วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
อย่าให้ซ้ำรอย! ไทยกับศาลโลก ICJ เมื่อ‘เขมร’รุกฆาตสวนทางไทยแถลงการณ์กระมิดกระเมี้ยน

อย่าให้ซ้ำรอย! ไทยกับศาลโลก ICJ เมื่อ‘เขมร’รุกฆาตสวนทางไทยแถลงการณ์กระมิดกระเมี้ยน

วันพฤหัสบดี ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 12.02 น.
Tag : คำนูณสิทธิสมาน อุบลราชธานี ช่องบก ทหารไทย ชายแดนไทยกัมพูชา ศาลโลก
  •  

อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย! ‘อดีตสว.’ย้อนรอยมหากาพย์แห่งความเจ็บปวด! ไทยกับศาลโลก ICJ เมื่อ‘เขมร’รุกฆาตสวนทางไทยแถลงการณ์กระมิดกระเมี้ยน

5 มิถุนายน 2568 นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กเผยแพร่บทความเรื่อง “ย้อนรอยมหากาพย์แห่งความเจ็บปวด ประเทศไทยกับศาลโลก ICJ อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย” ภายหลัง “กัมพูชา” เตรียมนำ 4 พื้นที่พิพาทชายแดนไทยขึ้นสู่ศาลโลก โดยไม่เข้าร่วมประชุมเจรจา JBC ระบุว่า...


“เหมือนเอาเท้าเขี่ยแถลงการณ์นั่งพับเพียบของรัฐบาลไทยทิ้งอย่างไม่ไยดี…”

ย้อนรอยมหากาพย์แห่งความเจ็บปวด

ประเทศไทยกับศาลโลก ICJ

อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

____________

สวนทางกับการนั่งพับเพียบกระมิดกระเมี้ยนพูดอ้อม ๆ ให้ต้องตีความและไม่ยอมพูดเรื่องที่ประเทศไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ICJ ให้หนักแน่นชัดเจนในแถลงการณ์ของรัฐบาลเมื่อเช้าวานนี้ 4 มิถุนายน 2568 รัฐบาลกัมพูชาก็ออกแถลงการณ์กล่าวหาอีกครั้งว่าทหารไทยโจมตีทหารกัมพูชาในพื้นที่ของกัมพูชา และจะขอใช้กลไกของศาลโลก ICJ แก้ปัญหา ขอให้รัฐบาลไทยร่วมมือด้วย ตามภาพที่ปรากฏ

แถลงการณ์ของเขาเด็ดขาดมาก บอกว่าจะไม่นำความขัดแย้งใน 4 พื้นที่ทางบก (ช่องบก, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย) มาคุยในเวทีเจรจาทวิภาคี แต่จำนำขึ้นศาลโลก ICJ สถานเดียว

เหมือนเอาเท้าเขี่ยแถลงการณ์นั่งพับเพียบของรัฐบาลไทยทิ้งอย่างไม่ไยดี

ขอบคุณภูมิธรรม เวชยชัยที่ให้สัมภาษณ์ในช่วงบ่าย ๆ เรื่องไทยไม่รับอำนาจศาล ICJ และมติครม. 12 มีนาคม 2567 ที่ผมนำมาตอกย้ำและขยี้อยู่หลายครั้ง แต่ไม่เห็นด้วยที่ท่านบอกทำนองว่าไม่อยากขยายเรื่องนี้มาก

เราต้องร่วมกันขยายให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน

มหากาพย์แห่งความเจ็บปวดระหว่างไทยกับศาลโลก ICJ จำเป็นต้องรื้อฟื้นและขยายครับ

ประเทศไทยไม่เคยรับอำนาจ ICJ ตั้งแต่ศาลก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2488 แต่ถูก ICJ วินิจฉัยในปี 2504 ว่าเราได้รับอำนาจศาลแล้วในปี 2493 โดยจะครบวาระ 10 ปีในวันที่ 20 พฤษภาคม 2503 เป็นเวลา 65 ปีมาแล้ว

ผลการวินิจฉัยในปี 2504 ทำให้ประเทศไทยต้องเข้าสู้คดีปราสาทพระวิหารกับกัมพูชาในศาลเพียง 1 คดี แต่เป็น 2 รอบ ตัดสินในปี 2505 และ 2565 ไม่ชนะทั้ง 2 รอบ

รัฐบาลต้องชี้แจงให้คนไทยเข้าใจร่วมกันว่า ICJ ที่ย่อมาจาก Information Court of Justice หรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือเรียกกันอย่างติดปากว่าศาลโลกนั้นก่อตั้งขึ้นในปี 2488 หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้จะเป็นองค์กรในสังกัดองค์การสหประชาชาติ แต่ไม่เหมือนศาลภายในแต่ละประเทศที่บังคับใช้กับประชาชนในประเทศนั้น ๆ ทุกคนโดยอัตโนมัติ รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ แม้จะเป็นสมาชิกสมาชิกองค์การสหประชาชาติหาอยู่ภายใต้บังคับโดยอัตโนมัติไม่ ต้องพิจารณาแสดงเจตนายอมรับอำนาจศาลอย่างเป็นทางการเสียก่อน ถ้าไม่รับไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ก็ไม่มีข้อผูกพันใด ๆ

การรับอำนาจ ICJ กำหนดให้ประเทศต่าง ๆ แสดงเจตนารับคราวละ 10 ปี

เชื่อไหมว่าประเทศไทยไม่เคยรับอำนาจ ICJ อย่างเป็นทางการเลย

เคยแต่รับอำนาจศาลประจำยุติธรรมระหว่างประเทศ (PCIJ) หรืออาจจะเรียกว่าศาลโลกเก่า ซึ่งเป็นองค์กรในสังกัดองค์การสันนิบาตชาติที่ตั้งขึ้นในปี 2463 หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมแล้ว 3 ครั้ง

- ครั้งที่ 1 ปี 2472 (ค.ศ. 1929)

- ครั้งที่ 2 ปี 2483 (ค.ศ. 1940)

- ครั้งที่ 3 ปี 2493 (ค.ศ. 1950)

แต่มีปัญหาไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ตรงการต่ออายุการรับรองอำนาจศาลครั้งที่ 3 เพราะขณะนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 จบไปแล้ว 5 ปี ไม่มีสันนิบาตชาติอีกแล้ว ไม่มีศาล PCIJ อยู่แล้ว มีแต่องค์การสหประชาชาติและศาล ICJ แต่รัฐบาลไทยกลับส่งหนังสือประกาศยืนยันจากรัฐบาลไทยถึงเลขาธิการสหประชาชาติ “ขอต่ออายุการรับอำนาจศาล PCIJ” เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2493 จึงถูกวินิจฉัยในอีก 11 ปีต่อมาว่านั่นคือการยอมรับอำนาจศาล ICJ แล้ว

กัมพูชาฟ้องไทยในคดีปราสาทพระวิหารเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2502 เหลืออีก 7 เดือนจะครบอายุ 10 ปีของประกาศรับอำนาจศาลเมื่อปี 2493

แม้ประเทศไทยจะต่อสู้คดีเบื้องต้นโดยการตัดฟ้องว่าเราไม่ได้ยอมรับอำนาจศาล ICJ ศาล ICJ จึงไม่มีอำนาจพิจารณา แต่ก็ไม่เป็นผล

ศาล ICJ พิพากษาข้อโต้แย้งเบื้องต้นในปี 2504 ว่าประเทศไทยยอมรับอำนาจศาลแล้วในปี 2493

ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องเดินหน้าต่อสู้คดีต่อไป

และแพ้คดีปราสาทพระวิหารอย่างย่อยยับในปี 2505 ดังที่ทราบกันดี

ไทยต้องขึ้นสู้คดีในศาล ICJ อีกครั้งในปี 2554 - 2556 แต่เป็นคดีเก่าเมื่อปี 2502 - 2505 เป็นคดีที่รัฐคู่ความยื่นขอตีความคำพิพากษาในคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505

จากข้อเท็จจริงที่ประเทศไทยต้องขึ้นต่อสู้คดีในศาล ICJ ทั้ง 2 ครั้ง กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อนทั้งสิ้นนั้น

จึงเชื่อว่ากัมพูชาต้องการใช้ศาล ICJ แก้ปัญหาเขตแดนกับไทยอีกต่อไป

ทุกประการผ่านการวางแผนมา

แม้กรทั่งประเด็นเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย ผมเชื่อว่าการที่กัมพูชาประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปมารุกล้ำอธิปไตยของเกาะกูดเมื่อปี 2515 ก็ผ่านการคิดคำนวณมาอย่างดีแล้วว่าจะพยายามให้จุดสุดท้ายไปจบที่ศาล ICJ และประเทศเขาจะได้เปรียบอีกครั้ง

นี่จึงเป็นเรื่องที่ประเทศไทยต้องมีทีท่าที่หนักแน่นและชัดเจน โดยรัฐบาลไทยต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้

เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

ไม่ว่าเหตุผิดเพี้ยนของรัฐบาลไทยในปี 2493 จะเกิดขึ้นเพราะอะไร รัฐบาลไทยมีเจตนาที่แท้จริงอย่างไรต่ออำนาจศาล ICJ ที่เพิ่งเกิดขึ้นในขณะนั้นไม่นาน มันจบไปแล้ว ผู้รับผิดชอบทุกระดับคงไม่มีใครเหลือมีชีวิตอยู่แล้ว แต่ความจริงแท้แน่นอนคือประเทศไทยไม่ได้รับอำนาจศาล ICJ มาตั้งแต่ปี 2503 คดีปราสาทพระวิหารที่กัมพูชาเริ่มฟ้องในปี 2502 เป็นคดีแรกและคดีสุดท้ายที่เราอยู่ภายใต้อำนาจศาล เป็นคดีประวัติศาสตร์ที่มีถึง 2 ภาคภายในระยะเวลากว่า 60 ปี

มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 12 มีนาคม 2567 ยืนยันจุดยืนของประเทศไทยได้ชัดเจน

คณะรัฐมนตรีลงมติเป็นหลักการเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 ให้แจ้งไปยังทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดว่าในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจัดทำหนังสือสัญญาซึ่งมีข้อบทให้อำนาจศาล ICJ มีเขตอำนาจเหนือข้อพิพาทตามหนังสือสัญญานั้น ให้จัดทำข้อสงวนไม่รับอำนาจของศาล ICJ ไว้ทุกเรื่อง เพื่อมิให้กระทบต่ออำนาจอธิปไตยของชาติ

ย้ำ - เพื่อมิให้กระทบต่ออำนาจอธิปไตยของชาติ !

วันที่ 15 และ 19 มีนาคม 2567 มีการแจ้งมติคณะรัฐมนตรีไปยังทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ

ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อสังเกตเชิงข้อเสนอมาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566

ประเด็นนี้ต้องขอชื่นชมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและรัฐบาลพรรคเพื่อไทยชุดนายเศรษฐา ทวีสิน

ผมคาดการณ์อยู่แล้วว่ากัมพูชาต้องมามุกเดิมยืมมือศาล ICJ อีกแน่ในอนาคต จึงขยายความเรื่องนี้โดยการตั้งกระทู้ถามสดในวุฒิสภา

เป็นการตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรีในที่ประขุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น ได้รับมอบหมายให้มาเป็นผู้มาตอบแทน

ในวันนั้นผมได้ใช้เป็นโอกาสกล่าวเทิดเกียรติท่านอาจารย์ดร.สมปอง สุจริตกุลที่ยืนหยัดปฏิเสธอำนาจศาล ICJ มาโดยตลอดชีวิตท่านด้วย

แม้ดูเหมือนว่าคนไทยจะสบายใจได้ในระดับสำคัญ

ขอแต่เพียงรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลนี้หรือรัฐบาลไหนในอนาคต อย่าได้ยกเลิกหลักการสำคัญยิ่งอันเป็นมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 12 มีนาคม 2567 นี้

อย่าให้ซ้ำรอยความผิดพลาดในอดีตก็แล้วกัน

- ไม่ว่าการออกประกาศต่ออายุการรับอำนาจศาล PCIJ ในปี 2493 ทั้งที่ไม่มีศาล PCIJ อยู่แล้วหลายปี

- หรือใกล้ ๆ หน่อย การที่เคยมีมติครม.ชุดปลายปี 2552 ให้ยกเลิก MOU 2544 และมอบให้กระทรวงการต่างประเทศไปศึกษาวิธีการยกเลิก แต่ศึกษากันยาวนาน 5 ปี จนถึงปลายปี 2557 กลับมีมติคณะรัฐมนตรีอีกชุดหนึ่งให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีชุดปี 2552 ให้กลับมาใช้ MOU 2544 เป็นกรอบการเจรจากับกัมพูชาอีก

อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย !

เพราะมติครม.นั้นเปลี่ยนแปลงได้โดยมติครม.ที่เกิดขึ้นภายหลัง นโยบายในแต่ละยุคแต่ละรัฐบาลอาจต่างกันได้ รัฐบาลเพื่อไทยยุคนายกฯแพทองธาร ชินวัตรอาจเห็นต่างจากรัฐบาลเพื่อไทยยุคนายกฯเศรษฐา ทวีสิน

ผมจึงเสนอให้นายกฯแพทองธาร ชินวัตรแสดงท่าทีให้ชัด ออกมาพูดชี้แจงกับคนไทย และตอบพ่อลูกตระกูลฮุน

คำนูณ สิทธิสมาน

5 มิถุนายน 2568

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ตะเพิด‘อิ๊งค์’ ‘เจิมศักดิ์’จี้เห็นแก่ชาติ ยุติหน้าที่‘ผู้นำประเทศ’ ตะเพิด‘อิ๊งค์’ ‘เจิมศักดิ์’จี้เห็นแก่ชาติ ยุติหน้าที่‘ผู้นำประเทศ’
  • ‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ของขึ้น! จวกยับ‘รัฐบาล’หัดเป็นฝ่ายบุก‘เขมร’บ้าง ‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ของขึ้น! จวกยับ‘รัฐบาล’หัดเป็นฝ่ายบุก‘เขมร’บ้าง
  • นักวิชาการ มธ.เตือนผลพวงเลวร้าย‘สงคราม’ ชี้ไม่ใช่แค่เรื่องอารมณ์-ความรู้สึก นักวิชาการ มธ.เตือนผลพวงเลวร้าย‘สงคราม’ ชี้ไม่ใช่แค่เรื่องอารมณ์-ความรู้สึก
  • รทสช.ปลุกพลัง ปชช. ติดแฮชแท็ก\'ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด\' รทสช.ปลุกพลัง ปชช. ติดแฮชแท็ก'ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด'
  • \'มาริษ\'ลั่น\'การต่างประเทศ-การทหาร\'ต้องเป็นเนื้อเดียวกัน ย้ำใช้กลไกลดการเผชิญหน้า 'มาริษ'ลั่น'การต่างประเทศ-การทหาร'ต้องเป็นเนื้อเดียวกัน ย้ำใช้กลไกลดการเผชิญหน้า
  • อดทนอดกลั้น! \'บิ๊กป้อม\'ขอกำลังพล ยึดผลประโยชน์ชาติ-ประชาชน อดทนอดกลั้น! 'บิ๊กป้อม'ขอกำลังพล ยึดผลประโยชน์ชาติ-ประชาชน
  •  

Breaking News

แฝงค้ากาม!!! 'CIB'บุกจับร้านโอเกะกลางเมืองชลบุรี

วงถกเลิกความผิดอาชีพค้าประเวณี สำรวจชี้ยินดีจ่ายตามระบบกฎหมายดีกว่าเงินไปไหนไม่รู้

เจ้าของที่เอือม! คนเร่ร่อนแอบเข้ามาพัก ทิ้งขยะสุมกองโต

น้ำท่วมข้าว! ชาวนาสุโขทัยโอด รถเข้าไฟแนนซ์ทำทุนกลายเป็นหนี้

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved