สหรัฐไฟเขียว

ให้ไทยเจรจากำแพงภาษี

ทูตวอชิงตันแจ้ง‘มาริษ’

รอเคาะวันเป็นทางการ

เตรียม‘ขุนคลัง’นำทีม

ถก3หน่วยงานของมะกัน

“มาริษ”รมว.การต่างประเทศ เผยสหรัฐฯพร้อมเจรจาภาษีกับไทยแล้ว รอเคาะวันเจรจาอย่างเป็นทางการ ส่ง “พิชัย” หัวหอก คุย 3 หน่วยงานของมะกัน

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเจรจาภาษีการค้าสหรัฐอเมริกา ว่า ก่อนหน้านี้ตนเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) ที่ฝรั่งเศส และได้พบกับผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งผู้แทนการค้าของสหรัฐฯได้แสดงความพร้อมที่จะเจรจากับประเทศไทย หลังจากนั้นตนได้ประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน และสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องขอบคุณทั้งสองสถานทูตที่ได้ประสานงานกันอย่างใกล้ชิด และเมื่อคืนวันที่ 5 มิ.ย.ได้รับรายงานด่วนจาก เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ว่ารัฐบาลสหรัฐฯได้แจ้งว่า มีความพร้อมที่จะเจรจากับประเทศไทย โดยขอให้มีการนัดหมายโดยเร็วระหว่างผู้แทนของประเทศไทยกับสหรัฐฯ โดยผู้แทนฝ่ายไทยคือ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง

นายมาริษ กล่าวอีกว่า ขณะนี้นายกฯได้สั่งการให้ตนเร่งประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน และสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้มีการสั่งการให้นัดหมายโดยเร็ว เพื่อให้นายพิชัยไปพบกับหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบเรื่องการเจรจาภาษีการค้าของสหรัฐฯ ทั้งสามหน่วยงาน ประกอบด้วย ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งสามหน่วยงานดังกล่าวเป็นหน่วยงานที่รัฐบาลสหรัฐฯกำหนดมาแล้วว่า ต้องทำหน้าที่เจรจาภาษีกับทุกประเทศ โดยไทยพยายามที่จะเข้าถึงทุกหน่วยงาน เพื่อยืนยันข้อเสนอที่นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้พูดที่ซาอุดิอาระเบียว่า ข้อเสนอของไทยเป็นที่น่าสนใจ ดังนั้น ขณะนี้ทั้งสองสถานทูตกำลังดำเนินการนัดหมายวันเจรจาต่อไป ทั้งนี้ หากนัดหน่วยงานไหนได้ก่อนก็จะคุยกับหน่วยงานนั้นก่อนให้เกิดความรวดเร็ว

เมื่อถามว่า ทางสหรัฐฯได้กำหนดกรอบกว้างๆ มาหรือไม่ว่า จะเจรจาวันใด นายมาริษ ระบุว่า ยังไม่ได้มีการพูดถึงขนาดนั้น ซึ่งการพูดคุยต้องพูดคุยหลายหน่วยงาน ฉะนั้น ต้องดูอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีหลายประเทศที่ต้องการเจรจากับสหรัฐฯจำนวนมาก โดยตอนนี้สหรัฐฯมีความพร้อมที่จะเจรจากับประเทศไทย