วันอาทิตย์ ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ผบ.ทบ.งัดมาตรการตอบโต้เขมรรุกล้ำไทย ปิดด่านสั่งสอน! เน้นยุทธวิธีเบาไปหาหนัก

ผบ.ทบ.งัดมาตรการตอบโต้เขมรรุกล้ำไทย ปิดด่านสั่งสอน! เน้นยุทธวิธีเบาไปหาหนัก

วันอาทิตย์ ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : ควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดน คำสั่งกองทัพบก ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ตอบโต้เขมรรุกล้ำไทย แนงหน้าออนไลน์
  •  

ผบ.ทบ.งัดมาตรการตอบโต้เขมรรุกล้ำไทย
ปิดด่านสงสอน!
เน้นยุทธวิธีเบาไปหาหนัก
ประเดิมจันทบุรี-สระแก้ว
ห้ามนักท่องเที่ยวเข้า-ออก
ไฟเขียวกองทัพเสริมกำลัง

ผบ.ทบ. สั่งยกระดับตอบโต้กัมพูชา ชี้รุกล้ำอธิปไตย ให้อำนาจปิดด่านชายแดน ส่วนที่จันทบุรีเริ่มใช้กฎอัยการศึก ระงับนักท่องเที่ยว เข้าจุดผ่านแดนโป่งน้ำร้อน-คลองใหญ่ กองทัพบกแจง มาตรการ เปิด-ปิดด่านไทย–กัมพูชา จากเบาไปหาหนัก หากชายแดนวิกฤต-ถูกรุกราน ปิดตลอดแนว “ภูมิธรรม” ฮึดสู้สั่งเติมกำลังรบ

เมื่อเวลา 11.39 น. วันที่ 7 มิถุนายน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ลงนามในคำสั่งกองทัพบก ที่ 806/2568 เรื่อง ควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาโดยที่ปรากฏว่าในห้วงเวลาที่ผ่านมาได้เกิดความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยพลเรือน และกําลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ข้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง และแสดงท่าทีที่พยายามให้เกิดความเข้าใจว่าพื้นที่ตนรุกล้ำเข้ามานั้นเป็นของกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงเคารพธงชาติ การติดอาวุธเข้ามาในพื้นที่ ทั้งที่ชัดเจนว่าดินแดนที่รุกล้ำเข้ามานั้นเป็นของราชอาณาจักรไทยโดยสมบูรณ์


ใช้หลักสันติวิธีแต่เขมรไม่ฟัง

ซึ่งกองทัพบกได้สั่งการให้กําลังพลเข้าระงับเหตุโดยการเจรจาชี้แจงเหตุผลให้ทราบและผลักดันให้ บุคคลดังกล่าวออกไปเสียให้พ้นจากราชอาณาจักรไทยตามหลักสันติวิธีและด้วยความอดทน อดกลั้นต่อการยั่วยุของฝ่ายตรงข้าม แต่พลเรือนและกําลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชาก็ยังพยายามที่ จะรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรและแสดงท่าทียั่วยุโดยไม่หยุดยั้งและอย่างเปิดเผย เกิดความตึงเครียดขึ้นตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และต่อประชาชนของทั้งสองประเทศที่มี ความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน

จนกระทั่งมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพบกต้องใช้มาตรการเข้มข้น ในการผลักดันผู้รุกรานให้พ้นไปเสียจากราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะที่บริเวณช่องบก อําเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งถือเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ผลประโยชน์ของชาติ และบูรณภาพแห่ง ดินแดนที่ไม่อาจยอมรับได้

ยอมรับไม่ได้เหตุอีกฝ่ายมุ่งใช้กำลัง

แม้รัฐบาลไทยและกองทัพบกจะได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะระงับยับยังความตึงเครียดตามแนวชายแดนโดยใช้กลไกที่มีตามที่ตกลงกันไว้กับกัมพชา แต่ความ พยายามดังกล่าวกลับไม่ได้รับการตอบสนองในเชิงบวกจากฝ่ายกัมพูชา ทั้งยังปรากฏด้วยว่า กัมพูชาได้เสริม กําลังพลและอาวุธและยุโธปกรณ์เข้ามาประชิดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อีกเป็นจํานวนมาก มีการจัดทําที่มั่นสําหรับวางกําลังทางทหาร อันแสดงให้เห็นถึงความไม่ร่วมมือกับประเทศไทย ที่มุ่งหมายจะระงับความตึงเครียดดังกล่าวโดยสันติ และเป็นพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้อง บนสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงวันที่ 24กุมภาพันธ์ 2519 (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia, 24 February 1976)

อันความตึงเครียด และการเสริมกําลังพลและอาวุธยุทธโธปกรณ์แสดงให้เห็นความตั้งใจอย่างชัดเจนที่ จะใช้กำลังเช่นนี้ ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้และเป็นภัยคุกคามอย่างยิ่งต่อธิปไตย และ ความมั่นคงของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย และกระทบต่อความเป็นอยู่โดยปกติสุข ของพี่น้องชาวไทยและกัมพูชาที่อยู่อาศัยร่วมกันอย่างสันติตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มาช้านาน

ทบ.รับมอบหมายเปิด-ปิดจุดผ่านแดน

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังคงยึดมั่นหลักการอยู่ด้วยกันอย่างสันติ และแสวงหาหนทางระงับยับยั้งความตึงเครียดด้วยการเจรจากันด้วยเหตุผล ภายใต้หลักการที่ต้องดูแลพี่น้อง ประชาชนชาวไทยและกัมพูชา ไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนเกินสมควรจากความตึงเครียดนั้น

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น สภาความมั่นคงแห่งชาติ ในการประชุมเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 จึงได้มอบหมายให้กองทัพบกดําเนินการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนว ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ กับมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามที่กองทัพบกกําหนดโดยเคร่งครัด เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปตามที่ได้รับมอบหมายจากสภาความมั่นคงแห่งชาติดังกล่าว

พิจารณาได้ตามความเหมาะสม

กองทัพบกจึงกําหนดมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ดังต่อไปนี้ กองทัพภาคที่ 1 โดยผู้บัญชาการกองกําลังบูรพา และกองทัพภาคที่ 2 โดยผู้บัญชาการกองกําลังสุรนารี มีอำนาจกําหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขหรือ เงื่อนเวลาที่จําเป็นและเหมาะสมในการผ่านแดนบริเวณจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ในส่วนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยคํานึงถึงความจําเป็นในการทํามาค้าขายและความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว

ทั้งนี้ หากมีความจําเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย และการรักษาความปลอดภัยใน ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย ให้มีอำนาจกําหนดให้เปิดหรือปิดจุดผ่านแดนแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือทุกแห่งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ภายใต้เงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาใด ตามที่เหมาะสมก็ได้

จันทบุรีสั่งปิด2ด่านผ่านแดน

มีรายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร

เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์ อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความ ไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ยังคงปฏิบัติหน้าที่ ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการตามที่เคยปฏิบัติมา และขอให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี ระงับนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางผ่านออกไปยังประเทศกัมพูชา และระงับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา เดินผ่านเข้ามายังประเทศไทย ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ตำบลเทพนิมิต อำเภอโป่งน้ำร้อน และจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ตำบลคลองใหญ่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดจันทบุรี เป็นการชั่วคราว (ยกเว้นแรงงานชาวกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยให้การค้าขายระหว่างประเทศเป็นไปตามปกติ) ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป จนกว่า จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ทบ.แจงใช้เน้นเบาไปหาหนัก

จากกรณีที่กองทัพบกได้ออกคำสั่งให้มีการควบคุมจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อรักษาอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงของชาติ

พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวมิได้เป็นการใช้มาตรการสูงสุดในทันที แต่เป็นแนวทางปฏิบัติแบบเป็นขั้นตอน โดยพิจารณาจากระดับความรุนแรงของสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ เน้นจากเบาไปหาหนักตามความเหมาะสม โดยแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้ ขั้นที่ 1 จำกัดการผ่านแดนเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย การขนส่งสินค้า แรงงาน และงานจำเป็นอื่น ๆ โดยเพิ่มระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นักพนัน หรือกลุ่มที่อาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย ขั้นที่ 2 ปรับลดช่วงเวลาในการเปิด–ปิดจุดผ่านแดน พร้อมทั้งกำหนดวัน–เวลาการเข้า–ออกอย่างชัดเจน เพื่อควบคุมความเคลื่อนไหวของบุคคลและกิจกรรมในพื้นที่ชายแดน ขั้นที่ 3 ปิดจุดผ่านแดนบางจุด (Selective Closure) โดยพิจารณาจากจุดที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีข้อมูลด้านความมั่นคงที่อาจนำไปสู่การรุกล้ำ หรือการก่อเหตุจากฝ่ายตรงข้าม ขั้นที่ 4 ปิดจุดผ่านแดนตลอดแนวชายแดนในกรณีที่เกิดสถานการณ์วิกฤต หรือมีการรุกรานอย่างชัดเจน เพื่อควบคุมสถานการณ์ในระดับสูงสุด

คำนึงถึงผลกระทบ ปชช.เป็นหลัก

โฆษกกองทัพบกย้ำว่า มาตรการดังกล่าวได้มอบอำนาจให้ กองกำลังบูรพา และ กองกำลังสุรนารี เป็นผู้พิจารณากำหนดรายละเอียด หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการปฏิบัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน และความปลอดภัยของประชาชน

สำหรับประชาชนทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความมั่นคง เช่น นักศึกษาที่เดินทางไปเรียน ผู้ป่วย ฯลฯ อยู่ในข้อยกเว้นตามประกาศนี้ ซึ่งทางกองกำลังป้องกันชายแดนจะร่วมกับฝ่ายปกครองในพื้นที่ พิจารณาให้สามารถเดินทางผ่านช่องทางได้

กองทัพบกขอให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนมั่นใจว่า การดำเนินการใด ๆ จะคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนอย่างรอบคอบ และจะปรับมาตรการให้เหมาะสมตามพัฒนาการของสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

นร.ตชด.ซักซ้อมแผนหลบภัย

พ.ต.อ.ปาริชาติ บรรจงปรุ ผกก.ตชด.12(กองกำกับการตำรวจตะเวณชายแดนที่12) อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้เดินทางไปตรวจความพร้อม การซักซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉิน ด้านความปลอดภัยของโรงเรียนตำรวจตะเวณชายแดน ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สระแก้ว ที่โรงเรียน ตชด.บ้านเขาสารภี ต.ทับพริก อ.คลองหาด จ.สระแก้ว และ โรงเรียน ตชด.ประชารัฐบำรุง1 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ซึ่ง พ.ต.อ.ปาริชาติ เผยว่าได้เดินทางมาตรวจความพร้อมของหลุมหลบภัย หากเกิดกรณี ฉุกเฉิน ทั้งสองโรงเรียนซึ่งเป็นโรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดนที่อยู่ติดแนวชายแดนกัมพูชา โดยมอบหมายให้ครูใหญ่และครู ผู้สอน ของ รร.ตชด.ในสังกัด กก.ตชด.12 ที่มีพื้นที่เสี่ยงภัยและอาจได้รับผลกระทบจากการสู้รบระหว่างไทย -กัมพูชา ให้ทำการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ และซ้อมแผนการอพยพนักเรียน รร.ตชด. โดยซักซ้อมให้นักเรียนอพยพเข้าหลุมหลบภัยและเข้าบังเกอร์ทั้งที่มีภายในโรงเรียนและนอกโรงเรียน โดยเน้นทักษะให้นักเรียนสามารถอพยพได้อย่างเป็นระบบ ลดความตื่นตระหนก และเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือสถานการณ์ความไม่สงบและภัยคุกคามหากเกิดสถานการณ์จริงขึ้นซึ่งผลจากการซักซ้อมนักเรียนและคณะครูเข้าใจในแผนเผชิญเหตุครั้งนี้ ได้เป็นอย่างดี

กัมพูชาโวยไทยใช้มาตรการปิดด่าน

ด้าน นสพ.The Phnom Penh Post รายงานข่าว Thais closing borders, claim ‘all efforts exhausted อ้างการเปิดเผยของ Kim Sovanna หัวหน้าสถานกงสุลใหญ่กัมพูชาในจังหวัดสระแก้ว ว่า สถานกงสุลได้รับแจ้งจากกองทัพไทยเกี่ยวกับการปิดด่านตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป โดยจุดตรวจและทางเดินชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ใน จ.สระแก้ว จะถูกปิดชั่วคราว (โดยฝ่ายเดียว) เพื่อรอการเจรจาเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา โดย จ.สระแก้ว ของไทย มีพรมแดนติดกับจังหวัดบันเตียเมียนเจยและพระตะบองของกัมพูชา นอกจากนั้น จุดตรวจชายแดนและทางเดินในจังหวัดอื่นๆ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาจะถูกปิดเช่นกัน

“เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่กัมพูชาปฏิเสธที่จะเจรจาใน 4 ประเด็น ได้แก่ พื้นที่ตาเมือนตอช ตาเมือนธม ตากระเป่ย และมุมเบ่ย ในระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย. 2568 กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยแก้ไขปัญหานี้ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)” Sovanna กล่าว

ยันเอาเรื่องพิพาทให้ศาลโลกตัดสิน

รายงานของสื่อกัมพูชา ยังกล่าวด้วยว่า ไทยเรียกร้องให้กองกำลังของทั้ง 2 ฝ่ายกลับสู่ตำแหน่งเดิมในปี 2567 แต่กัมพูชายืนยันพื้นที่ที่เกิดการยิงกันสั้นๆ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 เป็นดินแดนของกัมพูชาและกองกำลังของกัมพูชาได้ประจำการอยู่ที่นั่นมานานแล้ว ขณะที่ในวันที่ 6 มิ.ย. 2568 ฮุน มาเนต (Hun Manet) นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชาจะนำประเด็นที่โต้แย้งทั้ง 4 ประเด็นไปเสนอต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และจะใช้กลไกบันทึกความเข้าใจสำหรับการกำหนดขอบเขตอื่นๆ ทั้งหมดต่อไป

ล่าสุดในช่วงเช้าของวันเดียวกัน นายกฯ กัมพูชา ระหว่างแถลงข่าวที่ จ.รัตนคีรี ได้กล่าวถึงข้อพิพาทระหว่างกัมพูชากับไทย ว่า ไม่ว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะตัดสินใจอย่างไร กัมพูชาจะยอมรับและตกลงที่จะยุติเรื่องนี้ และเรานำเรื่องนี้ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไม่ใช่เพื่อยุยงให้เกิดสงคราม แต่เพื่อแก้ไขและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศหยุดการยกระดับสถานการณ์และทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง

“ภูมิธรรม”แถลงการณ์ปกป้องอธิปไตย

ช่วงเช้าวันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อเวลา 07.00 น. โดยเล่าถึงการหารือกับรองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมของกัมพูชา ว่า เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ได้หารือเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน ณ พื้นที่อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ภายหลังจากการหารือ มีข้อมูลบางประการที่เผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนจากเนื้อหา ที่ได้หารือกันในที่ประชุม เป็นที่น่าเสียดายที่ข้อเสนอที่ดี ซึ่งจะนำไปสู่การลดการเผชิญหน้าและสันติภาพถูกปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้น กลับมีการเพิ่มกำลังทางการทหารที่ยิ่งเพิ่มความตึงเครียด ทั้งนี้ ทางเราเองจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการและเสริมกำลังด้วยเช่นเดียวกัน

นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ผมขอเน้นย้ำจุดยืน ตามที่ได้หารือกับท่านนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1. ไทยจะไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตย ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดทั้งสิ้น และพร้อมปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างสุดกำลัง 2. ผมขอยืนยันสนับสนุนกองทัพให้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลัง และให้กำลังใจแก่กำลังพลทุกนาย ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย ขอย้ำว่า ทุกการดำเนินการของฝ่ายไทยจะคำนึงถึง ชีวิต ความปลอดภัย ความสงบสุขของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดน และกำลังพลที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละที่เป็นสำคัญ

ย้ำไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก

3. รัฐบาลไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice: ICJ) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และยืนยันการใช้กระบวนการเจรจาแบบทวิภาคีตาม MOU 2543 ซึ่งทั้งสองฝ่ายเคยเห็นพ้องร่วมกัน และยืนยันให้การประชุม JBC เป็นเวทีเพื่อหาทางออกโดยสันติวิธีอย่างเร็วที่สุด

4. ไทยเน้นย้ำจุดยืนเดิม ที่ขอให้มีการปรับกำลังในพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายให้กลับสู่ที่ตั้งเดิมตามการปฏิบัติ ในปี พ.ศ. 2567 เพื่อลดเงื่อนไขการยกระดับความตึงเครียดและการเผชิญหน้า

สุดท้ายนี้ ผมขอยืนยันอย่างชัดเจนว่า ผมไม่เคยเห็นด้วยกับการกระทำของใครก็ตามที่รุกล้ำอธิปไตยของไทย โดยรัฐบาลและกองทัพพร้อมจะปกป้องและรักษาอธิปไตยของประเทศอย่างถึงที่สุด

นาวิกโยธินพร้อมรบ

เช้าวันเดียวกัน พลเรือตรี ขวัญชัย ขำสม รองผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (รอง ผบ.กจต.) ได้เดินทางตรวจเยี่ยมกำลังพลหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด พร้อมมอบสิ่งของและให้กำลังใจกำลังพลทุกหน่วยที่ขึ้นตรง โดยเน้นย้ำให้เตรียมความพร้อมในทุกด้าน เพื่อรับมือสถานการณ์ความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนอีสานตอนเหนือ ซึ่งอาจลุกลามมายังพื้นที่ภาคตะวันออกได้

พลเรือตรีขวัญชัย กล่าวย้ำกับกองกำลังทุกหน่วยว่า ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (ผบ.กจต.) ได้มอบหมายให้มาตรวจเยี่ยม เพื่อให้กำลังใจและสั่งการให้ทหารนาวิกโยธินตราด รวมถึงทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมทั้งร่างกาย ยุทโธปกรณ์ และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพื้นที่จังหวัดตราดมีความเสียเปรียบด้านภูมิประเทศที่ฝ่ายตรงข้ามอยู่สูงกว่า ผู้บังคับบัญชาจึงมีความห่วงใยเป็นพิเศษ ขอให้ทุกคนระมัดระวังและพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของกองทัพเรือ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ พร้อมเน้นย้ำว่า “หากเกิดการสู้รบกันจริง ประชาชนในพื้นที่จันทบุรีและตราดต้องปลอดภัย”

พร้อมปกป้องอธิปไตย

หลังการมอบสิ่งของและให้กำลังใจกำลังพล พลเรือตรีขวัญชัย ได้กล่าวกับสื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านจังหวัดจันทบุรีและตราดยังคงเป็นปกติ รวมถึงพื้นที่อำเภอเกาะกูดและพื้นที่ทางทะเลที่หมวดเรือลาดตระเวนชายแดนภาค 1 (มชด/1) ดูแลอยู่ ซึ่งทั้งสองฝ่ายยังคงมีความสัมพันธ์อันดี

ท่านยังคงมั่นใจว่า พี่น้องประชาชนชาวจันทบุรี ตราด รวมถึงเกาะกูด ไม่ต้องกังวล และจะได้รับความปลอดภัยหากมีสถานการณ์ใดๆ เกิดขึ้นจริง โดยชี้ให้เห็นว่าหน่วยทหารนาวิกโยธินตราดและทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง มีความพร้อมทั้งกำลังพล อาวุธ ยุทโธปกรณ์ และยุทธวิธีอยู่ในระดับดีเยี่ยม อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้ทหารนาวิกโยธินทุกนายลาดตระเวนพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาอธิปไตยของไทยไว้

ทั้งนี้ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดมีภารกิจหลักในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย และปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายที่ส่งผลต่อความมั่นคงของชาติในพื้นที่จังหวัดตราด โดยมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชาตลอด 24 ชั่วโมง

มท.1เตรียมบินตรวจชายแดน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชาว่า ในวันที่ 8 มิถุนายน ตนจะเดินทางไปด้วยคณะเล็กๆ มีปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง ไปอย่างไม่เป็นทางการ และวันที่ 11 มิถุนายน จะเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดตามแนวเขตชายแดน ไทยกัมพูชาทั้ง 7 จังหวัด ไปประชุมที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า แนวทางในการสนับสนุนส่วนหน้า และแนวทางในการดูแลพี่น้องประชาชนจะต้องเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ประณามเหตุกราดยิงเด็ก/คนชรานราธิวาส ผบ.ทบ.ลันจะไม่ทน! ฉะโหดเหี้ยม/ไร้มนุษยธรรม ประณามเหตุกราดยิงเด็ก/คนชรานราธิวาส ผบ.ทบ.ลันจะไม่ทน! ฉะโหดเหี้ยม/ไร้มนุษยธรรม
  • ‘ทบ.’ยืนยัน สถานการณ์‘ชายแดนพื้นที่พิพาท’ไม่ตึงเครียด ‘ทบ.’ยืนยัน สถานการณ์‘ชายแดนพื้นที่พิพาท’ไม่ตึงเครียด
  • ผบ.ทบ.นำ 256 ทหารชั้นนายพล ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ผบ.ทบ.นำ 256 ทหารชั้นนายพล ถวายสัตย์ปฏิญาณตน
  • ‘บิ๊กปู’เซ็นแบ่งงาน ผช.ผบ.ทบ.-เสธ.ทบ.-รองเสธ.ทบ. ‘บิ๊กปู’เซ็นแบ่งงาน ผช.ผบ.ทบ.-เสธ.ทบ.-รองเสธ.ทบ.
  • ‘บิ๊กปู’ผบ.ทบ.ใหม่ ให้คำมั่นสานต่อภารกิจความมั่นคงทุกมิติ ‘บิ๊กปู’ผบ.ทบ.ใหม่ ให้คำมั่นสานต่อภารกิจความมั่นคงทุกมิติ
  •  

Breaking News

‘มท.1’บิน ฮ.ลงพื้นที่อุบลราชธานี​ เกาะติดสถานการณ์ชายแดน‘ไทย-กัมพูชา’

เปิดรายงาน‘กัมพูชาในเงาทุนเทา’รัฐกลายเป็นเจ้าบ้านอาชญากรรมข้ามชาติ ไทยไม่ควรนิ่งเฉย

The Never Ending Story ศึกชิงแชมป์สโมสรโลก2025

ปิดป่าเร่งล่า! อดีตผัวฆ่า'เมีย-น้องชายเมีย' เผ่นหนีผิด

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved