วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
‘เสรีพิศุทธ์’จัดหนัก  เชื่อ13มิ.ย.‘แม้ว’ไม่ไปศาล  กลัวถูกล็อกตัวเข้าเรือนจำ

‘เสรีพิศุทธ์’จัดหนัก เชื่อ13มิ.ย.‘แม้ว’ไม่ไปศาล กลัวถูกล็อกตัวเข้าเรือนจำ

วันพุธ ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เสรีรวมไทย ทักษิณ แนวหน้าออนไลน์ สีสันการเมือง แบบเด้งเด้ง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ
  •  

“เสรีพิศุทธ์”หวดยับ“ทักษิณ”เผยจากมิตรภาพ 50 ปี สู่จุดแตกหัก เปิดหน้าชนแหลกอดีตนายกฯ ไม่ยอมรับโทษจำคุก เชื่อ 13 มิถุนายนนี้ เจ้าตัวไม่ไปศาลแน่ ไม่รู้ไปสแตนด์บายที่ไหน หรือจะออกนอกประเทศ

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์รายการ “สีสันการเมือง แบบเด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ประเด็นที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนวันที่ 13 มิถุนายนนี้ กรณีการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะที่กำลังต้องโทษจำคุก 1 ปี ออกจากเรือนจำไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ทำโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ว่าอยากถามนายทักษิณที่เป็นรุ่นน้องตนว่ายังสบายดีอยู่หรือไม่ เพราะใกล้จะถึงวันที่ 13มิถุนายนแล้ว จะมาศาลหรือไม่ หรือจะไปอยู่ที่ไหน


พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าในวันดังกล่าวนายทักษิณจะไม่ไปศาล เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านงานมามาก การที่ศาลใช้คำว่านัดพร้อม หรือไต่สวน คือศาลให้ทุกฝ่ายรวมถึงนายทักษิณ ส่งคำชี้แจง หากมีเหตุผลอย่างอื่น ศาลฎีกาย่อมรู้อยู่แล้วว่าไม่มีการขออนุญาต ก็สามารถใช้อำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และประธานศาลฎีกาได้ออกข้อบังคับไว้ ในข้อ 61 ระบุว่า การบังคับคดีอาญาให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในส่วนที่เกี่ยวข้องคือ ม.246 ว่าด้วยการทุเลาการบังคับคดี ที่กำหนดลักษณะเข้าข่ายไว้ 4 ข้อ คือ 1.เมื่อจำเลยวิกลจริต 2.เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก 3.ถ้าจำเลยมีครรภ์ และ4.ถ้าจำเลยคลอดบุตรแล้วยังไม่ถึงสามปีและจำเลยต้องเลี้ยงดูบุตรนั้น

กรณีของนายทักษิณไม่เกี่ยวข้องกับการวิกลจริต ตั้งครรภ์หรือคลอดบุตร แต่เรื่องการเจ็บป่วยเป็นอันตรายถึงชีวิต หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ขออนุญาต แต่นี่เป็นหรือไม่เป็นแต่ไม่ได้ขออนุญาต เมื่อศาลรู้ก็ให้ชี้แจงถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ซึ่งหมดเวลาไปแล้ว จากนั้นศาลจะมีเวลาพิจารณา ให้ผู้พิพากษาประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา 3 คน มีอำนาจออกหมายหรือคำสั่งใดๆ ตามที่เห็นควรเพื่อบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษา

“ถ้าไม่มีพยานหลักฐานใดที่รายงานเข้ามาว่ามีการขออนุญาตศาลก็ถือว่ายังไม่มีการบังคับคดี ศาลก็สั่งได้เลยให้จำคุกคุณทักษิณ 1 ปี ฉะนั้นตอนนี้คุณทักษิณที่บอกกำลังพิจารณาจะมาหรือไม่มา คงไม่มาหรอก เพราะถ้ามาแล้วถ้าศาลสั่งจำคุกเลยคุณทักษิณไปไหนไม่ได้แล้ว ถูกล็อกตัวเข้าคุกไปเลย” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวและว่า ส่วนฝ่ายกฎหมายนายทักษิณ มองว่าศาลไม่สามารถมีคำสั่งซ้อนได้ ประเด็นนี้ต้องเข้าใจว่าศาลสั่งจำคุกแต่เมื่อยังไม่ถูกจำคุกศาลก็มีอำนาจบังคับคดี ออกคำสั่งได้ตามที่เห็นสมควรเพื่อบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษา คือคำพิพากษาเดิมมีอยู่แล้วแต่นายทักษิณยังไม่ได้ถูกจำคุกตามคำพิพากษา ศาลจึงสามารถมีคำสั่งได้ ตนยังคิดถึงคดีอื่นๆ ที่มีนักการเมืองถูกจำคุก 30–40 ปี แต่จำคุกจริง 4–5 ปี แล้วช่วยกันปล่อยตัวออกมาจะเข้าข่ายนี้หรือไม่ ควรจะพิจารณาว่าไม่มีการบังคับคดีตามคำพิพากษา

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า เชื่อว่านายทักษิณจะไม่ไปศาล แต่หากไม่ไปก็จะถูกออกหมายจับ ส่วนคำถามว่านายทักษิณจะหนีหรือไม่ หากดูเรื่องเดิมเคยต้องโทษจำคุกก็หนีไปอยู่ต่างประเทศถึง 17 ปี อีกทั้งยังเคยพูดว่าอย่างไรก็ไม่ยอมถูกจำคุก ก็จะต้องใช้ทุกวิถีทาง เช่น ขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งหากเป็นตนคงทำไม่ได้ แต่นายทักษิณทำได้และทำไปแล้ว เพียงแต่ไม่หมด โดยคำพิพากษาของศาลให้จำคุก 8 ปี แต่พระบรมราชโองการให้อภัยลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี ซึ่งผิดเป้าหมายที่นายทักษิณคงตั้งใจขอลดทั้งหมด

“การเหลือโทษจำคุก 1 ปี หากเป็นผมจะก้มกราบแล้วจะประพฤติตนเป็นคนดีต่อไป แต่ทีนี้ 1 ปีก็ยังไม่ยอม มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมดำเนินการต่างๆ อย่างที่เห็น มีการแต่งตั้งคนไปเตรียมไว้แล้ว อย่างนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ไปเป็น รมว.ยุติธรรม มีการแก้ไขกฎต่างๆ เพื่อเอื้อต่อนายทักษิณ รวมถึงจะไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ด้วย จนมาถึงรัฐบาลปัจจุบันก็ให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง มาเป็น รมว.ยุติธรรม แล้วให้นายสมศักดิ์ไปเป็น รมว.สาธารณสุข และไม่ใช่เฉพาะ 2 ตำแหน่งนี้ แต่เป็นทุกตำแหน่งแม้แต่ข้าราชการประจำ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

ส่วนคำถามที่ว่าเพราะพรรคเสรีรวมไทยการเลือกตั้งครั้งล่าสุดได้ที่นั่งในสภาฯ เพียง 1 เสียง ทำให้นายทักษิณไม่สนใจทั้งที่มีความสัมพันธ์กันมานานถึง 50 ปี จึงกลายเป็นความขัดแย้งกับนายทักษิณหรือไม่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่วว่า เรื่องนี้มีหลายปัจจัย โดยตลอด 50 ปี ตนเป็นพี่มีส่วนช่วยเหลือนายทักษิณมากกว่า แต่นายทักษิณเป็นฝ่ายเอาเปรียบอย่างตอนที่นายทักษิณเป็นนายกฯ ตนเป็นผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ เป็นผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ แต่ก็ถูกกดไม่ให้ขึ้น ตนเป็นผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจถึง 6 ปี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็นปีเดียวก็กระโดดข้ามหัวไปเลย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ช่วงที่นายทักษิณหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ตนยังเดินทางไปเยี่ยม และนั่นทำให้สามารถขึ้นไปเยี่ยมนายทักษิณบนชั้น 14 รพ.ตำรวจได้ คือรักและเข้าใจกันพอสมควร แต่สิ่งที่ปรากฏเป็นเหตุคือตนช่วยนายทักษิณมาตลอด อย่างสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ มีการเสนอทั้งเงินและตำแหน่งรองนายกฯ ให้ไปร่วมรัฐบาล เพราะเวลานั้นพรรคเสรีรวมไทยมี สส.10 เสียง ตนก็ปฏิเสธเพราะมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจมา แต่ตนเป็นคนมีหลักการ มาให้ตำแหน่งก็ไม่เอา

หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวต่อว่า นายทักษิณพูดตลอดเวลาที่ได้ไปเยี่ยม บอกว่าเป็นหนี้ตน แต่เมื่อไม่ตั้งก็เข้าใจ เพราะตนเข้าใจสถานการณ์เวลานั้น เมื่อรวมกับพรรคก้าวไกลไม่ได้ ต้องไปไปดึงพรรคพลังประชารัฐ ดึงพรรครวมไทยสร้างชาติดังนั้นไม่ตั้งก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ไป ต้องตั้งรัฐบาลกันใหม่อำนาจก็อยู่ที่นายทักษิณใช่หรือไม่ แล้วจะพูดทำไมเรื่องเป็นหนี้แล้วจะชดใช้ นี่ก็เป็นจุดหนึ่ง เอาแต่ผลประโยชน์ ถึงเวลาก็ไม่มองคนอื่นเลย ตอนนี้ลองมี 10–20 เสียง สิ แต่เผอิญประชาชนให้มาแค่เสียงเดียว ถูกดูดไปหมด

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า ตอนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นนายกฯ แล้วกำลังจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตนทำหนังสือถึงนายกฯ ซึ่งหากไปถึงนายทักษิณย่อมต้องรู้ด้วย หากนายทักษิณยังสนใจก็คงมีโทรศัพท์กลับมาคุยกัน แต่เมื่อไม่มีคำตอบ ผ่านไป 2 วัน จึงตัดสินใจแถลงข่าวประกาศนำพรรคเสรีรวมไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนอีกสาเหตุคือตอนที่นายทักษิณไปปาฐกถาในงานที่จัดโดยสำนักข่าวเนชั่น พูดถึงการแบ่งผลประโยชน์ทางทะเลอ่าวไทยกับนายฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชา ตนมองว่าทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ไม่ใช่เพื่อประเทศชาติและประชาชน

“พูดตรงนั้นไปได้อย่างไร ถ้าเป็นสมบัติของตระกูลชินวัตรจะพูดอย่างไรก็พูดไป แต่นี่มันเป็นของประเทศชาติ มาพูดจะแบ่งกับฮุน เซนคนละครึ่ง แล้วเป็นไงตอนนี้ครอบครัวญาติพี่น้องก็ไปเป็นเครือญาติกันแล้ว ก็เลยมองว่าที่เขาทำมาทั้งหมด เช่นที่กลับมาประเทศไทย ได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว จะซื่อสัตย์จะรับใช้อะไรต่างๆ แต่ปรากฏว่าออกไปหาเสียงนายก อบจ.ทั่วประเทศทั้งหมด ทำไปทำไมทั้งที่จริงๆ มันผิดกฎหมาย” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวด้วยว่า ผู้ช่วยหาเสียงคือเด็กติดป้ายโฆษณาหาเสียง ไม่ใช่คนอย่างนายทักษิณ หรือผู้ช่วยหาเสียง สส.คือเขตประเทศ แต่นั่นเป็นเขตจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ไหนก็จังหวัดนั้น แต่การที่นายทักษิณลงไปก็เพื่อให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นนายก อบจ.ทั่วประเทศ หวังผลไปถึง สส.วันข้างหน้า หรือที่ปัจจุบันมีข่าวจะปรับเปลี่ยนรัฐบาล จะยึดกระทรวงสำคัญต่างๆ ถามว่าในวันที่ตั้งรัฐบาลยังง่อนแง่นจึงยอมยกให้พรรคอื่น แต่เมื่อยืนอยู่ได้ก็จะแย่งกลับมา ไม่คิดหรือว่าเป็นเพื่อนกันพอยืนได้แล้วจะยึดแบบนี้คบกันได้เหรอ

อดีต ผบ.ตร.กล่าวว่า มีข้อสังเกตว่าเมื่อนายทักษิณได้ยินชื่อของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แล้วดูเหมือนจะออกอาการโกรธมาก ตนมองว่าเพราะนายทักษิณไปอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยไม่เจ็บป่วย แล้วไม่มีใครเปิดเผย จนกระทั่งตนออกมาเปิดเผยเพราะทนไม่ได้ที่นายทักษิณจะใช้วิธีแบบฮุน เซนในการยึดประเทศ แต่ตนเห็นประเทศชาติ ประชาชนและสถาบันพระมหากษัตริย์สำคัญกว่านายทักษิณ แม้จะเคยรู้จักกันมา แต่เมื่อเป็นแบบนี้ก็เลิกคบกัน

“อย่างคำพูดก่อนนี้คือตำรวจไม่มีพล.ต.อ.หญิงนะ มาคราวนี้หนูรี เพื่อด้อยค่าเรา แต่เราไม่โกรธ ก็ถือว่าเขาเครียดเต็มที่แล้ว ไม่มีทางออกไม่มีทางไป ไม่มีปัญหา ก็ดูว่าวันที่ 13 มิถุนายนนี้ เขาจะไปสแตนด์บายอยู่ที่ไหนหรือจะออกนอกประเทศ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'มทภ.2\'ลั่น!อดทนถึงที่สุด ถ้าต้องใช้กำลังก็พร้อมรักษา\'แผ่นดินไทย\' 'มทภ.2'ลั่น!อดทนถึงที่สุด ถ้าต้องใช้กำลังก็พร้อมรักษา'แผ่นดินไทย'
  • นักวิชาการ มธ.แนะรัฐปรับการสื่อสารใหม่ ชี้บรรยากาศ‘ไทย-กัมพูชา’เข้าข่ายวิกฤตแล้ว นักวิชาการ มธ.แนะรัฐปรับการสื่อสารใหม่ ชี้บรรยากาศ‘ไทย-กัมพูชา’เข้าข่ายวิกฤตแล้ว
  • อนุสาวรีย์แห่งการโกง! ‘สรรเพชญ’ติดตามคืบหน้า‘อควาเรียมหอยสังข์’ อนุสาวรีย์แห่งการโกง! ‘สรรเพชญ’ติดตามคืบหน้า‘อควาเรียมหอยสังข์’
  • ‘อนุทิน’ว่าใคร? จะกล่าวหาให้ร้ายผู้อื่น ตัวเองก็ต้องไร้มลทิน ‘อนุทิน’ว่าใคร? จะกล่าวหาให้ร้ายผู้อื่น ตัวเองก็ต้องไร้มลทิน
  • ทบ.โต้ทันควัน! เหตุปะทะ‘ช่องบก’ทหารกัมพูชายิงก่อน ทบ.โต้ทันควัน! เหตุปะทะ‘ช่องบก’ทหารกัมพูชายิงก่อน
  • \'เนชั่น\'แจงไม่มีสั่งพักงาน-ตัดเงินเดือนนักข่าวที่สัมภาษณ์นายกฯ 'เนชั่น'แจงไม่มีสั่งพักงาน-ตัดเงินเดือนนักข่าวที่สัมภาษณ์นายกฯ
  •  

Breaking News

โหร‘AI’ไขดวงชะตา! ‘ChatGPT’ที่พึ่ง‘ไทยสายมู’ยุคดิจิทัล

อนุสาวรีย์แห่งการโกง! ‘สรรเพชญ’ติดตามคืบหน้า‘อควาเรียมหอยสังข์’

'มทภ.2'ลั่น!อดทนถึงที่สุด ถ้าต้องใช้กำลังก็พร้อมรักษา'แผ่นดินไทย'

นักวิชาการ มธ.แนะรัฐปรับการสื่อสารใหม่ ชี้บรรยากาศ‘ไทย-กัมพูชา’เข้าข่ายวิกฤตแล้ว

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved