกม้าตายเพราะไปทำผิดกฎหมาย ที่สำคัญคือกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งจากการตรวจสอบดูหลายประเด็นมีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและระเบียบวินัยการเงินการคลัง รวมไปถึงการใช้วิธี พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณเพื่อคำนวณรายรับรายจ่าย รวมถึง พ.ร.บ.การจัดการหนี้ภาครัฐ
นายสุทิน กล่าวต่อไปว่า ขณะที่ยุทธศาสตร์ของประเทศและแผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูประเทศระยะที่ 2 ซึ่งมีการขยายจาก 6 ยุทธศาสตร์เป็น 9 ยุทธศาสตร์ สิ่งที่ตนสนใจและเห็นด้วยในยุทธศาสตร์การเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาคนไทยให้มีศักยภาพ จากที่มีการวิเคราะห์ศักยภาพในเวทีโลกเด็กไทยน่าห่วง หากวัดด้วยการศึกษาวันนี้แพ้ประเทศเพื่อนบ้าน และดูสภาพสังคมด้านยาเสพติดก็รุมถล่ม ทำให้คนหมดคุณภาพ ซึ่งสามารถทำนายอนาคตประเทศได้ การจัดงบในจุดนี้มีการเพิ่มขึ้น รวมถึงยังมีการเพิ่มด้านความเป็นธรรมในสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งวันนี้คนไทยเจอปัญหา 2 เรื่องคือความจน และความเหลื่อมล้ำ
นายสุทิน กล่าวว่า ส่วนกรอบที่ 3 งบประมาณฉบับนี้ตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาประเทศได้หรือไม่นั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ซึ่งการจัดงบเปรียบเสมือนการให้ยากับประเทศ เมื่อ 7 เดือนที่แล้วรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เข้ามาบริหารประเทศได้มีการแถลงนโยบายซึ่งตนอยากรู้ว่าจะตีโจทย์ประเทศแตกหรือไม่ หากเปรียบประเทศไทยเป็นคนเขาจะรู้ไหมป่วยเป็นโรคอะไร หากวิเคราะห์โรคผิดจ่ายยาผิดก็จะทำให้ตาย แต่หากหมอวิเคราะห์โลกถูกจ่ายยาถูกก็จะทำให้ฟื้น ซึ่งจากการแถลงนโยบายที่ผ่านมา ต้องชมว่ารัฐบาลตีโจทย์แตกวินิจฉัยถูก ส่วนการจ่ายยาก็ต้องดูในวันนี้ว่าจัดงบประมาณเป็นอย่างไร หากบอกว่าเป็นโรคไตแต่ไปจ่ายยาเบาหวานก็จะทำให้ตายเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องดูว่ารัฐบาลจัดงบประมาณถูกทิศถูกทางหรือไม่
นายสุทิน กล่าวต่อว่า วันนี้ปัญหาของประเทศชาติและประชาชนค่อนข้างมองตรงกันว่าเรื่องใหญ่สุดคือเรื่องเศรษฐกิจและปากท้อง การขยายตัวทางเศรษฐกิจยังต่ำ โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง 80 % ของจีดีพี สิ่งนี้เป็นตัวกัดกร่อนและเป็นแรงเสียดทานทางเศรษฐกิจ ซิ่งสิ่งที่เห็นในการจัดงบครั้งนี้คือรัฐบาลทุ่มไปกับเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจำนวนมาก แต่หลายคนมองว่างบประมาณที่จัดอาจจะไม่เพียงพอ ยายังไม่แรง แต่เราต้องเข้าใจว่าการกระตุ้นไม่สามารถใช้งบประมาณรัฐอย่างเดียว ซึ่งต้องมีมาตรการอื่นๆ เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งรัฐบาลมีการตั้งรับกับการผันผวนของเศรษฐกิจโลกซึ่งวันนี้มีความขัดแย้งกันหลายประเทศ อาจจะมีการเกิดสงคราม ซึ่งทำให้เศรษฐกิจโลกหด รวมถึงภาษีทรัมป์ ส่วนในเชิงรุกรัฐบาลพยายามหารายได้ใหม่ การลงแรงซอฟต์พาวเวอร์ที่จะทำให้เกิดรายได้ใหม่เราไม่งอมืองอเท้ากับรายได้เก่า และงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ทั้งยังได้มีการส่งเสริมเอกชนทั้งในเรื่องการลงทุน การท่องเที่ยว การส่งออก โดยงบประมาณ 3.78 ล้านล้านบาทจะใช้ไปเพื่อหมุนฟันเฟืองในด้านต่างๆ ทั้งการส่งออกอุตสาหกรรม เอกชน
นายสุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนจะเป็นการจัดงบประมาณที่ถูกจุดหรือไม่นั้น สำหรับการจัดงบกลางมีคำถามว่าสามารถรองรับความผันผวนได้จริงหรือไม่ ทั้งเรื่อง น้ำแล้ง น้ำท่วม และภาษี อย่างไรก็ตามเมื่อปีที่แล้ว มีการตำหนิว่าจัดงบกลางมากเกินไป เป็นแบงค์เช็คเพื่อให้รัฐบาลจ่ายได้แต่ตรวจสอบไม่ได้ แต่เมื่อปีนี้งบกลางลดลงก็ถูกตำหนิอีก สำหรับงบกลาง 6 แสนล้านบาท ตนอาจไม่พอใจ แต่สามารถเข้าใจได้ว่าการจัดทำงบประมาณแผ่นดินไม่ได้จบเท่านี้ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นจริงๆ ก็สามารถทำงบประมาณกลางปีได้ ขณะที่หลายคนสนใจเรื่องรายได้เกษตรกร เอสเอ็มอี ตกต่ำก็ต้องยอมรับว่าเป็นจริง พบว่ารัฐบาลมี 2 แผนในการแก้ไข คือการใช้งบประมาณแผ่นดินและงบประมาณนอกแผ่นดินเช่น งบประกันรายได้การเกษตร ข้าว ยาง และส่งเสริมเอสเอ็มอีอย่างเป็นระบบ แต่ยังมีรายได้นอกงบประมาณ การจัดทำซอฟต์โลน ร่วมกับธนาคารเพื่อหาสินเชื่อให้กับทางเอสเอ็มอี ทั้งการป้องกันเอสเอ็มอีต่างชาติที่เป็นคู่แข่งของคนในประเทศ
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนงบกองทัพตนก็พอรู้เรื่อง ซึ่งมีการทวงถามถึงการปรับลดขนาดกองทัพ ซึ่งมองว่าการจัดงบยังเยอะอยู่ ในอดีตสมัยตนเป็น รมว.กลาโหมเคยพูดว่าการจัดงบความมั่นคง การจัดงบกองทัพ จะแตกต่างจากการจัดงบกระทรวงอื่น เนื่องจากกระทรวงอื่นมีการนำฐานเดิมมาตั้งแล้วบวกเงินเฟ้อเข้าไป แต่เรื่องความมั่นคงและกองทัพจะใช้ฐานเดิมไม่ได้ ซึ่งจะต้องดูถึงฐานคู่แข่งและบริบทโลก ว่าสถานการณ์โลกนั้นไปอย่างไร เข้าสู่โหมดตึงเครียดหรือไม่จะมีการสู้รบหรือไม่ และจะขยายตัวมาถึงเราหรือไม่ เพื่อนบ้านกับเราเอากัน ซัดกัน หรือยัง ย้ำว่าฐานความมั่นคงไม่ใช่ฐานตัวเลขเดิม แต่เป็นฐานสถานการณ์ หากมีความตึงเครียดต้องจัดงบประมาณเยอะ หากผ่อนคลายก็จัดงบน้อย และยิ่งมีการส่งสัญญาณว่าจะมีเหตุจะนิ่งนอนใจและจัดงบประมาณ ต้องขอกับทางกรรมาธิการ และต้องทำความเข้าใจกัน ดังนั้นงบส่วนนี้จึงไม่ได้มีความบกพร่อง หากงบส่วนไหนไม่เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ สามารถตัดได้ แต่อันไหนเกี่ยวกับยุทธการต้องมีความเห็นใจ
“สุดท้ายกรอบการตอบโจทย์ประเทศตนมองว่าทุกรัฐบาล ไม่มีใครจะจัดงบประมาณละเลยประชาชน ทุกรัฐบาลอยากจัดงบให้ประชาชนชื่นชม อยากเห็นเศรษฐกิจขยายตัว ให้ประชาชนหน้าชื่นตาบาน กินอิ่ม นอนอุ่น ดังนั้นกรอบงบประมาณนี้จะขอให้ความเห็นชอบและให้กำลังใจ ส่วนงบประมาณปีนี้จะถูกใจเพื่อนสมาชิกหรือไม่ จากที่มีการประเมินมา 4 วัน เพื่อนสมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วย แต่เราเห็นใจข้อจำกัดของรัฐบาล แต่อาจจะไม่ตรงใจบ้างก็เป็นเหตุที่ทุกคนจะต้องเข้าใจและยอมรับให้ได้ ส่วนที่ไม่ตรงใจอาจจะเป็นเพื่อนสมาชิกฝ่ายค้าน ซึ่งก็สามารถเข้าใจได้ เพราะหากรัฐบาลจัดงบแล้วฝ่ายค้านขึ้นมาชื่นชมจะผิดปกติ แต่หากขึ้นมาตำหนิและรายละเอียดบางอย่างมันเลยเถิด ไม่ถูกกาลเทศะ รัฐบาลต้องแยกแยะและเก็บไปคิด เช่น การบอกว่าประเทศไทยเข้าสู่รัฐล้มเหลว ซึ่งควรที่จะต้องพูดอย่างระมัดระวังเพราะการดิสเครดิตประเทศของตัวเองเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และการทุจริตในหลายเรื่องบางครั้งยังไม่เกิดขึ้นในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ แต่อาจเกิดขึ้นในอดีต ซึ่งสามารถเตือนสติกันได้” นายสุทินกล่าว
นายสุทิน กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้หากอภิปรายงบประมาณแผ่นดินแล้วพูดเรื่องการทุจริต สิ่งที่ควรพูดคือการตั้งงบในลักษณะนี้อาจไม่สามารถตรวจสอบได้ หรือมีการหมกเม็ด ซึ่งจะสามารถป้องกันการทุจริต ฝ่ายค้านควรมีมุมมองที่วิตกจริตให้น้อยลง และตั้งอยู่บนโลกของความเป็นจริง ขณะที่รัฐบาลเองก็ต้องรับฟัง ท้ายที่สุดความแตกต่างทางความคิดในสภา แต่จะมีสิ่งทีเหมือนกันคือการเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและมาจากประชาชน ซึ่งเราอาจมองไม่ต่างกันแต่มีวิธีแก้ปัญหาที่ต่างกัน ด้วยประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพที่ต่างกัน ซึ่งคนเป็นมืออาชีพและไม่เป็นมืออาชีพหรือเป็นมือสมัครเล่น เรื่องเดียวกันก็จะอาจจะมีการแก้ปัญหากันคนละแบบ แต่หวังว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้จะถูกนำไปพิจารณาในวาระที่สองอย่างรอบคอบ และเข้าสู่วาระที่สามก่อนที่จะถูกอนุมัตินำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งตนเห็นชอบให้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบของสภา เพื่อไปพิจารณาในวาระต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี