"กมธ.มั่นคงแห่งรัฐฯ"เชิญหน่วยงานแจงแก้ปัญหา"สารพิษแม่น้ำกก" พร้อมทำฝายคอกหมูดักตะกอนจับสารหนู พ.ย.นี้ รอน้ำลดรุนแรง คาดสร้างเสร็จใน 3 เดือน ใช้งบทำฝาย-บำบัดสาร 837 ล้านบาท ยันโปร่งใส ตรวจสอบได้ รับยังไม่มีแผนการทิ้งกากดักจับตะกอน รอถก"กรมป่าไม้-อุทยานฯ"หาที่ฝังกลบ "ฝ่ายความมั่นคง"รอเมียนมาเคาะวันเจรจารัฐต่อรัฐ คาด"ประเสริฐ"นำทีมเจรจาภายใน มิ.ย.นี้ "กต."วอนสื่อเลี่ยงใช้คำกระทบสัมพันธ์ "จีนเทา-ตึกจีนถล่ม-เหมืองจีน"
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแหงรัฐ กินการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ที่มี นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธาน กมธ.ฯ พิจารณา กรณีการพบสารปนเปื้อน ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูล ต่อกรรมาธิการฯ โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง
นายประเสริฐ ศิรินภาพร รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานว่า มีการแต่งตั้งอนุคณะกรรมการ ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน มี รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ รมช.มหาดไทย เป็นรองอนุกรรมการ ช่วยแก้ปัญหาแม่น้ำกก ประชุมมาแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งผลประชุมคือมลพิษข้ามพรหมแดนจากเมียนมามีการแก้ปัหาต้นทางเจรจาร้ฐต่อรัฐ โดยนายประเสริฐ เป็นผู้นำคณะเจรจาไปเจรจา มีเจรจา 2 ระดับ คือ รัฐต่อรัฐ กับระดับพื้นที่ตามที่กองกิจการชายแดนทหารเป็นผู้รับผิดชอบ มีหลายมาตการผลายทาง ตรวจคุณภาพน้ำ สัตว์น้ำ ระดับสารพิษ ในร่างกายประชาชนต่อเนื่อง และชี้แจงแนวทางปฏิบัติ ตั้ง CCTV เฝ้าระวังคุณภาพน้ำ พร้อมกันนี้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้ามีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้าศูนย์ ประสานงานจังหวัดและส่วนกลาง และตั้งคณะทำงานประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ เน้นเจรจากับเมียนมา มีรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน
"ส่วนมาตรการเชิงรุกมีความเห็นว่าต้องสร้างฝายดักตะกอน เพราะสารหนู เมื่อความเร็วน้ำลดลง จะมีการตกตะกอนที่ฝายน้ำจังหวัดเชียงรายที่เราสังเกตุเห็น จึงมีแนวคิดว่าต้องทำฝายดักตะกอน เพื่อลดความรุนแรงของสารหนู ซึ่งเป็นมาตรการหลัก และมีการเตรียมแหล่งน้ำดิบอื่น เพื่อทดแทนการใช้น้ำจากแม่น้ำกกในอนาคต ปัจจุบันปะปาส่วนภูมิภาค สามารถบำบัดสารหนูได้อยู่ หากในอนาคตรุนแรงขึ้นต้องหาแหล่งน้ำดิบอื่น" รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ มีการจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ 3 จุด ใน จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ ซึ่งอาจมีสถานการณ์รุนแรง จะจัดการแถลงข่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทันที และจะทำฝายชั่วคราวดักตะกอนที่บริเวณต้นทางที่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ดักจับในพื้นที่ก่อนที่จะเข้าตัวเมือง โดยจะสร้างเสร็จภายใน 3 เดือน ซึ่งเคยใช้แก้ปัญหาที่คลิตี้สำเร็จมาแล้ว โดยกรมทรัพยากรน้ำ และเน้นเจรจากับเมียนมา พร้อมเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ และทำให้น้ำมีความลึกให้สารตกตะกอนท้องน้ำ ราคาทำฝายใช้งบประมาณสูงนิดหนึ่ง ระยะยาววางเรื่องฝายขั้นบันได้ด้วย
ส่วน นายพงศ์พันธุ์ กาญจนการุณ ผู้ทรงคุณวุฒิลุ่มน้ำกก กล่าวว่า หากทำฝ่ายถาวรจะต้องเป็นฝ่ายลักษณะกล่องหินเรียง หากขัดต่อกฎหมายกรมเจ้าท่า ต้องใช้กฎหมายกรมทรัพยากรน้ำในการสร้างฝาย และจากการตรวจสอบตะกอนทรายพบปริมาณสารหนูน้อย แนะควรมีฝากตะกอนทรายดักก่อน จากนั้นเป็นแอ่งใหญ่ให้เกิดตะกอนดินเป็นอ่างดักรวม เสนอให้มีฝายต้นทางเพิ่ม 1 จุด ส่วนรูปแบบฝายชั่วคราว เสนอทำฝายคอกหมู ทำได้เร็วใช้งบประมาณไม่มาก ใส่วัสดุไม้ ขณะที่การบำบัดสาร เช่น 1.ใส่ปูนขาว 2.กลบฝังหาพื้นที่ 3.ใช้พืชน้ำบำบัด
ขณะที่ นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการฯ สอบถามประเด็นค่าทำฝาย 538 ล้านบาท และค่าบำบัด 338 ล้านบาทต่อปี และการบำบัดสารหนู การจัดการตะกอน โดยทางกรมทรัพยากรน้ำนายประเสริฐชี้แจงประสิทธิภาพฝายชั่วคราวที่จะสร้างสามาระดักจับตะกอนได้เต็มที่ เป็นโครงสร้างแบบเครเบียน ซึ่งค่าทำฝายเมตรละ 7 แสนบาท มั่นใจว่ามีความมั่นคงแข็งแรง แต่แม่น้ำกกไหลแรงมาก หากต้องเสียงบประมาณแล้วต้องมั่นใจว่าจะแข็งแรงเพื่อให้ประสิทธิภาพดักจับได้ผล ส่วนงบฯ ทำฝายอาศัยกฎหมายใช้งบกลาง การก่อสร้างทำได้เริ่มเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยใช้เวลาประมาณ 3 เดือน
นายชุติพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนค่าก่อสร้างจะต้องลงพื้นที่สำรวจ ราคาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมบัญชีกลางกำหนดยืนยันว่า ทุกอย่างจะดำเนินการอย่างโปร่งใส และชี้แจงสาเหตุที่ไม่ได้ทำในช่วงน้ำเยอะได้เพราะระดับน้ำเชี่ยว น้ำหลากยากที่จะก่อสร้างเสี่ยงฝายพังสูญเปล่า สำหรับการทิ้งตะกอนที่ดักจับสารหนู หรือจุดทิ้งดิน ยังไม่มีข้อมูลซึ่งจะต้องมีการประชุมระหว่างหน่วยงานภายใน คือระหว่างกรมป่า กรมอุทยานที่มีป่า กับประชาชนในพื้นที่ ต้องหาฉันทามติร่วมกันว่าจะเลือกจุดไหนและเป็นจุดที่ไม่กระทบต่อประชาชน ยังอยู่ระหว่างการวางแผนดำเนินการ
รศ.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถามถึงแนวทางแก้ปัญหาระยะยาวเรื่องต่างประเทศ นโยบายใช้กฎหมายระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาระยะยาว เพราะมีข้อตกลงที่สามารถทำได้ในการร้องเรียนอาเซียนและสหประชาชาติกรณีเมียนมา - จีน ไม่รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นอันเกี่ยวข้อง โดย นายคมกฤช จองบุญวัฒนา ผอ.กองเอเชียตะวันออก 2 กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า มีการประสานงานเมียนมากับจีนในการแก้ไขปัญหานี้ทีีในต้นทาง ปัจจุบันทั้งสองประเทศรับทราบปัญหา และแสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยในการแก้ไข ซึ่งรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของจีน ได้ในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนสัปดาห์ที่ผ่านมาแสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยในเรื่องนี้
รศ.พวงทอง กล่าวต่อว่า ขั้นตอนต่อไป กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการประสานงานให้นายประเสริฐ ได้หารือเรื่องนี้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเมียนมา อยู่ระหว่างการรอกำหนดวัน คาดว่าภายในเดือนนี้ ส่วนจีนได้ขอข้อมูลเพิ่มเติม เช่น รายชื่อบริษัทที่ไทยยังสงสัยว่าเค้าลงทุนทำเหมืองในเมียนมา ซึ่งไทยได้ส่งรายชื่อจากที่มีให้จีนแล้ว ให้ตรวจสอบและพูดคุยหรือบังคับใช้กฎหมายที่สามารถทำได้เพื่อทำให้บริษัทเหล่านั้นประกอบกิจการด้วยความรับผิดชอบมากขึ้น ส่วนการพูดคุยกับเมียนมาคือการเตรียมพูดคุย คิดว่าสิ่งที่น่าจะทำให้มีความคืบหน้าได้คือการลงพื้นที่สำรวจร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้ง2ฝ่าย เบื้องต้นเมียนมาร์ตอบรับก็เห็นว่าเป็นแนวทางที่เป็นไปไปได้
"ส่วนเรื่องการใช้กฎหมายระหว่างประเทศในการจัดการเรื่องนี้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งหลักกฏหมายระหว่างประเทศมีหลักการป้องกัน ระบุไว้ว่ารัฐจะต้องออกมาตรการที่จะป้องกันไม่ให้กิจกรรมใดที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของรัฐเกิดความเสียหายต่อรัฐอื่น กลไกการบังคับใช้เรื่องนี้ต้องไปศาล หรืออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ เพื่อให้มีคำตัดสินเรื่องนี้ เหมือนเราอยู่ในประเทศเรามีข้อพิพาทใดถ้ามีอะไร พูดคุยร่วมมือแก้ไขปัญหากันได้ไม่ต้องขึ้นศาลก็จะดีเป็นทางแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพที่สุด ในชั้นนี้ทั้ง 2 ประเทศ เมียนมาและจีนแสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกับไทย ในชั้นนี้คิดว่าเราทางนี้น่าจะแนวทางที่จะเดินไปก่อน" นายคมกฤช กล่าว
พล.ต.ปริทัศน์ ตรีกาลนนท์ รองเจ้ากรมข่าวทหารบก ชี้แจงบทบาทกองทัพบก หลังจากที่ได้ข้อมูลในพื้นที่ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2568 เข้าใจว่าต้นทางอยู่ในพื้นที่ของว้า ซึ่งเป็นกองกำลังชาติพันธ์ที่มีความพร้อมด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในว้าใต้ พื้นที่ติดชายแดนไทย ซึ่งในพื้นที่รายได้หลักคือยาเสพติด และเหมือง นั้นได้ข้อมูลมาจากภาพถ่ายดาวเทียมJisda มีการทำเหมือง แต่เมื่อพิสูจน์ทราบเชิงลึกว่าเป็นเมืองอะไร ข่าวคือเหมืองทองคำ แต่มีข้อมูลเหมืองแรร์เอิร์ธด้วย กองทัพบกจะร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงในการใช้ข่าวกรองบุคคลเข้าไปตรวจสอบ จนได้ชื่อบริษัทส่งให้ กต.และแจ้ง TBC 3 ครั้ง และ RBC รับทราบ
"แต่ยังมีกองกำลังว้าที่จะต้องมีกระบวนการ เพราะการจะพูดคุยกับกองกำลังว้านั้น แตกต่างจากกองกำลังด้านตะวันตก แต่ของว้าเป็นเรื่องยาเสพติดและฐานปฏิบัติการที่เคยมีปัญหา จะต้องใช้การพูดคุยปิดลับ คิดว่าว้าในพื้นที่ซึ่งมีชนกลุ่มน้อยอื่นอยู่ ไทยใหญ่ ชาติพันธุ์อื่นอยู่ จะต้องให้ความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ทั้งหมด เป็นตัวอย่างอย่างหนึ่ง" พล.ต.ปริทัศน์ กล่าว
รองเจ้ากรมข่าวทหารบก กล่าวต่อว่า ส่วนการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคหรือ RBC ครั้งที่ 37 ไทยจะเป็นเจ้าภาพโดยจัดวันที่ 2 - 4 ก.ค.นี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจากข้อบันทึกการประชุมครั้งก่อนไทยและเมียนมามีข้อกังวลเรื่องการปล่อยน้ำเสีย และมลพิษลงแม่น้ำซึ่งเป็นเขตแดน และจากการประชุมของ กต.มีข้อห่วงใย เรื่องการสื่อสารโดยเฉพาะกรณีใช้คำว่า "จีนเทา , ตึกจีนถล่ม , เหมืองจีน" หากใช้สันติวิธีในการเจรจาจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะว่าว้ามีกองกำลังที่ทันสมัย มีประชากร 500,000 ตน และมีกองกำลัง 30,000 คน
นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกลไกในการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเป็นไปตามที่กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพบก และชี้แจง ซึ่งใช้เป็นกลไกหลัก แต่ประเด็นสำคัญในตัวละครเรื่องนี้ คือกลุ่มว้า ต้องยอมรับว่าเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีความสำคัญและอิทธิพลในพื้นที่สูง สมช.เห็นความสำคัญนโยบายความมั่นคงของไทยต่อประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเมียนมามีแนวทางต่อเนื่องยาวนานที่ต้องมีการทบทวนในนโยบายจะต้องพิจารณาถึงแนวทางปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยในบางเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อไทย สมช.อยู่ระหว่างการจัดทำแนวทางเกี่ยวกับท่าทีของไทย โดยจะต้องมีการดำเนินการในทางเปิดและทางลับ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี