โต้‘แม้ว’ขู่ยึดมท.
‘อนุทิน’ยันมหาดไทยผลงานเพียบ
โหวตงบ’69ผ่านฉลุย322ต่อ158
“อนุทิน” ยันทำถึงตลอด หลังเทวดาทักษิณทวงเก้าอี้ “มหาดไทย” ให้เพื่อไทย คุมเอง แจงยังไม่ได้คุย “อิ๊งค์”แต่นายกฯเคยบอกแล้วไม่มีอะไร ปัดน้อยใจ บอกหัวไม่ล้าน ขณะที่ สมุนทักษิณ ตามจี้ต้องเอากระทรวงสำคัญให้ได้ ถกงบ’69 วันที่ 4 ส่งท้าย “ชาดา” เดือด! บอกนายกฯต้องแจกเงินหมื่น ไม่งั้น“นายกฯเท้ง” มาแน่ จวกถ้าไม่มีปัญญาทำ ก็ลงมา สุดท้าย สภาโหวตรับร่างงบฯ69 ผ่านฉลุยเสียง 322 ต่อ 158 เสียง ไม่มีงดออกเสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 2 เสียง
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางมาที่รัฐสภาเพื่อโหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569โดยพยายามปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยบอกกับสื่อมวลชนว่า”ปวดท้อง”
แต่สื่อมวลชนพยายามสอบถามกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณการปรับครม.โดยมีกระแสข่าวอยากทวงคืนกระทรวงมหาดไทยมาให้พรรคเพื่่อไทยดูเอง เนื่องจากมองว่ากระทรวงมหาดไทย ขณะนี้ยังทำไม่ถึงหรือทำงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งนายอนุทิน รีบเดินเลี่ยงผู้สื่อข่าวเพื่อขึ้นลิฟท์ไปยังห้องประชุมและได้พูดก่อนประตูลิฟท์จะปิดว่า พรุ่งนี้ไปดูเรื่องน้ำท่วม ที่จังหวัดอ่างทอง ที่ผ่านมาก็ทำงานทั้งจับบุหรี่เถื่อนและเรื่องงานอื่นๆด้วย ไม่เชื่อไปดูข่าวต่างๆได้
ยังไม่ได้คุย’อิ๊งค์’เคยบอกไม่มีอะไร
เมื่อถามว่านายทักษิณ พูดว่าจะยึดกระทรวงมหาดไทยแบบนี้ทำได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “นายกฯบอกว่าไม่มีอะไรเดี๋ยวลองถามท่านนายกฯดู” ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่คนที่พูดคือพ่อนายกฯนายอนุทินไม่ตอบแต่พยายามดันสู้สื่อข่าวออกจากลิฟท์พร้อมบอกว่าออกกันไปได้แล้ว
เมื่อถามว่าการพูดของนายทักษิณ จะเป็นเหตุให้ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า”มันยังไม่มีอะไร ยังไม่มีการพูดคุยกันเลย”
ปัดน้อยใจบอก”หัวไม่ล้าน”
เมื่อถามว่าน้อยใจหรือไม่ นายอนุทินหันไปจับที่หัวตัวเองแล้ว ย้อนถามว่า”ผมหัวล้านหรือเปล่า”เมื่อถามว่าเราก็ทำงานเต็มที่ แต่ทำไมยังบอกว่ายังทำไม่ถึงอีก นายอนุทิน บอกให้ผู้สื่อข่าวออกจากลิฟท์อีกครั้งพร้อมบอกว่า”ไม่มี ยังไม่ได้คุยกับท่านนายกเลย และนายกก็บอกว่าไม่มีอะไร”
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายทักษิณชินวัตร หรือไม่ นายอนุทินย้อนกลับว่า“ต้องคุยกับท่านนายกฯสิครับ ลูกพี่ (สื่อ)”พร้อมดันสื่อออกจาก ลิฟท์ โดยบอกลากเสียงยาวว่า”ปวดท้อง”
“พิชัย”ลั่นพยายามทำงานอยู่
ที่รัฐสภา นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บอกว่ากระทรวงการคลังจะเป็น 1 ใน 4 กระทรวงที่เป็นหัวใจหลักสามารถดึงคะแนนนิยมกลับมาทำให้ชนะการเลือกตั้งครั้งหน้าได้จากนี้ต้องปรับตัวอะไรหรือไม่ ว่า ตนยังไม่ได้ดูการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว เพราะนั่งเตรียมแต่งาน ส่วนจะต้องปรับอะไรหรือไม่ นายพิชัย ยืนยันว่าตนปรับตลอดเวลา ตนรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง เมื่อถามว่านายทักษิณระบุว่ากระทรวงการคลัง ถือเป็นกระทรวงหลักที่พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องดูเองเห็นด้วยหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ปกติยุคที่เรามีปัญหาที่จะต้องแก้ไขเยอะๆ ตรงนี้ก็จะเป็นส่วนสำคัญ
เมื่อถามย้ำว่าควรจะอยู่ในการดูแลของพรรคแกนนำรัฐบาลใช่หรือไม่นายพิชาหัวเราะพร้อมบอกว่า”บังเอิญผมไม่ค่อยคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้”เมื่อถามว่าระยะเวลาที่เหลือ 2ปีจะเพียงพอกับการเรียกคะแนนนิยมกลับมาได้หรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า ตนพยายามทำอยู่ ที่ผ่านมาก็ทำได้ปีนึงแล้ว เมื่อถามว่า กรณีดิจิทัลเฟส 3 ต้องชะลอไปจะทำให้การหาเสียงยากขึ้นหรือไม่นายพิชัยกล่าวว่า”มันมีเหตุผลของมันอยู่ เราสามารถอธิบายได้”
พท.ชี้แม้วดึงคุมมท.ลุยปราบยานรก
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กับสำนักงานเนชั่นพร้อมกับวิเคราะห์การเมืองอยากให้กระทรวงมหาดไทยมาอยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทยนั้นว่า เป็นมุมมองของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ห่วงใยบ้านเมืองที่อยากให้การทำงานแก้ไขปัญหาต่างๆให้ประชาชนอย่างชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด ที่กำลังระบาดอย่างหนักส่งผลร้ายต่อเยาวชน ประเทศชาติ ถึงแม้ภาครัฐ ตำรวจ ทหาร จะเข้มงวดกวดขัน แต่ก็ยังไม่หมดไป ดังนั้นหากได้หน่วยงานที่ทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและส่วนท้องถิ่น บวกกับการเอาจริงเอาจังจากเจ้าหน้าที่ จะเห็นการแก้ปัญหาอย่างเข้มข้น เป็นรูปธรรมมากขึ้น
นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่าขอดักทางพวกที่จะออกมาบอกว่าท่านทักษิณ ก้าวก่าย แทรกแซงการบริหารงานของรัฐบาล ท่านเพียงมองจากผู้ที่มีประสบการณ์ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี2สมัย ผ่านการบริหารประเทศมาก่อน เก็บข้อมูลจากการลงพื้นที่ สัมผัสกับประชาชนเลยให้ความเห็นออกมา ถึงอย่างไรอำนาจการปรับครม.เป็นอำนาจของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี ผลสุดท้ายแล้วการปรับออกมาจะเป็นอย่างไร ปรับกี่ตำแหน่ง กี่กระทรวง รัฐมนตรีจากพรรคใดบ้าง ไม่มีใครรู้ ถือเป็นเรื่องปกติ รัฐบาลทำงานมาได้ระยะหนึ่ง จะต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้าง เลือกบุคคลมาแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างตรงจุด
วอนเจ้าหระทรวงอย่ายึดติดเก้าอี้
“ขณะเดียวกันบรรดาเจ้ากระทรวงไม่ควรยึดติด กระทรวงนั้นกระทรวงนี้เป็นของกู สมบัติกู ไม่ว่าอยู่ตรงไหนก็ทำงานให้กับประชาชนได้ทั้งนั้น วาระของรัฐบาลที่เหลือประมาณ2ปี ไม่เพียงพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลอย่างเดียว ต้องอาศัยพรรคร่วมรัฐบาลร่วมแรงร่วมใจในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน รัฐบาลกำลังเร่งแก้ไข เป็นการปรับเพื่อทำงานให้ประชาชน โดยประชาชนเองก็จะจับตามอง หลังการปรับครม.ไปแล้ว รัฐมนตรีที่กำกับดูแล ทำงานได้ดีขึ้นหรือไม่ ถ้าสัมผัสไม่ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี รัฐมนตรีเหล่านั้นจะถูกกระแสสังคม ประชาชนลงโทษเอง”นายพร้อมพงศ์ ย้ำ
‘ธรรมนัส’ชี้การเมืองต้องขันนอต
เวลา12.10 น.ที่รัฐสภา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ถึงเวลาปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วหรือยังว่า ไม่ทราบไม่ใช่หน้าที่ตน เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องตัดสินใจ เราไม่ควรไปแสดงความคิดเห็นมากในเรื่องนี้
เมื่อถามว่าหลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาพูดถึงการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังไม่ค่อยเต็มที่ จนทำการเมืองคึกคัก และอยากให้มีการปรับครม. ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การเมืองก็เหมือนเรื่องทั่วๆไป เมื่อมันหลวมก็ขันให้มันแน่นหน่อย “เรื่องที่เกี่ยวกับประเทศชาติบ้านเมือง มันไม่ควรจะหลวม ควรจะขันให้แน่นอยู่ตลอดเวลา”ส่วนกระทรวงไหน การทำงานยังหลวมอยู่ ร.อ.ธรรมนัส ตอบว่าตนไม่สามารถไปวิเคราะห์หรือวิจารณ์ได้ ประชาชนเขาเห็นเอง
เมื่อถามว่านายทักษิณระบุว่าการทำงานของกระทรวงมหาดไทยยังทำไม่ถึง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า”อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์เขาเลย และตนไม่มีสิทธิ์ไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น หรือก้าวล่วงคนอื่น”เมื่อถามว่า การพูดของนายทักษิณ ถือว่ามีนัยเป็นการส่งสัญญาณในการปรับครม.หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลที่จะพิจารณา”
เชื่อพรรคร่วมฯคุยกันได้อยู่ครบวาระ
เมื่อถามว่า หากมีการขยับเหมือนที่นายทักษิณพูด คิดว่าเสถียรภาพรัฐบาลจะระส่ำหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า”ผมเชื่อว่าท้ายสุดก็จบด้วยการคุยกัน การเมืองต้องคุยกัน การจบด้วยการเมืองอย่างที่ตนเคยย้ำเสมอ การเมือง ถ้าไม่จบด้วยการเมือง มันก็จะจบเห่ไปด้วยกันซึ่งมันก็จะยุ่ง” เมื่อถามว่าเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะอยู่ด้วยกันไปจนครบวาระหรือไม่ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า บรรยากาศเวลานี้โดยเฉพาะตนเองก็คุยกับทุกพรรค ไม่น่ามีปัญหาอะไร โดยเฉพาะในพรรคร่วมรัฐบาลก็คุยกันปกติอยู่แล้ว
เมื่อถามอีกว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีเรียกไปคุยเรื่องปรับครม.หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า”ไม่มี ส่วนใหญ่ก็คุยกับเพื่อนๆในพรรคร่วมรัฐบาล”
อย่ายึดติดหัวโขนมากเกินไป
เมื่อถามว่าประเมินการเมือง2ปีที่เหลือของรัฐบาลคิดว่าถึงเวลาจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแล้วหรือยัง เพื่อให้เกิดการทำงานที่คล่องตัวมากขึ้น และนำไปสู่การเลือกตั้งข้างหน้าร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การเข้าสู่เวทีการเมือง เราอย่าไปยึดติด ถ้ายึดติดแล้ว พอมีการปรับเปลี่ยนอะไรมันก็จะเป็นปัญหา
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่าไปยึดติดเด็ดขาด มันต้องประมาณตัวเองตลอดเวลาว่าเราทำงานตอบโจทย์หรือไม่ เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ประเทศชาติหรือไม่ ซึ่งหลักการทั่วไปของการเป็นนักการเมืองคือ อย่ายึดติด บางครั้ง บางคน บางท่าน หัวโขนที่เขาสวมให้ ไปยึดติดมากเกินไปไม่ดูตัวเอง มันก็ไปไม่รอด ที่ผมพูดไม่ได้หมายถึงใคร ผมเป็นนักการเมือง ก็ต้องประมาณตัวเอง”ร.อ.ธรรมนัสกล่าว พร้อมกันนี้เขายอมรับว่าได้คุยกับนายทักษิณกันตลอด
ถกงบ69วันที่4 ช่วงเช้าหงอย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 09.00 น.ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 4
บรรยากาศช่วงเช้าเป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยปรากฏว่าแทบจะไม่มีรัฐมนตรีเดินทางมาร่วมการประชุมทั้งรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคกล้าธรรม มีเพียงแค่น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม คนเดียวเท่านั้นที่เดินเข้าประชุม ภายหลังจากเมื่อวันที่ 30 พ.ค.นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่สำนักข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า กระทรวงมหาดไทย ควรกลับมาอยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าอาจทำให้รัฐมนตรี โดยเฉพาะซีกพรรคภูมิใจไทยสงวนท่าทีเลี่ยงการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
ปชน.ถล่มงบจัดสรรที่ดินทำกิน
ในช่วงเช้าส่วนใหญ่เป็น ส.ส.ฝ่ายค้านจากพรรคประชาชนลุกขึ้นอภิปราย นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่าการจัดสรรที่ดินทำกินไม่ควรเอาที่ทับซ้อนไปจัดแบบเหมารวมซึ่งการแก้ไขปัญหา สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือ ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อน และออกเอกสารสิทธิ์ตาม ที่แต่ละคนพึงมีพึงได้แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลนี้เอาไปจัดแบบ อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติเพื่อดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ทั้งหมด เมื่อปัญหาที่ดินทับซ้อนมีข้อเท็จจริงที่แตกต่างกัน ความชอบธรรมที่จะได้รับสิทธิ์ของแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกัน การออกเอกสารแสดงสิทธิ์จึงควรต้องแยกออกจากกันด้วย ไม่ใช่บังคับให้ไปทำแบบเดียวกันทั้งหมด
นายเลาฟั้ง กล่าวต่อว่า เมื่อดูรายละเอียดของงบประมาณการแก้ไขที่ทำกินของกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ พบว่าตั้งงบประมาณรวมกัน 692 ล้านบาท ถือว่ามาก แต่เป็นกิจกรรมแก้ไขที่ดินทำกินเพียง 34 เปอร์เซนต์ อีก 66 เปอร์เซนต์ที่เหลือเอาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่ปัญหาเหล่านี้จะแก้ไขได้ง่ายขึ้น หากทำแผ่นที่วันแม็ป และพัฒนาเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้เสร็จ ขอให้จัดงบประมาณที่ตั้งไว้ 692 ล้านบาทสำหรับภารกิจที่จำเป็นจริงๆเท่านั้นโดยเฉพาะการเร่งจัดทำบัญชีรายชื่อและแผนที่แนวเขตทั้งรายบุคคลและรายชุมชนให้เสร็จโดยที่ไม่จำเป็นต้องยัดเยียดคทช.ให้ชาวบ้าน และตัดกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปเพราะสิ้นเปลืองงบฯ
ปชน.อัด.ปรับค่าจ้างช้ากว่าเต่าย่อง
นายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.)อภิปรายว่าขณะนี้ปัญหาสินค้าแพงขึ้นทุกอย่างแต่ค่าจ้างขั้นต่ำปรับขึ้นช้าเป็นเต่าย่อง ต่ำสุดอยู่ที่337บาท ทั้งที่ รมว.แรงงานบอกจะปรับค่าจ้างขั้นต่ำ400บาท ทั่วประเทศ ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่กระทรวงแรงงานกล้าของบประมาณเกี่ยวกับการปรับค่าจ้างเพิ่มขึ้น ขณะที่เรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้แรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ระบุในตัวชี้วัดปี2569 จะผลักดันจำนวนแรงงาน ให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย2.5ล้านคน ทั้งที่แรงงานประเทศไทยมี40 ล้านคน ที่เหลือจะปล่อยตามยถากรรมใช่หรือไม่ จำนวนอุบัติเหตุของผู้ใช้แรงงานเพิ่มขึ้นทุกวัน
กรณีที่ลูกจ้างถูกลอยแพจากการเลิกจ้าง รัฐบาลไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายให้นายจ้างนำเงินมาจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้างได้ ข้อมูลกรมสวัสดิการและคุ้มแรงงาน ปี2562-2567 มีลูกจ้างไม่ได้รับเงินตามคำสั่งเจ้าพนักงานตรวจแรงงาน 43,000 คน เป็นเงิน 2,800ล้านบาท ปล่อยนายจ้างกินหรู อยู่สบาย ไม่ดำเนินคดีนายจ้างอย่างจริงจัง ปล่อยแรงงานถูกนายจ้างละเมิด จัดงบแบบน่าสังเวช
‘ชวน’อภิปรายเหตุฮ.ตำรวจตก
เวลา12.55น. นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายกรณีเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจประสบอุบัติเหตุตกที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์เมื่อวันที่24พ.ค.จนทำให้นายตำรวจนักบินและช่างซ่อมบำรุงเสียชีวิตรวม 3 รายว่า จากเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวที่เกิดขึ้นภายในรอบ1เดือน มีผู้เสียชีวิตที่เป็นนายตำรวจมือชั้นเยี่ยมถึง 9 ราย โดยเฉพาะร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย นักบิน(สบ1)กลุ่มงานการบิน กองบินตำรวจ ที่เสียชีวิตจากเหตุ ฮ.ตกที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นชาว จ.ตรัง และเป็นคนเก่งของจังหวัด ตนคุ้นเคยกับครอบครัวของเขาและเมื่อเชื่อมโยงมาถึงงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แม้เราจะไม่สามารถนำทั้ง 9 ชีวิตกลับคืนมาได้ แต่เราไม่ควรปล่อยให้สูญเสียชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดไปโดยไม่คิดแก้ไข เตรียมตัว ป้องกัน
ปูดงบซ่อมบำรุง มีงาบเงินทุจริต
นายชวน กล่าวต่อว่า สถานภาพของกองบินตำรวจ มีโอกาสจะเกิดเหตุขึ้นอีก เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) มีเฮลิคอปเตอร์ในความดูแล ทั้งหมด 71 ลำ ใช้การได้ 24 ลำ อยู่ระหว่างซ่อมแซม 27 ลำ และรอปลดประจำการ 20 ลำ โดย1ใน24ลำที่ใช้การได้ เป็นเครื่องที่ประสบอุบัติเหตุตก อาจมองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่เป็นการสูญเสียที่ไม่ใช่มาจากการปะทะกับคนร้าย แต่เกิดจากเครื่องมือไม่มีคุณภาพ ไม่ควรเกิดขึ้น น่าเสียดายที่สุด ส่วนตัวแม้ตนจะไม่รู้จักผู้เสียชีวิตอีก2ราย แต่เป็นบุคคลที่มีฝีมือ มีอุดมการณ์ในระดับมือ1 ส่วนร.ต.อ.ทรงพล ตัดสินใจมาเป็นนักบิน เนื่องจากไม่อยากอยู่ในหน่วยงานเดิมเพราะเบื่อหน่ายการวิ่งเต้นเพื่อเป็นโน่นเป็นนี่
สำหรับงบฯซ่อมบำรุงของกองบินตำรวจในงบสตช.ในปี69ตั้งไว้950ล้านบาทเหมือนปี68 มีข้อคิดจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ทำงานด้านนี้ บอกตนว่าขอให้จัดงบฯให้พอในการซ่อมบำรุงโดยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนดังกล่าวพูดในฐานะส่วนตัว ไม่ขอพูดในนามราชการ คือ การหาผลประโยชน์จากการซ่อมบำรุง มีการพูดถึงขนาดว่าหน่วยงานอื่นด้านความมั่นคง อาจมีการทุจริต แต่งบฯซ่อมบำรุงเขาจะไม่ยุ่ง แต่ สตช.เอาไม่เลือก จึงเป็นข้อครหา แต่เพื่อความยุติธรรมกับเจ้าหน้าที่ที่สุจริต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องนำไปพิจารณา ทั้งนี้ สิ่งที่เราควรป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้อีก ต้องดูสถานภาพของเฮลิคอปเตอร์ 24 ลำที่ใช้งานอยู่มีสภาพเป็นอย่างลำที่ตกเมื่อวันที่24พ.ค.ที่ผ่านมาหรือไม่
ขอให้อุบัติครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
”ลำที่เกิดอุบัติเหตุตกมีเพื่อนส่งข้อความมาหาผมว่าเครื่องอยู่ในสภาพที่ใช้การไม่ได้ ผมจึงโทรไปหาคนที่ส่งข้อความมาหาผม เขาบอกว่า คืนวันที่23พ.ค.ก่อนวันที่จะบิน เขาอยู่ด้วยกันกับนักบิน ผมคิดว่านักบินเขารู้ว่า เครื่องอยู่ในสภาพที่ใช้ไม่ได้ แต่สตช. ปล่อยเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่อยากตำหนิ แต่ขอให้เป็นตัวอย่างทบทวน เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียบุคคลที่เป็นกำลังสำคัญของสตช.และบ้านเมืองมากไปกว่านี้อีก หวังว่าขอให้กรณีนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เกิดเหตุอันเกิดขึ้นจากความบกพร่องของอะไหล่เครื่องบิน เข้าใจว่าการดูแลซ่อมบำรุง หรือดีลเลอร์ ยังไม่เป็นระบบเท่ากับของกองทัพอากาศที่มีระบบซ่อมบำรุงที่ดี ผมคิดว่าพวกเราที่ไปอยู่ในกมธ.วิสามัญฯ คงจะช่วยดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ และจะส่งเรื่องนี้ให้กมธ.การตำรวจ ไปหารือในชั้นกมธ.ต่อไป“ นายชวน กล่าว
‘ชาดา’กระทุ้งจัดสรรงบแก้ปัญหา
เวลา 13.10 น.นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ลุกขึ้นวิจารณ์การจัดงบประมาณหลายประเด็นเช่นปัญหาเรื่องช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย ในประเทศห่างขึ้นทุกวัน ปีนี้งบฯลงทุน 700,000 ล้านบาท เป็นงบฯก่อสร้างประมาณ475,000ล้านบาท การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านงบฯก่อสร้างไม่เหมือนอดีต เพราะงบลงทุน แบงก์เอาไปเกือบ10%ฝากท่านประธานถึงธปท.ด้วยว่าต้องเข้ามาดูเป็นการเอาเปรียบประชาชน
ส่วนในโครงการก่อสร้างต่างๆมีแรงงานเพียง 15%เงินส่วนนี้ไม่ได้ไปสู่ระบบข้างล่างมันไปสู่ชนชั้นกลาง กับข้างบน จึงทำให้เกิดปัญหาช่องว่าง ระหว่างคนจนกับคนรวยมากขึ้น เพราะงบฯของรัฐที่ผ่านมาหลายสิบปี รัฐบาลชุดไหนก็โครงสร้างงบฯเหมือนกันหมด กลุ่มทุนก็เอาไปเสียมาก แบงก์ก็เอาไปเสียหมด ไม่มีคำว่าขาดทุน เรื่องนี้ตนว่าต้องมาคิดดูให้ดี แล้วสิ่งที่สำคัญ การกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่เฉพาะโครงการก่อสร้างอย่างเดียว มีเรื่องการพัฒนาแรงงานอย่างเดียว ตนฝากรัฐบาลด้วยทำให้ไปถึง
ลั่นต้องแจกเงินหมื่นไม่งั้น‘เท้ง’มาแน่
นายชาดายังได้กล่าวว่า“ผมเองเมื่อก่อนไม่เห็นด้วยกับนโยบายแจกเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่นบาทของพรรคเพื่อไทย แต่ปัจจุบันนี้ผมเห็นด้วย ฝากท่านประธานถึงท่านนายกฯต้องแจกครับ เงินมีใครที่อยู่ข้างบนแจกไม่ได้ก็ลงมา เอาคนอื่นขึ้นไปนั่งแทน ผมเรียนด้วยความเคารพ พูดอย่างนี้จริงๆถ้าไม่มีปัญญา ทำให้นายกฯได้ลงมา คนอื่นมีเยอะแยะที่เขาทำได้ แล้วเงินมีเยอะครับ
“ประเทศไทยตรงไหนที่ติดขัดก็แก้ซะถ้าท่านไม่จัดการเรื่องดิจิทัลให้เรียบร้อย อย่าไปแจกใกล้ๆเลือกตั้งครับ ผมบอกอย่าว่า แต่หมื่นเลย สองหมื่นก็แจกได้ ถ้าไม่แจกเขามาแน่ครับ นายกฯเท้ง (นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ)”นายชาดา กล่าวย้ำ
โหวตรับงบ’69ฉลุย322ต่อ158
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสมาชิกได้อภิปรายจนเสร็จสิ้นแล้ว จนกระทั่ง เวลา16.05น.ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้มีการลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาท ในวาระแรกขั้นรับหลักการด้วยคะแนน โดยมีเสียงเห็นชอบ 322 เสียง ไม่เห็นชอบ 158 เสียง ไม่มีงดออกเสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 2 เสียง พร้อมมีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแปรญัตติจำนวน 73 คน โดยนัดประชุมครั้งแรกในวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายนนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี