8 มิ.ย. 2568 พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ และอดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เนื้อหาดังนี้
เวลาสองชาติเผชิญหน้ากันเพราะพูดไม่รู้เรื่องปกติจะหยิบพลังอำนาจของชาติมาใช้ที่เรียกว่าหลายมิติก็มีอยู่ 7 มิติ ในยามปกติก็สู้กันแบบสหรัฐฯกับจีน เป็นต้น
มี 7 ด้านคือ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา การทหาร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สองเรื่องหลังนี้แทรกอยู่ในเรื่องต่าง ๆ มากมายเช่น การเมืองระหว่างประเทศของญี่ปุ่นพูดอะไรคนฟัง เพราะนอกจากเงินช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจแล้ว ญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีการทหารที่อยู่ในรูปเชิงพาณิชย์จำนวนมาก หากญี่ปุ่นหันมาใช้กำลังทางทหารจริงก็แทบจะหาคนสู้ด้วยได้ยากทั้งๆ ที่กองทัพเล็กมาก เป็นต้น อิสราเอลก็ลักษณะเดียวกัน
มาทางกัมพูชา มีอยู่สองเรื่องที่เรายังมองข้ามกันอยู่คือด้านสังคมและจิตวิทยา
ด้านสังคมคือ เราต้องทำทุกอย่างให้ชาวกัมพูชารู้สึกว่าปัญหาต่างๆ ไม่ได้เกิดจากชาวไทยหรือรัฐบาลไทย ชาวไทยและชาวกัมพูชาเคยค้าขาย ไปมาหาสู่กันปกติ แต่มาเกิดปัญหาเพราะรัฐบาลกัมพูชาเริ่มเอง การยุแหย่ให้เกลียดชังกันมาจากการเมืองของกัมพูชาเองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลที่ใช้ไทยเป็นเป้าหมายความเกลียดชัง ดังนั้นการสื่อสารออกไปต้องคำนึงถึงข้อนี้ด้วยให้มากเพื่อให้ด้านสังคมเป็นคุณกับไทยหรือแม้แต่ชาวกัมพูชาเอง อย่าไปหลงกลถูกปลุกปั่นให้เกลียดชังจากคนกลุ่มน้อยในกัมพูชา
ด้านจิตวิทยา กัมพูชาเผยแพร่ข่าวเท็จจำนวนมาก เพื่อปลุกปั่น รวมถึงฝั่งไทยที่สนับสนุนกัมพูชาด้วยผสมโรง การนำเสนอข้อมูลที่รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมตอบโต้ด้วยข่าวสารความจริง ทุกครั้งที่ฝ่ายกัมพูชาปล่อยออกมาจึงสำคัญเพื่อให้นานาชาติเข้าใจไทย ที่ออกข่าวทุกวันๆ ละหลายรอบ จนคนทั้งโลกรู้ความจริง เราจึงจะได้เปรียบด้านจิตวิทยา มีขบวนการในไทยที่ใช้ปฏิบัติการข่าวอยู่ ลองเลิกโจมตีกันเองแล้วหันไปใช้ความสามารถนี้สู้กับกัมพูชาดูก็จะดีมาก
ด้านอื่นๆ อย่างการเมืองเวลานี้ดูเหมือนรัฐบาลพยายามลอยตัวและโยนการตัดสินใจหรือการต่อสู้ไปให้กองทัพ
ทำถูกก็เสมอตัว หากทำผิดก็เป็นแพะ
ต้องเข้าใจว่ากองทัพเป็นเพียงกิ่งเดียวของพลังอำนาจของชาติ และหากให้พลังอำนาจนี้เข้มแข็งก็ต้องพร้อมใช้ความรุนแรง ไม่ปราณี ซึ่งอาจนำมาสู่ความสุ่มเสี่ยงที่จะชนะศึกแต่แพ้สงครามก็ได้ และไม่ควรมอบทุกเรื่องให้กองทัพ
รัฐบาลมีคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ เรื่องนี้อยู่แล้ว ต้องมีองค์ประกอบของผู้เชี่ยวชาญให้ครบด้านรวมถึงตัวแทนของทหารระดับที่ตัดสินใจได้อยู่เป็นองค์ประกอบของคณะฯ แล้วคุยกันว่าจะเอาเถิดเจ้าล่อกับกัมพูชาอย่างไร จังหวะไหนใครเข้า จังหวะไหนใครออก
ข้อสังเกตคือ จีนกลับมีความรวดเร็วว่องไวในเรื่องการรับรู้ข่าวสารและจับกระแสสังคมได้ทันควัน
รัฐบาลเราก็ควรทำเช่นนั้นเพราะจะได้เป็นข่าวออกไปนานาชาติ ให้ทหารแถลงเองไม่มีน้ำหนักอะไรมากไปกว่าบอกคนไทยด้วยกันเอง และรัฐบาลควรทำ
ในเวลาต่อมา พล.ท.พงศกร ยังโพสต์ข้อความเพิ่มเติมด้วยว่า
เรื่องความไวเปรียบเทียบ
ในด้านปฏิบัติการจิตวิทยาเราต้องไม่ปั่นให้ชาวบ้านทั้งไทยและกัมพูชาเกลียดกัน แต่ชี้ไปว่าต้นเหตุความยากลำบากนั้นมาจากรัฐบาลกัมพูชา
วันนี้รัฐบาลไทยเงียบเพราะเป็นวันหยุดราชการ วันอาทิตย์เป็นวันครอบครัว
วันนี้เช่นกันฮุนเซ็นบอกคนไทยว่าการปิดด่านจะทำให้ธุรกิจและคนไทยเกิดปัญหา นั่นหมายถึงเป็นความผิดของทางการไทย
วันนี้รอดูว่ารัฐบาลไทยจะตอบโต้ปฏิบัติการข่าวสารนี้อย่างไร หรือจะใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวที่ทำตลอดมาและจะทำตลอดไป
ส่วนจะถึงชั่วกัลปาวสานหรือไม่ ต้องติดตามชมกันครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี