ทบ.หวดเขมรเบี่ยงประเด็นฟ้องศาลโลก

ซัด‘ฮุน มาเนต’

คนละเรื่องปะทะช่องบก

หลัง‘สภาเขมร’ลงมติ

หาเรื่องฟ้อง‘ศาลโลก’

พิลึก!รบ.เบรกปิดด่าน

ทบ.ฉะ “ฮุน มาเนต” อย่าเบี่ยงประเด็น! ฟ้องศาลโลกให้ชี้ขาดปมพิพาท “ปราสาทชายแดนไทย-เขมร 3 แห่ง” เป็นคนละเรื่องกับเหตุปะทะ “ช่องบก” ย้ำยึดข้อตกลงที่ผบ.ทบ.ไทย-กัมพูชาตกลงกันไว้ที่ให้ถอยกำลังพ้นพื้นที่-เจรจาเจบีซี-เข้มทหารห้ามปะทะอีก ด้านท่าทีรบ.ไทยพิลึก! นายกฯสั่งบิ๊ก อ้วนเบรกกองทัพปิดด่าน อ้างหวั่นกระทบศก.ปท.การค้าชายแดน หลังรมว.กลาโหมเขมรสายตรงขอร้อง ส่วน “ฮุน มาเนต”รุกไทยไม่หยุด ยื่นศาลโลกแน่ “ฮุนเซน”ถล่มซ้ำชี้ข้อพิพาท2ปท.อาจขยายความรุนแรงเหมือนกาซา ท้าไทยกลัวอะไรถึงไม่ร่วมยื่นศาลโลก ขณะที่สภาเขมรเอกฉันท์ไฟเขียวยื่นฟ้องศาลโลกปมพิพาทไทย-เขมร

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการดำเนินการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี และกรณีพล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความเตรียมบรรจุวาระการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) เพื่อนำประเด็นเรื่องปราสาทตาเหมือนธม ปราสาทตาเหมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มุมไบ(สามเหลี่ยมมรกต-ช่องบก) เข้าสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)ว่า ยังเป็นคนละเรื่องกับปัญหาปัจจุบัน ปัจจุบันคือ การทำอย่างไรที่จะอยู่ร่วมกันในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน ยังไม่ได้เน้นการชี้ชัดว่าควรเป็นดินแดนของใคร

ทบ.ย้ำเขมรยึด3ข้อเจรจาผบ.2ปท.

พล.ต.วินธัยกล่าวต่อว่า ลำดับแรก จึงถอยห่างจากจุดปะทะ และให้คณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) มาดูเรื่องปักปันเขตแดนหรือกฎหมาย ข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง เพราะที่กองทัพบกนำโดย พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ไปพูดคุยกับพล.อ.เมา โซะพัน ผบ.ทบ.กัมพูชา มีความเห็นตรงกัน 3 ประเด็นคือ การถอยกำลังออกจากพื้นที่จุดปะทะ และการใช้กลไก JBC มาร่วมแก้ปัญหาเรื่องเขตแดน เรื่องสนธิสัญญาและข้อปฎิบัติตามเอ็มโอยู ซึ่งจะระมัดระวังดูแลกำลังพลไม่ให้เกิดเหตุเช่นนั้นกันอีก

“ด้วยมีกติกาข้อตกลงที่ใช้กันมาก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุที่เส้นแบ่งเขตแดนในแผนที่ที่ทั้ง 2 ฝ่ายอ้างอิงใช้เป็นคนละฉบับ ทำให้เส้นเขตแดนไม่ได้ทับเป็นเส้นเดียวกัน จึงทำให้เกิดแก๊ป (Gap) เป็นพื้นที่ทับซ้อนกัน อย่างกรณีพื้นที่จุดปะทะ ที่เห็นชัดมีการวางกำลัง และขุดคูเลต ก็เป็นพื้นที่ที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนนี้ ซึ่งที่ผ่านมามีกติกาข้อตกลงที่ใช้ร่วมกันมาตลอด เช่น การไม่ดัดแปลงสภาพภูมิประเทศ ต้องไม่มีการวางกำลังทางทหาร ในลักษณะเอาปืนหันหน้าใส่ไทย เราจึงต้องมาร่วมกันรักษากติกาข้อตกลงที่ให้ไว้ต่อกันให้ได้ ก่อนที่จะไปใช้กลไกอื่นๆ”โฆษกกองทัพบกแถลง

โต้ฮุนเซนพื้นที่อ้างสิทธิ์ไม่ใช่จุดปะทะ

และว่า กรณีสมเด็จฮุนเซนโพสต์ภาพและข้อความอ้างสิทธิ์พื้นที่สนามเหลี่ยมมรกตนั้น น่าจะเป็นพื้นที่ใกล้ศาลาตรีมุข และไม่ใช่พื้นที่จุดที่เกิดเหตุปะทะ ซึ่งตรงจุดปะทะมีสภาพพื้นที่เป็นป่า ไม่เคยพบว่ามี ชาวบ้าน หรือทหารกัมพูชามาประจำอยู่ จากหลักฐานภาพถ่าย ชัดเจนว่าเหมือนเพิ่งมาขุดคูเลตทำกิจกรรมทางทหารกันไม่นานมานี้ ไม่ใช่ขุดอยู่กันมาเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว

รบ.เบรกกองทัพปิดด่านหวั่นกระทบศก.

วันเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า รัฐบาลขอให้กองทัพใช้ความอดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังพบว่ากัมพูชาเพิ่มกำลังทหารและอาวุธหนักเข้าพื้นที่ช่องบกจำนวนมาก ซึ่งพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์และล้ำเข้ามาฝ่ายไทยพร้อมหันกระบอกปืนใหญ่เข้าหาฝ่ายไทย โดยกองทัพแจ้งรัฐบาล จุดที่ทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ฝ่ายไทย ทำให้เกิดความไม่สบาย จึงขอประกาศปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดแนว เพื่อกดดันและตอบโต้ฝ่ายกัมพูชา เพราะหากนิ่งเฉย เท่ากับยอมรับ แต่รัฐบาลขอให้กองทัพอย่าเพิ่งดำเนินการใดๆ กังวลจะกระทบการค้าขายตามแนวชายแดน และซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศไทย อีกทั้ง กำลังจะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee – JBC)ไทย-กัมพูชา

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ก่อนหน้านี้หลังมีกระแสข่าวไทยเตรียมปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา พล.อ. เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯและรมว.กลาโหมกัมพูชา โทรศัพท์หานายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม ร้องขออย่าให้ไทยปิดด่าน และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯให้นายภูมิธรรมไปพูดคุยกับกองทัพ

สายข่าวทหารพร้อมภารกิจลับ

ด้านพล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร (ผบ.ขกท.) สั่งการให้กองพันข่าวกรองทางทหารตรวจความพร้อมรบของกองร้อยข่าวกรองทางทหาร ความพร้อมของกำลังพล อาวุธ ยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ ให้พร้อมสำหรับรองรับภารกิจจากกองทัพบก โดยกองร้อยข่าวกรองทางทหาร มีภารกิจหลักในการรวบรวมข่าวสารและเฝ้าตรวจสนามรบ สนับสนุนให้หน่วยดำเนินกลยุทธ์

โดยพล.ต.ธีรนันท์ให้โอวาทกำลังพลตอนหนึ่งว่า พวกเราคือกองอาทมาต ที่สืบสานการทำหน้าที่มาตั้งแต่โบราณกาล ขอให้เราภูมิใจในการเป็นทหารการข่าว ทำหน้าที่รวบรวมข่าวสาร ในอดีตกองอาทมาตมีความสามารถสอดแนม จารกรรม รวมรวมข่าวสาร มีคาถาอาคม วันนี้ถึงแม้เราไม่มีคาถาอาคม แต่เรามีเครื่องมือพิเศษ มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย ฉะนั้นพวกเราคือ หูและตา แห่งสนามรบ ขอพวกเราเป็นตาที่คมเหมือนเหยี่ยว เป็นหูที่ไวเหมือนนกเค้าแมว

พล.ต.ธีรนันท์ ยังย้ำและสั่งการให้รักษาวินัยของทหาร แสดงออกถึงภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพบก ยึดมั่นอุดมการณ์ เกียรติ ศักดิ์ศรีของทหารอาชีพและมีความพร้อมอยู่เสมอ สามารถปฏิบัติภารกิจได้ทันทีเมื่อได้รับคำสั่งจากกองทัพบก

‘หม่อมปลื้ม’กระทุ้งรบ.คว่ำบาตรเขมร

หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือหม่อมปลื้ม ผู้ดำเนินรายการและนักวิเคราะห์การเมือง-เศรษฐกิจ โพสต์เฟซบุ๊ก “M.L. Nattakorn Devakula” ระบุ รัฐบาลไทยต้องหยุดพูดคุยกับกัมพูชา คว่ำบาตรรัฐบาลฮุนมาเนตเเละสมเด็จฮุนเซนทันที

ฮุน มาเนตรุกไทยเร่งถกJBCปักปันเขตแดน

วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวจากฝั่งกัมพูชา โดยเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชา รายงานว่านายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า สั่งการให้คณะกรรมาธิการ เจบีซีเร่งจัดประชุมกับฝ่ายไทย เพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซีคือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกตเข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์

นายกฯเขมรยังอ้างด้วยว่าเกิดความตึงเครียดจาก“กลุ่มหัวรุนแรง”ที่ปลุกกระแสชาตินิยมในทั้งสองประเทศจนอาจนำไปสู่การปะทะทางทหารอีกครั้ง ถ้าคุมสถานการณ์ไม่ได้ และกล่าวด้วยว่าแม้กัมพูชายังยึดมั่นแนวทางสันติวิธี และการแก้ไขผ่านกระบวนการทางเทคนิคและกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ผู้นำกัมพูชาระจะไม่ละทิ้งสิทธิ์ปกป้องอธิปไตย รวมถึงการใช้กำลังทางทหาร หากเห็นว่ามีการละเมิดดินแดน

ระดมทหารประชิดชายแดนไทยปกป้องพรมแดน

ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน (Jean Francois Tan) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตของกัมพูชา สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมยืนยันว่าสถานการณ์ชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นอกจากนี้ นายกฯฮุน มาเนตยังสั่งการตามสายงานไปยังรองนายกฯ รมว.กลาโหม ผบ.เหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับไทย พร้อมเรียกร้องชาวกัมพูชา เชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

“ฮุนเซน”ชี้สู้รบ2ปท.อาจยกระดับเป็นกาซา

เดอะ พนมเปญโพสต์รายงานว่า สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวระหว่างการเรียกประชุมสมาชิกรัฐสภากัมพูชาเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์ขัดแย้งที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชาอาจยกระดับความรุนแรงกลายเป็นกาซา สู้รบไม่จบสิ้นเหมือนอิสราเอลและปาเลสไตน์ หากกัมพูชาและไทยไม่ยื่นเรื่องนี้ไปตัดสินกันในศาลโลก

ท้าไทยกลัวอะไรไม่ร่วมยื่นศาลโลก

ฮุนเซนกล่าวต่อว่า การที่กัมพูชาเชิญประเทศไทยยื่นเรื่องส่งศาลโลกด้วยกัน สะท้อนถึงการให้เกียรติกันเพื่อร่วมแก้ปัญหาความข้ดแย้งผ่านวิธีการการทูต ถ้าไทยยังหลบเลี่ยงไม่ยอมไปศาลโลกอยู่อย่างนี้ แสดงว่าไทยปิดบังอะไรอยู่หรือไม่ และตั้งคำถามว่าจะกลัวไปศาลทำไม ถ้ามีความจริงใจ อดีตผู้นำกัมพูชาชี้อีกว่า MOU ที่ไทยและกัมพูชาทำไว้ในปี 2543 หรือ 25 ปีที่แล้ว ไม่มีประโยชน์และไม่มีผลอะไรแล้ว

“กัมพูชาไม่ได้อยากได้ดินแดนของใคร เพียงแค่ต้องการรักษาดินแดนที่เหลือจากยุคอาณานิคมของฝรั่งเศสเอาไว้ เพราะกัมพูชาเสียดินแดนไปมากพอแล้วในอดีต ตอนนี้เหลือแค่หยิบมือเดียวจึงจำเป็นต้องปกป้อง”อดีตนายกฯเขมรระบุ และบอกด้วยว่า ถ้ายังเกิดเหตุปะทะขึ้นอีก กัมพูชาจะร้องเรียนถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือ UNSC

ฮุนมาเนตไม่สนไทยลุยยื่นศาลโลก

ด้านนายกฯฮุน มาเน็ตก็ประกาศในสภาเช่นกันว่า กัมพูชาจะยื่นเรื่องนี้ไปสู่ศาลโลกไม่ว่าไทยจะเห็นด้วยหรือไม่ ขณะที่การเจรจาผ่านคณะกรรมการร่วมชายแดน (JBC) ก็ดำเนินต่อไป พร้อมเรียกร้องนักการเมืองและประชาชนกัมพูชาร่วมแรงแข็งขันเป็นหนึ่งเดียวสนับสนุนกองทัพกัมพูชาในการปกป้องดินแดนและอธิปไตย ขอให้หยุดเรื่องความบาดหมางภายในเอาไว้ก่อน

สภาฯเขมรเอกฉันท์หนุนฟ้องศาลโลก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกฯกัมพูชา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแจ้งผลประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติและวุฒิสภาช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ว่า มีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 182 เสียง ต่อแผนการดำเนินการของ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในการยื่นข้อพิพาทชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทยต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก (ICJ)

กต.เขมรประท้วงไทยก่อเหตุยิงก่อน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ากระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ส่งหนังสือประท้วงผ่านสถานทูตไทย ในกรุงพนมเปญ ถึงกระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทย อ้างถึงเหตุปะทะชายแดน กัมพูชา-ไทย จึงแจ้งให้ฝ่ายไทย ดังนี้ 1. เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เวลา 05.30 น. กองกำลังไทยเปิดฉากยิงในสนามเพลาะที่ในอำเภอโจมคซาน จังหวัดพระวิหาร ของกัมพูชา ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร

2. รัฐบาลกัมพูชาขอเน้นย้ำว่ากองกำลังทหารกัมพูชาประจำการต่อเนื่องและสันติในที่นี้มานานก่อนการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างรัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2543

“รัฐบาลกัมพูชา ขอประท้วงอย่างแข็งกร้าว ต่อการโจมตีด้วยอาวุธปืน อย่างไม่มีเหตุผล โดยทหารไทย ซึ่งเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา และการละเมิดเจตนารมณ์ของมิตรภาพและความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ดังที่สะท้อนให้เห็นในบันทึกความเข้าใจ พ.ศ.2543”หนังสือดั้งกล่าวระบุ และว่า รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สืบสวนเหตุรุนแรงครั้งนี้โดยทันทีและทั่วถึง และให้นำตัวผู้ที่รับผิดชอบต่อการกระทำร้ายแรงและผิดกฎหมายนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม