‘เพื่อไทย’ยังเถียงคอเป็นเอ็น
‘แม้ว’ไม่ได้ครอบงำ
ยัน‘อิ๊งค์’มีอำนาจปรับ‘ครม.’
คุยรัฐบาลเสียงแน่นปึ้ก
หลังร่วมโหวตงบฉลุย
เร่งนำพาปชช.พ้นวิกฤต
พรรคเพื่อไทยยืนยัน “เทวดาทักษิณ” ไม่ได้ครอบงำพรรค ย้ำอำนาจปรับครม.เป็นของ “อุ๊งอิ๊งค์”คนเดียว แต่ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณเปลี่ยนแผลง โวซ้ำรัฐบาลเสียงแน่นปึ๊กหลังจบมือหวดผ่านงบฉลุย พร้อมนำพาประชาชนออกจากวิกฤต
เมื่อวันที่ 1มิถุนายน 2568 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ เสนอพรรคเพื่อไทยยึดคืนกระทรวงมหาดไทยกลับมาบริหารเอง ในงาน 25 ปีทีวีเนชั่น ว่า เรื่องนี้ห่างไกลจากคำว่าครอบงำพรรคมาก นายทักษิณ เพียงตอบคำถามว่าในช่วง 2 ปีที่เหลือ รัฐบาลต้องเร่งสร้างผลงาน ซึ่งเป็นเพียงการตอบคำถามปกติต่อสื่อมวลชน ไม่ได้มีการครอบงำหรือสั่งการไปยังกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด รวมถึงห่างไกลจากการตีความว่า ไปบงการกิจกรรมของพรรค ในเรื่องที่สมาชิกหรือกรรมการบริหารพรรคควรตัดสินใจ อีกทั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันหนักแน่นมาโดยตลอดว่า ท่านมีอำนาจเต็มในการปรับครม.นายทักษิณครอบงำไม่ได้ หากจะมีการปรับครม.พรรคเพื่อไทยจะคุยกันเองเป็นการภายใน และที่สำคัญจะยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงนี้แต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่เข้าปัจจัยใดของคำว่าครอบงำพรรคเลย
“คนที่ติดตามการเมืองจะทราบดีว่า รัฐบาลต้องสร้างผลงานให้ประชาชนพึงพอใจตลอด 4 ปี และระยะสำคัญคือก่อนการเลือกตั้งต้องเร่งสร้างคะแนนนิยม สร้างความเชื่อมั่น เพื่อเป็นที่พึ่งที่หวังให้กับประชาชนในการเลือกรัฐบาลครั้งต่อไป นายทักษิณ เพียงวิเคราะห์ด้วยประสบการณ์ และมองจากภายนอกเข้าไป จึงห่างไกลจากการครอบงำพรรค” นายอนุสรณ์ กล่าว
โวรัฐบาลยังแน่นปึ๊ก
นายอนุสรณ์ ยัง กล่าวกรณีสภาโหวตเห็นชอบรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนนเสียง 322 เสียง ไม่เห็นด้วย 158 เสียง ว่า ขอใช้วาระโอกาสนี้ขอบคุณทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ช่วยกันอภิปรายตั้งข้อสังเกตมาตลอด 4 วันในวาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ต้องขอขอบคุณเป็นพิเศษ ที่ช่วยกันโหวตเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ผลการโหวตที่ออกมาสะท้อนถึงเสถียรภาพของรัฐบาลที่เป็นปึกแผ่น แข็งโป๊ก ผลที่ออกมาวันนี้สวนทางกับกระแสข่าวที่พยายามปั่นกันมาก่อนหน้านี้ ว่าจะมีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคคว่ำร่างงบประมาณ 2569 วันนี้ก็ได้พิสูจน์ชัดแล้วว่ารัฐนาวาภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ยังสามารถเดินหน้าเพื่อนำพาประเทศชาติและประชาชนออกจากวิกฤตได้
“งบประมาณ 2569 ถือเป็นงบประมาณปีที่ 3 ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้บริหารการจัดทำงบประมาณ ขอให้เชื่อมั่นว่าทุกคนจะพิจารณาให้เกิดความเหมาะสมของงบประมาณที่แต่ละกระทรวงเสนอมา เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีทุจริตคอร์รัปชั่น ด้วยระเบียบวิธีการบริหารจัดการงบประมาณที่มีประสิทธิภาพทุกขั้นตอน เพื่อไปขับเคลื่อนการทำงานของทุกส่วนในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป” นายอนุสรณ์ กล่าว
เทพไทยยำรัฐบาลสั่นคลอน
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์คลิป พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท-คุยการเมือง” ระบุว่า ภท.จะยอมให้ พท.ยึด มท.หรือ ถ้าใครติดตามข่าวการเมืองเรื่องการยึดกระทรวงมหาดไทยคืน พบว่าก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทย เคยโยนหินถามทาง กรณีต้องการยึดกระทรวงมหาดไทยคืนจากพรรคภูมิใจไทยมาโดยตลอด แต่มีการปฏิเสธจากแกนนำว่า ยังไม่มีแนวความคิดที่จะปรับเปลี่ยน หรือยึดกระทรวงมหาดไทยคืนมาเป็นของพรรคเพื่อไทยเลย แต่ล่าสุด นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาพูดถึงการยึดกระทรวงมหาดไทยคืนจากพรรคภูมิใจไทย ว่าเพื่อต้องการนำกระทรวงมหาดไทยมาสร้างผลงานในเวลา2ปีที่เหลือให้กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เพราะกระทรวงมหาดไทยภายใต้การกำกับของนายอนุทิน ชาญวีรกุลหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังทำงานได้ไม่เต็มที่ หลังจาก นายทักษิณ ได้ประกาศท่าทีจะยึดกระทรวงมหาดไทยกลับคืนมาแล้ว ได้มีลิ่วล้อของนายทักษิณออกมาขานรับ เรียกร้องให้รัฐมนตรีหรือพรรคการเมืองไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ต้องเปิดโอกาสให้พรรคการเมือง หรือบุคคลที่มีความสามารถเข้าไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญได้ แม้แต่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากเคยยืนยันว่าไม่มีการปรับแบบแลกกระทรวงกัน แต่ล่าสุดกลับบอกว่า การปรับเปลี่ยนกระทรวงกัน ก็แล้วแต่โอกาส ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้พรรคภูมิใจไทย ที่เสียประโยชน์ เสียฟอร์ม จากการถูกยึดกระทรวงมหาดไทยคืน
นายอนุทิน ชาญวีรกุล เองก็หลีกเลี่ยงจะตอบคำถามของสื่อมวลชน เพราะไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งกับนายทักษิณโดยตรง จะมีแต่บุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย เช่น นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล บิดาของนายภราดร รองประธานสภาฯคนที่2 โพสต์ตั้งคำถาม “ทักษิณ” เขาคือใคร? มาขู่จะยึดมหาดไทยคืน อย่างนี้ก็ได้หรือ และยกพ.ร.ป.พรรคการเมือง เตือน เข้าข่ายครอบงำพรรคได้ หรือแม้การอภิปรายพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2569 ในสภาผู้แทนราษฎร ของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ และนายไชยชนก ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย แสดงให้เห็นถึงความพอใจกับการยึดกระทรวงมหาดไทยเช่นกัน
กระแสข่าวล่าสุดระบุว่า พรรคเพื่อไทย เสนอ3กระทรวง คือกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงดีอี เพื่อแลกกับกระทรวงมหาดไทย ถ้าหากมีการแลกกันกระทรวงต่อกระทรวง ทำให้พรรคภูมิใจไทยเสียเปรียบ เหมือนกับการเอาแหวนเพชร ไปแลกกับแหวนทองเหลืองซึ่งไม่คุ้มค่า ไม่สมราคากัน เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยคงไม่พอใจ แต่ยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนออกมา อาจเป็นเพราะความเกรงใจ หรืออาจเป็นเพราะกลัวไม่ได้ร่วมรัฐบาล ถ้าหากจะยอมกันถึงขนาดนี้ ก็เสียศักดิ์ศรีพรรคภูมิใจไทยหมด รอดูว่าครูใหญ่บุรีรัมย์จะแก้เกมของนายใหญ่อย่างไรกัน
เปิดรายชื่อ73อรหันต์กมธ.งบ69
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 จำนวน 73 คน ประกอบด้วย สัดส่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) จำนวน 18 คน คือ 1.นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง 2.นายจักรพงษ์ แสงมณี 3.นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง 4.นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม 5.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 6.นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ 7.น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ 8.นางนันทนา สงฆ์ประชา 9.น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช 10.นายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ 11.นายวรศิษฏ์ เลียงประสิทธิ์ 12.นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง 13.น.ส.กุลวลี นพอมรบดี 14.นายไผ่ ลิกค์ 15.นายพงศกร อรรณนพพร 16.นายรวิศ สอดส่อง 17.นายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง 18.นายอนันต์ แก้วกำเนิด
พรรคประชาชน จำนวน 16 คน ได้แก่ 19.น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล 20.นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร 21.นายภัณฑิล น่วมเจิม 22.น.ส.รักชนก ศรีนอก 23.นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ 24.น.ส.ชุติมา คชพันธ์ 25.นายวรภพ วิริยะโรจน์ 26.นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ 27.นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ 28.นายพริษฐ์ วัชรสินธุ 29.นายชวาล พลเมืองดี 30.นายวีระ ธีระภัทรานนท์ 31.นายเดชรัต สุขกำเนิด 32.นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร 33.นายต่อภัสสร์ ยมนาค 34.นายอัศวิน สุทธิวิเชียรโชติ
พรรคเพื่อไทย จำนวน 16 คน ได้แก่ 35.นายนิยม วิวรรธนดิฐกุล 36.นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง 37.นายนพพล เหลืองทองนารา 38.นายธีระชัย แสนแก้ว 39.นายพัฒนา สัพโส 40 น.ส.ชนก จันทาทอง 41.นายวันนิวัติ สมบูรณ์ 42.นายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ 43.น.ส.ธัญธารีย์ สันตพันธุ์ 44.นายนิกร โสมกลาง 45.นายพนม โพธิ์แก้ว 46.น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ 47.นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ 48.นายธเนศ เครือรัตน์ 49.นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ 50.นายมังกร ยนต์ตระกูล พรรคภูมิใจไทย จำนวน 8 คน ได้แก่ 51.นายชาดา ไทยเศรษฐ์ 52.นายไชยชนก ชิดชอบ 53.นางสุขสมรวย วันทนียกุล 54.นายกิตติชัย เอ่งฉ้วน 55.นายภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์ 56.น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย 57.นายธนยศ ทิมสุวรรณ 58.นายสฤษดิ์ บุตรเนียร พรรครวมไทยสร้างชาติ จำนวน 4 คน ได้แก่ 59.นายวิชัย สุดสวาท 60.นายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร 61.น.ส.กานสินี โอภาสรังสรรค์ 62.นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู
พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 3 คน ได้แก่ 66.นางสุพัชรี ธรรมเพชร 67.น.ส.สุณัฐชา ไล่สถาพรพิพิธ 68.ว่าที่ ร.ท.ยุทธการ รัตนมาศ พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 2 คน 69.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ 70.นายอนันต์ ผลอำนวย พรรคชาติไทยพัฒนา จำนวน 1 คน คือ 71.นายอนุรักษ์ จุรีมาศ พรรคประชาชาติ จำนวน 1 คน คือ 72.นายอับดุลอายี สาแม็ง พรรคไทยสร้างไทย จำนวน 1คน คือ 73.นายชัชวาล แพทยาไทย โดย กมธ.วิสามัญฯนัดประชุมครั้งแรกเพื่อเลือกตำแหน่งประธาน รองประธาน และตำแหน่งต่างๆ รวมถึงกำหนดกรอบการประชุม ในวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายนนี้
เร่งพรบ.ศูนย์กลางการเงิน
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub) เพื่อดึงดูดผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทย พัฒนาบทบาทของประเทศไทยให้เป็นผู้เล่นสำคัญทางเศรษฐกิจในเวทีโลก และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต โดยกระทรวงการคลังได้ยกร่าง พ.ร.บ. ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. … และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักการของร่าง พ.ร.บ. และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณานั้น
ปัจจุบันคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ตรวจพิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว ร่าง พ.ร.บ. Financial Hub นี้ จะถูกบรรจุวาระและเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวาระที่ 1 ทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภาต้นเดือนกรกฎาคมนี้ โดยร่าง พ.ร.บ. ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกามี 9 หมวด ประกอบด้วย
บททั่วไป ซึ่งเป็นการกำหนดวันที่บังคับใช้ร่าง พ.ร.บ. และนิยามที่เกี่ยวข้อง
หมวด 1 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน : ซึ่งเป็น
การกำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการให้กำกับดูแลกิจการภายใต้โครงการ Financial Hub อย่างครบวงจร ตั้งแต่การกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจ การให้ใบอนุญาต การตรวจสอบการดำเนินงาน และการเพิกถอนใบอนุญาต
ดูแลสถาบันการเงิน
หมวด2 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน :
ซึ่งเป็นการตั้งสำนักงานเพื่อให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One-stop Authority: OSA) และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ ทั้งการพิจารณาใบอนุญาตและสิทธิประโยชน์ต่างๆ
หมวด 3 ผู้อำนวยการ ซึ่งเป็นการกำหนดคุณสมบัติและวิธีการแต่งตั้งผู้บริหารจัดการสำนักงาน
หมวด 4 การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย : ซึ่งเป็นการกำหนดประเภทและขอบเขตของธุรกิจที่จะได้รับอนุญาต และการกำหนดคุณลักษณะของนิติบุคคลที่ประสงค์จะยื่นคำขอประกอบธุรกิจ
หมวด 5 การส่งเสริมสิทธิประโยชน์ ซึ่งเป็นการกำหนดสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกอบธุรกิจจะได้รับหากมาจัดตั้งธุรกิจภายใต้ Financial Hub หมวด 6 การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจภายใต้การส่งเสริม ซึ่งเป็นการกำหนดแนวทางในการกำกับดูแลธุรกิจภายใต้ Financial Hub ซึ่งได้พิจารณาให้ครอบคลุมแนวทางการกำกับดูแลธุรกิจด้านการเงินในปัจจุบัน ทั้งธุรกิจสถาบันการเงิน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจประกันภัย หมวด 7 พนักงานเจ้าหน้าที่ : ซึ่งเป็นการกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสามารถตรวจสอบกิจการของผู้ประกอบธุรกิจได้ หมวด 8 และ 9 มาตรการปรับเป็นพินัย และโทษทางอาญา ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กำหนด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี