วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
'อ.จุฬาฯ'เตือนหยุดคลั่งชาติ ชื่นชม'กัมพูชา'ฉลาดใช้'การทูต'

'อ.จุฬาฯ'เตือนหยุดคลั่งชาติ ชื่นชม'กัมพูชา'ฉลาดใช้'การทูต'

วันพฤหัสบดี ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 11.44 น.
Tag : ข่าวการเมือง พวงทองภวัครพันธุ์ กัมพูชา หยุดคลั่งชาติ รศ.ดร.พวงทอง ชายแดน แนวหน้าออนไลน์
  •  

ยิ่งไม่เจรจา ยิ่งเสีย! รศ.ดร.พวงทอง จุฬาฯ ชี้ไทยใช้กำลังกับกัมพูชา เสียความน่าเชื่อถือเวทีโลก ย้อนรอยบทเรียนปราสาทพระวิหาร สู่สถานะ 'เด็กเกเร' เตือนระวังไฟชาตินิยมเผาผลาญ!

รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เฟซบุ๊ก Puangthong Pawakapan ระบุว่า 


ยิ่งไม่เจรจา เน้นใช้กำลังทหารเป็นหลัก จะยิ่งทำให้ประเทศไทยสูญเสียความน่าเชื่อถือในเวทีระหว่างประเทศ และสงครามไม่เคยแก้ปัญหาข้อพิพาทได้

ฮุน เซน เติบโตมาจากทหารบ้าน (กองกำลังเขมรแดง) ไม่มีการศึกษาสูงส่งอะไร แต่เขาเก่งเรื่องการต่างประเทศมากๆ (ขึ้นเป็นรมต.ต่างประเทศตั้งแต่อายุแค่ 28 ปี) พอเกิดเรื่องไม่ทันไร ก็ใช้เวทีรัฐสภาของตน ประกาศว่าจะนำปัญหาข้อพิพาทกับไทยขึ้นสู่ศาลโลก (ICJ) ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะไทยถอนตัวออกจากการเป็นภาคีของ ICJ ตั้งแต่ปี 1962 หรือเมื่อแพ้กรณีปราสาทพระวิหาร แต่การประกาศเช่นนี้ของฮุน เซนเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

นกตัวแรก คือการประกาศให้ประชาชนกัมพูชาเห็นว่ารัฐบาลจะไม่หงอให้กับประเทศที่ใหญ่กว่า แม้เขาจะมีความสนิทสนมกับรัฐบาลไทยและครอบครัวชินวัตร แต่รัฐบาลกัมพูชามีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาวกัมพูชา ... ได้ใจคนเขมรท่วมท้น

นกตัวสอง คือการประกาศให้นานาชาติเห็นว่ากัมพูชาแก้ปัญหาโดยใช้กฏกติการะหว่างประเทศเป็นที่พึ่ง -- กฏหมายระหว่างประเทศมีไว้แก้ปัญหาเพื่อรักษาสันติภาพและความมั่นคงของโลก -- กัมพูชาประพฤติตนเป็นสมาชิกที่ดีของโลก ... ฮุน เซนกำลังท้าทายประเทศไทยว่ากล้าหรือไม่ ที่จะให้คนกลางตัดสินปัญหา กลัวอะไร?

ฉะนั้น สำหรับดิฉัน ในเมื่อไทยไม่ต้องการใช้ ICJ อีกต่อไป ก็ต้องอาศัยการเจรจาเป็นแนวทางหลักในการแก้ปัญหา การที่รัฐบาลประกาศใช้เวที JBC คือจุดเริ่มต้นที่ดี (แม้ว่าจะใช้เวลาหายงงอยู่นานก็ตาม บอกตรงๆ ว่างงกับรัฐบาลเพื่อไทยชุดนี้มาก ทำงานแบบคนเมายาได้เกือบทุกเรื่อง)

สำหรับคนที่โตไม่ทันเหตุการณ์ข้อพิพาทเหนือปราสาทพระวิหารที่ปะทุขึ้นโดยขบวนการที่มุ่งทำลายรัฐบาลพลังประชาชน/เพื่อไทยด้วยการปลุกกระแสคลั่งชาติระหว่างปี 2551-2554 ดิฉันขอย้อนเหตุการณ์ให้อ่านสั้นๆ ว่ากรณีนี้ทำให้สถานะของไทยเหมือนเด็กเกเรระหว่างประเทศอย่างไร

- เมื่อเกิดการปะทะทางทหารขึ้น รัฐบาลฮุน เซน ประกาศขอให้อาเซียนเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจา อินโดนีเซียซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนั้น รมต.ต่างประเทศ นาย Marty Natalegawa ตอบรับแสดงความยินดีอย่างรวดเร็ว เพราะสอดคล้องกับสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia - TAC) ของอาเซียน ที่ระบุว่าประเทศสมาชิกพึงแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี

แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ปฏิเสธในทันที บอกว่านี่เป็นเรื่องทวิภาคี ไม่ต้องการให้บุคคลหรือองค์กรที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งๆ ที่ไทยเป็นสมาชิกอาเซียน .... อินโดนีเซียเซ็งไปเลย
เมื่อความขัดแย้งลุกลามบานปลายมากขึ้น เกิดการปะทะทั้งบริเวณใกล้ปราสาทพระวิหารและกลุ่มปราสาทตาเมือน ในเดือน ก.พ. 2554 ฮุน เซนประกาศว่าจะไม่มีการเจรจาระดับทวิภาคีอีกแล้ว และยื่นร้องขอให้คณะมนตรีแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC จัดประชุมด่วนเพื่อหาทางยุติความก้าวร้าวของไทย (คำของ กพช.) รวมทั้งให้ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพมาประจำในพื้นที่พิพาทอีกด้วย

รัฐบาลอภิสิทธิ์คัดค้านข้อเรียกร้องนี้ แต่ UNSC กลับตกลงที่จะรับพิจารณาประเด็นที่กัมพูชาร้องขอ

UNSC ออกมติเตือนให้สองประเทศใช้ความรอบคอบระมัดระวังให้มากที่สุด, ให้มีการตกลงหยุดยิงอย่างถาวร และให้อินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เป็นตัวกลางจัดการประชุมพบปะระหว่างสองฝ่าย

ฮุน เซน รีบตอบสนองข้อเสนอของ UNSC ทันที ด้วยการเสนอให้มีการหยุดยิงอย่างถาวร แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ปฏิเสธข้อเสนอนี้ในทันทีเช่นกัน

ในที่สุด สิงหาคม 2554 กัมพูชาตัดสินใจยื่นคำร้องต่อศาลโลกให้ตีความคำพิพากษาปี 2505 ว่า “บริเวณใกล้เคียง” (vicinity) ปราสาทพระวิหารที่ฝ่ายไทยต้องถอนทหารออกไปนั้น มีขอบเขตแค่ไหน นอกจากนี้ กัมพูชายังขอให้ศาลโลกออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ประเทศไทยถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่พิพาท และยุติการกระทำที่เป็นการแทรกแซงสิทธิของกัมพูชาที่จะพัฒนาปราสาทพระวิหาร หรือทำให้ความขัดแย้งเลวร้ายลง

เรื่องนี้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของไทยอีกวาระหนึ่ง เมื่อศาลโลกตัดสินว่าภูเขาพระวิหารทั้งลูกคือบริเวณใกล้เคียงของปราสาท ที่ไทยต้องถอนทหารออกไป (ก่อนหน้านี้ ไทยถือว่าพื้นที่ฝั่งตะวันตกของหน้าผาหรือตัวปราสาท เป็นของไทย)

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าคุณไม่ใช่มหาอำนาจที่สามารถทำตามอำเภอใจได้แล้วล่ะก็ ต่อให้อยากแก้ปัญหาด้วยสงคราม ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะโลกมีกฏหมายระหว่างประเทศให้คู่กรณีของไทยได้ใช้ แน่นอนว่าในขณะนี้ กัมพูชาไม่สามารถลากไทยกลับไปขึ้น ICJ ได้อีก แต่ไทยต้องคำนึงถึงสถานะของตนในเวทีระหว่างประเทศให้มาก ... หลายปีมานี้ วิกฤติการเมืองในไทยทำให้เรากลายเป็นเด็กเจ้าปัญหาในสายตาของโลก รวมทั้งกรณีผู้อพยพอุยกูร์ และการคุกคามดร.พอล แชมเบอร์ด้วย -- ซึ่งกระทบถึงผลประโยชน์ของประชาชนอย่างประเมินค่าไม่ได้

ต่อให้อยากแก้ปัญหาด้วยสงคราม ไทยก็ไม่ควรย่ามใจว่าจะเอาชนะกัมพูชาได้ง่ายๆ เพราะนับตั้งแต่เกิดกรณีปราสาทพระวิหาร กัมพูชาเห็นไทยเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง เขากระชับความร่วมมือด้านการทหารกับจีนมากขึ้น เพื่อเร่งสร้างสมพละกำลังทางทหารมากขึ้น ... ปัญหาคือฝ่ายทหารและความมั่นคงของไทยตามการเปลี่ยนแปลงด้านการทหารของกัมพูชาหรือไม่?
สูญเสียกันไปเท่าไรกับกรณีปราสาทพระวิหาร ทั้งชีวิตชาวบ้าน-ทหาร, เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของคนศรีษะเกษตายสนิทจนถึงปัจจุบัน, ค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี-ค่าจ้างทนายต่างชาติ (เชื่อว่าไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท) ฯลฯ

ยังไม่นับว่าวิกฤติการณ์นี้ที่ทำให้รัฐบาลไม่สามารถโฟกัสกับการแก้ปัญหาภายในได้อย่างเต็มที่

ความขัดแย้งกับกัมพูชาในขณะนี้จึงชี้ว่า คนจำนวนมาก รวมทั้งปัญญาชน ไม่สามารถเรียนรู้อดีตได้เลย เล่นกับไฟชาตินิยมง่ายกว่า เพราะเวลาไฟลามมือ ก็มือของคนอื่น ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น แบบเดียวกับพวกคลั่งชาติในปี 2551-2554


 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ​‘โฆษก ภท.’ปัดข่าว! ‘ภูมิใจไทย-รทสช.’นัดกินข้าว คุย‘ปรับ ครม.’ ​‘โฆษก ภท.’ปัดข่าว! ‘ภูมิใจไทย-รทสช.’นัดกินข้าว คุย‘ปรับ ครม.’
  • ตะเพิด‘อิ๊งค์’ ‘เจิมศักดิ์’จี้เห็นแก่ชาติ ยุติหน้าที่‘ผู้นำประเทศ’ ตะเพิด‘อิ๊งค์’ ‘เจิมศักดิ์’จี้เห็นแก่ชาติ ยุติหน้าที่‘ผู้นำประเทศ’
  • \'พีระพันธุ์\'ไปเอง! \'รทสช.\'นัด\'ภท.\'กินข้าว คาดถก\'ปรับ ครม.\' 'พีระพันธุ์'ไปเอง! 'รทสช.'นัด'ภท.'กินข้าว คาดถก'ปรับ ครม.'
  • ‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ของขึ้น! จวกยับ‘รัฐบาล’หัดเป็นฝ่ายบุก‘เขมร’บ้าง ‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ของขึ้น! จวกยับ‘รัฐบาล’หัดเป็นฝ่ายบุก‘เขมร’บ้าง
  • นักวิชาการ มธ.เตือนผลพวงเลวร้าย‘สงคราม’ ชี้ไม่ใช่แค่เรื่องอารมณ์-ความรู้สึก นักวิชาการ มธ.เตือนผลพวงเลวร้าย‘สงคราม’ ชี้ไม่ใช่แค่เรื่องอารมณ์-ความรู้สึก
  • \'มาริษ\'ลั่น\'การต่างประเทศ-การทหาร\'ต้องเป็นเนื้อเดียวกัน ย้ำใช้กลไกลดการเผชิญหน้า 'มาริษ'ลั่น'การต่างประเทศ-การทหาร'ต้องเป็นเนื้อเดียวกัน ย้ำใช้กลไกลดการเผชิญหน้า
  •  

Breaking News

วงถกเลิกความผิดอาชีพค้าประเวณี สำรวจชี้ยินดีจ่ายตามระบบกฎหมายดีกว่าเงินไปไหนไม่รู้

เจ้าของที่เอือม! คนเร่ร่อนแอบเข้ามาพัก ทิ้งขยะสุมกองโต

น้ำท่วมข้าว! ชาวนาสุโขทัยโอด รถเข้าไฟแนนซ์ทำทุนกลายเป็นหนี้

(คลิป) 'หนุ่ย อำพล'ซัดเดือด! 'เขมร'กลบให้เหมือนเดิมก่อนไอ้หนู จะได้อยู่ร่วมกันแบบสงบ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved